ส่วนที่ 4 ตอนที่ 198 ผมเป็นคนชอบรูปลักษณ์ภายนอก

ความลับแห่งจินเหลียน

“คุณรู้ไหมว่าถนนหยกโบราณอยู่ที่ไหน” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“เราเรียกแท็กซี่ไปกันก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?” จ่านป๋ายพูด “คุณคงไม่ได้คิดที่จะเดินไปจริงๆ หรอกใช่ไหม? แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นคนชอบหลงทางแบบคุณ แต่ก็ไม่คุ้นเคยเส้นทางในเจียหยางหรอกนะ”

 

 

“ใครหลงทาง?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้างั้นก็เรียกรถเถอะ เวลานี้กลับโรงแรมไปก็ได้แค่นอน พวกเราไปที่ถนนหยกโบราณกัน หายากที่จะได้มีโอกาสมาเที่ยวเล่นแบบนี้…”

 

 

“ไม่รู้ว่าใครกันที่ไปหยางโจว แล้วไปผิดทาง” จ่านป๋ายยิ้มกระเซ้า

 

 

“คุณนี่…” ซีเหมินจินเหลียนพูดไม่ออก ได้แต่ด่าออกมาว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าหมอมองโกลนั่นเป็นคนขับต่างหาก”

 

 

“แล้วคุณไม่ได้อยู่บนรถเหรอไง?” จ่านป๋ายยิ้มเจ้าเล่ห์

 

 

“ก็ตอนนั้นฉันกำลังหลับอยู่” เมื่อซีเหมินจินเหลียนพูดเรื่องนี้ ก็รู้สึกกระดากอายขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าหมอมองโกลนั่นจะพาเธอไปผิดทางกัน

 

 

จ่านป๋ายหัวเราะชอบใจ “ผมกำลังคิดว่าถ้าวันนั้นขายคุณไปจะได้ราคาดีขนาดไหน!”

 

 

“คุณกล้าเหรอ?!” ซีเหมินจินเหลียนหยิกแขนเขาแรงๆ เจ็บจนจ่านป๋ายต้องร้องออกมา “รอให้กลับไปบ้านก่อนเถอะ ฉันจะต้องอบรมคุณสักหน่อย ตามกฎของบ้าน! คิดไม่ถึงว่าคุณจะกล้าขายฉัน?”

 

 

“อย่านะครับ” จ่านป๋ายร้องออกมาอย่างโอดครวญ “ถ้าคุณจะเฆี่ยนตีผมเจียนตาย คงต้องซวยแน่ๆ! จะมีใครคอยขับรถให้คุณล่ะ ที่เซี่ยงไฮ้ คุณก็เหมือนไม่ได้ชำนาญทางนี่นา”

 

 

“ฉันก็ไม่เคยหลงทางในเซี่ยงไฮ้นะ” ซีเหมินจินเกลียนโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สำหรับทางที่ไม่คุ้นเคยเธอก็ระมัดระวังเป็นอย่างดี ทางไหนที่ไปไม่ได้ก็ไม่ไป ส่วนทางที่คุ้นเคยแน่นอนว่าไม่มีทางหลง จุดด้อยของตัวเองแน่นอนว่าต้องคอยหลบหนี

 

 

“งั้นคุณรู้หรือเปล่าตอนนี้ทิศตะวันออกของพวกเราอยู่ทางไหน?” จ่านป๋ายประคองเธออยู่นั้นได้หยุดฝีเท้าลงและถาม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนยืนอยู่ภายใต้แสงไฟนานแต่สติยังคงไม่กลับคืน หากเป็นตอนกลางวันเธอก็สามารถดูตามทิศทางของพระอาทิตย์ว่าเป็นทิศเหนือใต้ออกตก แต่ตอนกลางคืนแบบนี้เธอก็ไม่รู้อีกว่าบนท้องฟ้าดาวดวงไหนคือดาวเหนือ แถมเธอไม่ค่อยรู้จักเจียหยาง ยากที่จะตัดสินทิศทางของสิ่งก่อสร้าง สถานที่แปลกหน้าแบบนี้ ทิศเหนือใต้ออกตก…เธอย่อมแยกไม่ออกอยู่แล้ว

 

 

“เสี่ยวป๋าย นี่คุณกำลังแกล้งฉันอยู่!” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาใส่เขาและแค่นเสียงใส่ เธอไม่เชื่อว่าเขาจะแยกได้อย่างแม่นยำ “แล้วไหนทิศตะวันออกล่ะ?”

 

 

“ข้างหน้านี้ไง!” จ่านป๋ายพูด “เดินผ่านถนนเส้นนี้ ข้างหน้าก็คือถนนหยกโบราณที่คึกคัก คุณจะให้เรียกรถหรือว่าเดินไปดีล่ะ”

 

 

“เดินไปเถอะ ฉันก็นั่งรถมาทั้งวันแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนคิดในเมื่อเขารู้จักเส้นทาง ถ้าอย่างนั้นก็เดินเถอะ ความจริงเธอก็ไม่คิดที่จะซื้ออะไรบนถนนหยกโบราณหรอก

 

 

“ครับ” จ่านป๋ายว่าพลางพยักหน้า ก่อนจะจูงมือซีเหมินจินเหลียนเดินไปข้างหน้าและถามเธอไปว่า “คุณจะซื้ออะไรเหรอ ผมพกเงินติดตัวมาไม่เยอะนะ”

 

 

“เข็มทิศ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

จ่านป๋ายได้ยินแล้วหน้าสลดไป เห็นอย่างนี้แล้วภายหลังเขาคงไม่เที่ยวแหย่เธอเล่นแล้ว แต่ในใจของเขาก็ยังคิดถึงประโยคที่เธอพูดเมื่อสักครู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากกลับบ้านจะอบรมกฎของบ้านสักหน่อย ถึงเธอจะไม่คิดอะไร แต่ทำไมพอเขาฟังแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ที่แท้ในใจของเธอ เธอก็เห็นเขาเป็นคนในครอบครัว กฎของบ้านเหรอ? นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเหลือเกิน!

 

 

เส้นทางนั้นไม่ไกลมาก เดินอีกนิดหน่อยเลี้ยวเข้ามุมก็เจอถนนหยกโบราณแล้ว ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “แปลกจัง บ้านของหนิงชุ่ยฉินก็อยู่ใกล้กับถนนหยกโบราณขนาดนี้เลยเหรอ? ทางนี้ค่อนข้างคึกคักวุ่นวาย แต่ทำไมแถวบ้านเธอถึงไม่เจริญตามไปด้วย?”

 

 

“อยากรู้เหรอครับ?” จ่านป๋ายยิ้ม

 

 

“คุณรู้เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ หากเป็นเรื่องในเมืองเซี่ยงไฮ้ บางทีเขาอาจจะรู้แน่ แต่ที่นี่ก็เป็นเมืองเจียหยาง เขาจะรู้ได้อย่างไร

 

 

จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “แน่นอนสิ!”

 

 

“ฉันไม่เชื่อคุณหรอก!” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูดขึ้น “คุณต้องพูดจาไร้สาระอยู่แน่ๆ!”

 

 

“เมื่อสักครู่ผมก็แกล้งคุณจริงๆ แต่ครั้งนี้ผมไม่มั่วแน่!” จ่านป๋ายพูด “หรือคุณไม่เห็นหรือว่าบ้านของหนิงชุ่ยฉินกับวิหารรกร้างของผู้อาวุโสหูอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว?”

 

 

“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า แน่นอนเรื่องนี้เธอเห็นตั้งแต่ตอนที่อยู่บ้านหนิงชุ่ยฉินแล้ว

 

 

“ผู้อาวุโสแปลกประหลาดคนนี้ มีเงินแต่ไม่ได้ใช้ คาดว่าเขาคงซื้อที่ดินแถบนั้นไว้ทั้งหมดแน่!” จ่านป๋ายพูดขึ้นยิ้มๆ

 

 

ซีเหมินจินเหลียนอึ้งอยู่นานและยังคงไม่ได้สติ “คุณจะบอกว่า…ผู้อาวุโสหูซื้อที่ดินแถวนั้นไปทั้งหมด?”

 

 

“ใช่ครับ!” จ่านป๋ายพูด “ผู้อาวุโสท่านนี้ดูสติไม่ค่อยสมประกอบ ตอนแรกก็คอยสะกดรอยตามพวกเรา ผมก็กังวลว่าเขาจะมีเจตนาอะไรเลยไปหาข้อมูลของเขามา เรื่องอื่นผมหาไม่เจอ แต่พบแค่ว่าเขามีอสังหาริมทรัพย์เท่าไหร่ ที่ผมรู้นะ ที่ดินบริเวณนั้นเป็นของเขาทั้งหมด เขาไม่อยากให้มันพัฒนาเลยกว้านซื้อไว้ แม้ว่าถนนหยกโบราณจะเจริญไปอีกสักเท่าไหร่ แต่ที่บริเวณนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ยินยอมตกลง ก็เลยกลายเป็นที่ห่างไกลความเจริญ”

 

 

“ผู้อาวุโสคนนั้นก็แปลกจริงๆ ด้วย ซื้อที่ดินแต่ไม่พัฒนาแล้วจะเอาไปทำอะไร?” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงผู้อาวุโสคนแปลกก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

 

 

จ่านป๋ายยิ้ม “เขาคงมีปัญหาทางสมองน่ะ เลยไม่เคยคิดอยากจะหาเงินกินกำไร…เขามีเงินมากเกินไปเลยไม่คิดว่าเงินมีค่าอะไร”

 

 

“เขามีอสังหาริมทรัพย์เท่าไหร่กัน” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย

 

 

“บนโลกนี้ไม่ว่าที่ไหนต่างก็มีการเล่นหุ้น แต่ส่วนมากเขาก็จะซื้อแต่ที่ดิน ตัวเลขที่ผมรู้คงต้องทำให้คนตกใจตายแน่ สิ่งที่ไม่รู้ก็ยังมีอีกมาก!” จ่านป๋ายยิ้ม “ผู้อาวุโสท่านนั้นแปลกมากจริงๆ จริงสิครับ จินเหลียน เขาก็คอยตามตอแยให้คุณยอมรับเขาเป็นปู่ใช่ไหม? ความจริงคุณยอมรับเขาก็ไม่เสียหายอะไรนะ เขาก็ไม่มีทายาทที่ไหน ทรัพย์สมบัติของเขาในอนาคต ฮะ…ก็เป็นของคุณทั้งนั้น”

 

 

“คุณฝันอยู่เหรอไง ของฟรีไม่มีในโลกหรอกนะ?” ซีเหมินจินเหลียนด่า

 

 

จ่านป๋ายถอนหายใจพูดขึ้นว่า “ความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้อาวุโสท่านนั้นมีแต่ตามหาหินปิดฟ้า ดังนั้นถึงเขาจะร่ำรวยแค่ไหนแต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างลำบาก จินเหลียน…ผมไม่หวังให้คุณจะเจริญรอยตามแบบเขา”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณเห็นว่าฉันสมองมีปัญหาเหรอ”

 

 

จ่านป๋ายเงียบงันไม่พูดจาอยู่นานถึงค่อยเอ่ยขึ้น “พวกคุณเป็นคนประเภทเดียวกัน”

 

 

“คุณต่างหากที่เป็นประเภทเดียวกับผู้อาวุโสแปลกประหลาดท่านนั้น!” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“ผมพูดจริงๆ นะ ตอนนี้คุณก็เริ่มสนใจในหินปิดฟ้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว ครั้งนี้ที่คุณจะไปพม่า คุณกล้าพูดไหมล่ะว่าคุณไม่ได้เตรียมตัวหาเบาะแสเรื่องนี้?” จ่านป๋ายถอนหายใจ ตอนนี้ซีเหมินจินเหลียนร่ำรวย แต่นิสัยของเธอยังบอบบาง ไม่เข้าใจที่จะเสพสุขของบนโลก เขาไม่อยู่หลายวัน เธอก็ใช้ชีวิตด้วยการกินบะหมี่สำเร็จรูป หลังจากที่เขากลับมาถึงเซี่ยงไฮ้วันนั้น ในห้องครัวก็เต็มไปด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกลื่อนกราด

 

 

นอกจากรักสวยรักงามเหมือนผู้หญิงทั่วไป ชอบเลือกใส้เสื้อผ้าแบรนด์เนมแล้ว อย่างอื่นเธอก็ปล่อยให้มันผ่านๆ ไปได้ก็พอ…ไม่ได้สนใจที่จะพิถีพิถันอะไร

 

 

“ฉันอยากจะไปดู แต่ก็ไม่ถึงบ้าขนาดผู้อาวุโสท่านนั้นสักหน่อย ให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด

 

 

“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะครับ” จ่านป๋ายพยักหน้า จูงมือเธอและกดเสียงพูดลง “ร้านนี้ดูใช้ได้ คุณจะเข้าไปดูหน่อยไหม?”

 

 

“ไปดูกันเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม

 

 

จ่านป๋ายพยักหน้าและเดินเข้าไปในร้านพร้อมเธอ เจ้าของเป็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างเจ้าเนื้อท่าทางอ่อนโยน เมื่อเห็นทั้งคู่ก็รีบทักทายว่า “คุณสองคนอยากดูอะไรคะ เครื่องประดับหยกของร้านเรามีชื่อเสียงที่สุดในถนนหยกโบราณนี้แล้ว รับรองว่าราคาถูกกว่าที่อื่นแน่นอน”

 

 

“พวกเราขอดูก่อนแล้วกันนะครับ” จ่านป๋ายยิ้ม

 

 

“คุณผู้ชายอยากเลือกเครื่องประดับให้แฟนใช่ไหมคะ?” เถ้าแก่เนี้ยยิ้มพึงพอใจมองไปทางซีเหมินจินเหลียนและรีบแนะนำ “คุณผู้ชาย ลองดูสีของกำไลหยกวงนี้สิคะ เป็นสีเขียวมรกตสวยเชียว แฟนของคุณผิวขาว ถ้าได้ใส่คงต้องขับผิวเป็นอย่างดีแน่ จะให้ฉันเอาออกมาลองให้ไหมคะ?”

 

 

จ่านป๋ายมองแวบเดียวก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นเนื้อแก้ว แต่เห็นได้ชัดว่าดีกว่าชนิดฝูหรงมากพอสมควร สีไม่ใช่สีเขียวมรกตมาก ค่อนข้างไปทางเข้ม ของแบบนี้เขายังไม่คิดจะสนใจเลย ของที่ห้องใต้ดินของซีเหมินจินเหลียนก็ยังดูดีกว่าเยอะ ของแบบนี้ดูยังไงก็ไม่เข้าตาแม้แต่น้อย

 

 

“มีที่ดีกว่านี้ไหมครับ” จ่านป๋ายเห็นซีเหมินจินเหลียนมองนู่นมองนี่เพลิดเพลินไปหมดเลยตั้งใจถามออกไป

 

 

“คุณผู้ชายต้องการแบบไหนล่ะคะ” เถ้าแก่เนี้ยกระแซะถาม

 

 

“ชนิดเนื้อแก้ว สีสวยๆ หน่อย” จ่านป๋ายพูด “ยิ่งสีสดก็ยิ่งดี ผมเป็นคนชอบของสวยๆ งามๆ น่ะครับ”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแบบนั้นเข้าจึงยิ้มคิกคัก เถ้าแก่เนี้ยก็เผยยิ้มอ่อนโยนเช่นกัน “สิ่งที่คุณผู้ชายพูด หากไปพูดเข้าในที่อื่น แฟนสาวคงไม่ยอมแน่เลยค่ะ”

 

 

“ผมก็กล้าพูดแค่กับหยกเท่านั้นล่ะครับ!” จ่านป๋ายยิ้ม

 

 

“แต่ความต้องการของคุณผู้ชายค่อนข้างสูงไปหน่อย” เถ้าแก่เนี้ยขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัด เนื้อแก้วเหรอ? และยังต้องการสีสดอีก ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าที่ร้านเธอจะไม่มี แต่ของดีแบบนี้ส่วนมากจะเป็นลูกค้าเก่าๆ ที่รู้จักกันถึงทำการซื้อขายเท่านั้น ถึงค่อยเอาออกมาให้ชื่นชม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่เขาเล็กน้อย และรีบถามเถ้าแก่เนี้ยว่า “เถ้าแก่เนี้ย ไม่ทราบว่าห้องน้ำไปทางไหนคะ”

 

 

“อ้อ!” เถ้าแก่เนี้ยรีบเรียกให้เด็กสาวอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดเป็นคนนำทางเธอไป และรีบหันไปพูดกับจ่านป๋ายด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณผู้ชายพูดมาตามตรงเถอะค่ะ คุณอยากได้สินค้าแบบไหนคะ”

 

 

“กำไลเจ็ดสี เนื้อแก้วครับ” จ่านป๋ายพูดออกไปตามที่ใจคิด

 

 

“อะไรนะ?” เถ้าแก่เนี่ยตกตะลึง อ้าปากค้างอยู่นานถึงปริปากเอ่ยขึ้น “คุณผู้ชายเข้าใจเกี่ยวกับหยกหรือเปล่า หรือว่าคุณแค่มาดูเพื่อฆ่าเวลา?”

 

 

“พูดยังไงดีล่ะ ผมก็ต้องการที่จะมาซื้อจริงๆ” จ่านป๋ายยิ้ม “หากเป็นของธรรมดาก็ช่างเถอะครับ หรือไม่ก็เถ้าแก่เนี้ยพอจะแนะนำร้านไหนที่มีหยกเจ็ดสีได้บ้างไหม?”

 

 

เครื่องประดับของซีเหมินจินเหลียนก็มีมากพอแล้ว ส่วนมากจะเป็นหยก แม้แต่เพชรหลายสียังมี ขอแค่มีจ่านมู่ฮวาอยู่ แค่เธอพยักหน้าเพชรหลากสีก็มากองอยู่ตรงหน้าแล้ว หลายต่อหลายครั้งที่เขาอยากจะซื้อเครื่องประดับให้เธอ แต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรดี หลักการเวลาเดิมพันหินของเธอคือต้องเป็นชนิดเนื้อน้ำแข็งขึ้นไป ต่ำกว่านั้นเธอแทบจะไม่ชายตามอง…ยิ่งมีเยอะความรอบรู้ของเธอก็ยิ่งสูง

 

 

ถ้าเป็นหยก นอกจากจะเป็นเจ็ดสีแล้ว จ่านป๋ายก็คิดไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรอย่างอื่นที่น่าสนใจอีก

 

 

เมื่อได้ยินจ่านป๋ายพูดออกมาอย่างนั้น เถ้าแก่เนี่ยก็นิ่งอึ้งไปนาน ทางหยางเหม่ยมีคนหลากหลายประเภท ใครจะไปรู้ว่าเขาต้องการกำไลเจ็ดสีจริงหรือแค่มาฆ่าเวลาเล่นๆ?