ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข้า ตอนที่ 56 โชคสองชั้นต่อเนื่อง

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

เหล่าชุยโดนเหล่าเจียงลากตัวขึ้นม้าขี่ซ้อนกันกลับมา เดิมทีเขากำลังหาสมุนไพรในป่าเพื่อให้คนในขบวนคาราวานต้มกินลดธาตุไฟลดอาการร้อนใน ฟ้าใกล้ค่ำแล้วจึงออกจากป่ามองเห็นเหล่าเจียงขี่ม้ามาอย่างเร่งรีบ คิดว่าเขามีธุระอะไรกำลังจะทักทาย ที่ไหนได้พอมาถึงตรงหน้าไม่ทันพูดอะไรก็โดนเหล่าเจียงจับตัวลากขึ้นคร่อมคอม้าขี่กลับมาเลย

 

 

เหล่าชุยเป็นหมอประจำตระกูลอวิ๋นเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน หลังจากติดตามฝึกการแพทย์กับหมอเทวดาซุนแล้วยิ่งอยู่ในฐานะหมอมีชื่อเสียง คนในตระกูลในหมู่บ้านเห็นเหล่าชุยต้องค้อมตัวเรียกหมอชุย เหล่าชุยเองก็ตั้งใจรักษาลูกบ้านตระกูลอวิ๋นเป็นอย่างดี ถึงแม้ทั้งหมอเทวดาซุนกับอวิ๋นโหวต่างเป็นยอดฝีมือในวงการแพทย์ แต่ถ้าเจ้าเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยเช่นปวดหัวตัวร้อนก็ไปหาทั้งสองท่านนี้ก็ไม่เหมาะสมแน่นอน ดังนั้นคนที่รักษาคนไข้มากที่สุดในตระกูลก็ยังต้องเป็นหมอชุยนั่นเอง

 

 

คนหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นเองก็ถือตัวมากเชื่อถือแต่คนของตัวเอง หมอนอกหมู่บ้านต่อให้เก่งกาจเพียงไหนก็ไม่อยู่ในสายตา ถิ่นที่อยู่ของหมอเทวดาซุนกับอวิ๋นโหวจะปล่อยให้หมอจากที่อื่นมาทำกร่างได้อย่างไร

 

 

พอได้ยินว่าฮูหยินน้อยไม่สบาย เหล่าชุยที่ฟืนไฟกำลังจะขึ้นก็พลันหายไปรีบเรียกคนไปหยิบล่วมยาในกระโจมของเขา ส่วนตัวเองล้างมือแล้วก็จะเข้ากระโจมดูว่าฮูหยินน้อยไม่สบายเพราะอะไร

 

 

ก่อนเข้ากระโจม เหล่าเฉียนคนดูแลบ้านสกัดเหล่าชุยกำชับแล้วกำชับอีกว่าให้ดูอย่างละเอียดลออ ดูซ้ำสักสองรอบก็ไม่มีปัญหา ต้องหาสาเหตุได้ชัดเจน หากผิดพลาดอะไรขึ้นมาคนทั้งหมู่บ้านจะไม่ยอมให้อภัยแน่นอน

 

 

“ไม่ต้องไปฟังพวกเขา หมอชุย อย่าให้มีความกดดัน ให้ดูเหมือนที่เคยทำปกติ ฮูหยินน้อยไม่ได้ป่วยหนักหนาอะไร แค่รู้สึกร่างกายไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น ธรรมเนียมหมอไม่รักษาคนครอบครัวตัวเองเจ้าก็รู้ ดังนั้นให้เจ้าดูให้เต็มที่ไม่ต้องห่วงอะไร” อวิ๋นเยี่ยที่รออยู่นอกกระโจมเห็นเหล่าชุยโดนขู่จนเหงื่อตกจึงออกปากปลอบโยน

 

 

อวิ๋นเยี่ยไม่ได้เข้ากระโจมไปด้วย คงเดินไปมาอยู่ข้างนอก เฉิงฉู่มั่วกับหนิวเจี้ยนหู่เดินตามอย่างเงียบๆ พวกเขาต่างรู้กันอยู่ว่าการที่ซินเย่ว์มีครรภ์มีความหมายต่อตระกูลอวิ๋นมากมายเท่าไร

 

 

 บ่าวไพร่ที่วุ่นวายกับงานต่างหยุดงานทั้งหมดในมือแล้วจับจ้องที่กระโจมฮูหยินน้อย โหวเหยียมีทายาทสำคัญต่อตระกูลอวิ๋นรวมทั้งบริวารทั้งหมดอย่างมหาศาล เท่ากับบุญบารมีของตระกูลอวิ๋นไม่เพียงแค่แผ่มาถึงตัวเอง แต่จะตกไปชั่วลูกชั่วหลานที่ยังอาศัยบุญบารมีนี้ต่อไปได้อีก แต่ละคนล้วนแต่ท่องคำสวดให้พระช่วยนับไม่ถ้วนรอบ ขอให้อาการฮูหยินน้อยเป็นจริงตามที่ทุกคนหวังไว้ ไม่ใช่ดีใจเสียเปล่ากัน

 

 

มีเสียงเฮของเสี่ยวหนิวฮูหยินดังออกมาจากในกระโจมทั้งจิ่วอีก็เฮด้วย สือสือเปิดม่านกระโจมวิ่งออกมาบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “อาจารย์ อาจารย์ อาจารย์แม่มีครรภ์จริงๆ หมอที่มาตรวจดูแล้วหลายหนบอกว่าไม่ผิดแน่นอน”

 

 

อวิ๋นเยี่ยยิ้มแย้มดีใจเต็มที่ เฉิงฉู่มั่วอุ้มสือสือหมุนไปรอบๆ หนิวเจี้ยนหู่ตะโกนแสดงความยินดี เหล่าบ่าวไพร่สาวใช้ต่างกระโดดโลดเต้นคล้ายผีเข้า ค่ายพักแรมระเบิดเสียงหัวเราะดีใจออกมากันทั้งค่าย

 

 

อวิ๋นเยี่ยถามคำหนึ่งกะทันหัน “ทำไมหมอชุยไม่ออกมาแจ้งข่าวดี”

 

 

สือสือพูดทันทีว่า “หมอชุยกำลังดูอาการอาหนิว เห็นว่าอาหนิวก็ไม่สู้สบายเหมือนกัน”

 

 

คราวนี้กลายเป็นหนิวเจี้ยนหู่ตกตะลึง ครั้งก่อนภรรยามีครรภ์ ใครจะรู้ว่าพอกลับบ้านพ่อตาแม่ยายไม่ทันระวังหกล้มไปทีเดียวเด็กก็หายไป เหล่าหนิวฮูหยินร้องไห้ไปสามวัน เสี่ยวหนิวฮูหยินเลิกยิ้มไปครึ่งปีเต็ม บ่าวไพร่ที่ติดตามเสี่ยวหนิวฮูหยินกลับบ้านพ่อตาแม่ยายโดนไล่ออกไปหมด หากไม่ใช่เสี่ยวหนิวห้ามไว้อาผู้หญิงจะต้องฆ่าคนแน่ๆ ตอนที่อวิ๋นเยี่ยไปเยี่ยมโดนอาผู้หญิงลากตัวไปร้องห่มร้องไห้เล่าเรื่องตั้งหลายชั่วยาม หากครั้งนี้มีครรภ์จริงพวกตระกูลหนิวคงต้องดีใจเจียนคลั่งเหมือนกัน

 

 

คนทั้งสามตระกูลล้วนรู้เรื่องของสามตระกูลอย่างดี ได้ยินสือสือพูดเช่นนี้แล้ว เหล่าเฉียนรีบกางแขนออกให้ทุกคนเงียบเพื่อรอฟังข่าวต่อไป เหล่าบ่าวไพร่ต่างไม่สามารถกลบเกลื่อนความยินดีในแววตาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ขอเพียงให้ทั้งสามตระกูลนี้มีทายาทกันให้คับคั่งก็จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับชุมนุมเล็กๆนี้

 

 

เหล่าชุยเดินปากสั่นออกมา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะโชคดีอะไรขนาดนี้ บุตรชายหรือบุตรสาวคนโตของสองตระกูลใหญ่ล้วนมาจากที่ตัวเองวินิจฉัยออกมา ไม่พูดไม่จากำมือแสดงความยินดีกับอวิ๋นเยี่ยและหนิวเจี้ยนหู่ชนิดปากคอสั่นไม่หยุด

 

 

“เจ้านี่พูดทีสิ พี่หนิวข้าจะมีทายาทใช่ไหม” เฉิงฉู่มั่วเขย่าไหล่เหล่าชุยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว

 

 

“ยินดีกับโหวเหยีย ยินดีกับหนิวเสี่ยวโหวเหยีย ฮูหยินทั้งสองต่างมีครรภ์ ถึงแม้ชีพจรเบามากๆเพราะเพิ่งเริ่มมีครรภ์ แต่ข้ายืนยันได้แน่นอนว่าฮูหยินทั้งสองมีครรภ์แน่ๆ”

 

 

เพิ่งพูดจบ ทั้งอวิ๋นเยี่ยกับหนิวเจี้ยนหู่ต่างยัดแผ่นหยกให้เหล่าชุยคนละอัน บ่าวไพร่ข้างๆต่างดูจนตาร้อนผ่าว หยกสองแผ่นนี้พอที่จะให้เหล่าชุยหาเมียน้อยได้อีกสองคน

 

 

ภรรยาเหล่าหนิวถูกจิ่วอีพยุงออกมาจากกระโจมด้วยสีหน้าแดงก่ำ ดูออกได้ว่านางกำลังอยู่ท่ามกลางความสุขยิ่งนัก เสี่ยวหนิวอ้าปากหัวเราะร่าจนอวัยวะทั้งหมดบนใบหน้ารวมเป็นกระจุก รีบไปพยุงภรรยากลับกระโจมตัวเอง

 

 

เฉิงฉู่มั่วไม่ได้ชอบใจเลย เขารู้สึกว่าสวรรค์เป็นปรปักษ์กับตัวเองเรื่องนี้ ภรรยาของพี่น้องทั้งสองคนต่างมีครรภ์ ภรรยาตัวเองก็ต้องมีครรภ์ด้วยจึงจะถูก แล้วทำไมตัวเองถึงได้หลุดรอดไป กำลังอารมณ์บูดอยู่กับจิ่วอี

 

 

“ดีแล้ว จะมาโวยวายอะไร หากจิ่วอีมีครรภ์ท่านจะลำบาก ชิงเหอใกล้จะแต่งเข้ามาแล้ว เวลานี้จิ่วอีมีอีหนูข้างตัวคนเดียวดีที่สุดแล้ว ถ้ามีไอ้หนูขึ้นมาจะเป็นโชคร้ายของท่าน ถึงเวลาแล้วบุตรชายคนโตไม่ใช่ผู้สืบทอดแล้วท่านจะจัดการอย่างไรกัน”

 

 

หลี่ซื่อหมินแต่งบุตรสาวเพราะมีเป้าหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับกลุ่มศักดินาเหล่านี้ เพื่อรวบรวมกลุ่มผลประโยชน์ร่วมกันให้ใกล้ชิด เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการปกครองระยะยาวของตระกูลหลี่

 

 

เฉิงฉู่มั่วนิ่งไปพักหนึ่งก็ลากจิ่วอีกลับกระโจมตัวเอง

 

 

เหล่าเฉียนนำสือสือไปอย่างผู้ช่ำชอง บอกว่ามีกระโจมลายดอกให้สือสือดูว่าชอบหรือไม่ อีกทั้งยังต้องจัดสาวใช้ให้คุณหนูจิ๋วสองคนกับรถม้าอีกหนึ่งคัน ต่อไปเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่โตแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนต้องมีไว้ใช้

 

 

ซินเย่ว์ในกระโจมค้นข้าวของเละเทะราวกับหนูยักษ์คุ้ยดิน เปิดดูข้าวของทุก**บห่อทั้งเสื้อผ้าเครื่องประดับโยนไปทั่วพื้น ทั้งยังค้นดูก้น**บอีกไม่รู้ว่าค้นหาอะไรกัน

 

 

“หยุดพักสักครู่เถอะ คนท้องที่ไหนจะวุ่นวายไม่หยุดเหมือนเจ้า ระวังอย่าหกล้มด้วย” อวิ๋นเยี่ยเห็นข้าวของเกลื่อนพื้นแล้วกลุ้มมาก นี่เพิ่งจะเริ่มต้น ดอกหมู่ตันหลากสีที่ไม่กี่วันก่อนยังเห็นเป็นของวิเศษตอนนี้โดนเหยียบเละเทะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเห็นท่าจะแย่

 

 

“ท่านยังจำได้ไหมว่าข้าเก็บที่ห้อยคอผิงอันอิงลั่วไว้ที่ไหนแล้ว จำได้ว่าเก็บอยู่ใน**บแต่ทำไมหาเท่าไรก็ไม่เจอ ท่านมาช่วยหาให้หน่อยสิ” ซินเย่ว์ซุกศีรษะไว้ใน**บพูดเสียงงึมงำกับอวิ๋นเยี่ย

 

 

พอมีครรภ์ก็เปลี่ยนทันที แต่ก่อนต่อให้บ้านถูกไฟเผาซินเย่ว์ก็ยังไม่เรียกอวิ๋นเยี่ยไปช่วยดับไฟ วันนี้แค่หาอิงลั่วกระจอกๆอันเดียวถึงขนาดกล้าสั่งเจ้าบ้านแล้ว

 

 

อวิ๋นเยี่ยอุ้มนางวางเบาๆไว้บนเตียงแล้วบอกนางว่า “หาของเจ้าให้สาวใช้ช่วยเจ้า ไม่ต้องมาบงการข้า ข้ามีเรื่องสำคัญมากมายต้องไปทำ” พูดจบก็แกล้งทำเป็นจะออกไป

 

 

ซินเย่ว์คว้าอวิ๋นเยี่ยไว้ เอาหน้าแนบเข้ามาว่า “ไม่ได้ ผู้หญิงใช้อารมณ์กับผู้ชายได้ก็แค่ไม่กี่วันนี้เท่านั้น ระหว่างนี้ท่านด่าไม่ได้ตีไม่ได้ ท่านยังไม่ยอมให้ข้าปล่อยอารมณ์ได้อีกหรือ” พูดจบยังลูบท้องอย่างภาคภูมิใจโชว์พาวให้อวิ๋นเยี่ยดู

 

 

“โจโฉอ้างฮ่องเต้สั่งเหล่าโหว เจ้าเอาอย่างได้ไม่มีที่ติ เอาลูกชายมาขู่เข็ญพ่อหลานเถียนโหว ก็ได้ ปล่อยให้เจ้าผยองสักพัก บอกมาเลยอยากทำอะไร ข้ายินดีรับคำสั่ง”

 

 

หญิงมีครรภ์อารมณ์ผันผวน นึกถึงความลำบากที่พวกนางอุ้มท้องสิบเดือน อวิ๋นเยี่ยรู้สึกว่าถ้าเวลานี้ยังมาขบกับภรรยาอีกก็เกินไปแล้ว มือวางอยู่บนท้องซินเย่ว์ค่อยๆลูบเบาๆ ถึงแม้ยังคงแบนราบไม่ได้ต่างอะไรกับเมื่อก่อน แต่การรับรู้ทางใจต่างกันแล้ว ชีวิตที่อุบัติขึ้นใหม่ใต้ชั้นผิวนี้กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรก อวิ๋นเยี่ยก็ยังคงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่สวรรค์ประทานให้

 

 

ซินเย่ว์เห็นอวิ๋นเยี่ยเงียบไปนาน แค่เพียงลูบคลำท้องนางอย่างเหม่อลอย ก็รีบมุดเข้าด้านในของเตียงด้วยใบหน้าแดงเรื่อเพราะเข้าใจว่าอวิ๋นเยี่ยเริ่มเกิดอารมณ์ใคร่ ทั้งเอาผ้าห่มพันตัวอย่างแน่นหนาจนเหลือเพียงศีรษะโผล่ออกมา กัดริมฝีปากพูดว่า “ต้องอีกปีหนึ่งเลยที่ท่านแตะตัวข้าไม่ได้ ท่านมีคู่ขาอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ แต่ก็น่าสงสารนะ คนหนึ่งอยู่ทุ่งหญ้า อีกคนอยู่หลิ่งหนาน ปล่อยให้สามีหงอยเหงาหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว เสี่ยวชิวก็ไม่อยู่ในสายตาท่านอีกด้วย”

 

 

คำพูดชนิดปากไม่ตรงกับใจเลย หากอวิ๋นเยี่ยกล้าไปทุ่งหญ้าหรือหลิ่งหนานจริงๆ นางไม่เผาบ้านตระกูลอวิ๋นให้เหลือแต่เถ้าถ่านสิจึงจะแปลก เอาผ้าเช็ดหน้าคลุมใบหน้านาง ตบศีรษะนางแล้วถามว่า “อยากกินอะไรบอกมาได้เลย ข้าจะลงครัวทำให้เอง อาศัยตอนนี้ข้ายังพอมีแรงใจอยู่ รีบบอกเลย ถ้าพลาดโอกาสแล้ว ร้านนี้หายเลยนะจะบอกให้”

 

 

ได้ยินอวิ๋นเยี่ยพูดเช่นนี้แล้วซินเย่ว์ดึงผ้าปิดหน้าออกทันที ลุกขึ้นมานั่งพูดว่า “ไม่ได้กินอาหารที่ท่านทำนานแล้ว นึกขึ้นมาแล้วน้ำลายไหล ซี่โครงหมูตุ๋นเยี่ยมมาก ลูกชิ้นเปรี้ยวหวานก็ดี ซุปลูกบัวท่านก็ทำได้ดีกว่าใคร ปลาช่างเถอะ ก้างเยอะกินลำบาก ผักเสี่ยวเหยี่ยไช่ของท่านก็หอม ไก่ชิ้นต้มก็อร่อย เอาเท่านี้ก่อน ท่านไปทำข้าขอพักก่อน ทำเสร็จแล้วท่านให้สาวใช้มาตามข้า” ซินเย่ว์ปิดปากหาว บิดขี้เกียจเหมือนหนอนแล้วมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีก

 

 

อวิ๋นเยี่ยนึกขำ ก่อนซินเย่ว์มีครรภ์ไม่เคยเลยที่จะมาสั่งการให้ตัวเองทำโน่นทำนี่มากมาย ตอนนี้มีเด็กทำให้นางมีเหตุผลมากพอ ตัวเองเป็นคนทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้เอง มีเปลือกนอกของนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าในราชสำนักหรือในบ้านล้วนทำตัวสูงส่งจนน่าสะอิดสะเอียน ทำให้มีแรงกดดันต่อซินเย่ว์อย่างสูง นี่ไม่ใช่วิธีการพึงปฏิบัติของสามีภรรยา จะต้องมีการปรับปรุงใหม่

 

 

หลังจากสั่งสาวใช้ให้เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นเยี่ยก็เข้าครัวพบว่าสือสือกำลังถือชามกินข้าวอยู่ เป็นข้าวที่หุงจนไหม้ดำทำให้อวิ๋นเยี่ยโมโหทันที “ใครเป็นคนทำ” อวิ๋นเยี่ยตวาดแว้ด

 

 

เหล่าเฉียนวิ่งมาตามเสียง รีบแย่งชามข้าวในมือสือสือมา บอกอวิ๋นเยี่ยว่า “โหวเหยีย เมื่อครู่นี้พวกคนครัวมัวแต่ห่วงฟังเรื่องมงคลของฮูหยินทั้งสองจนลืมดูไฟทำให้ข้าวไหม้ ข้าให้พวกเขาหุงใหม่แล้ว ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูจิ๋วจึงได้กินข้าวที่ไหม้”

 

 

“อาจารย์ ไม่ใช่พวกเขาเอาให้ข้า ข้าเป็นควักขึ้นมาเอง เห็นพวกเขาต่างก็กินก็เลยกินไปด้วย อาหารจะปล่อยให้เสียของไม่ได้” ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะคนอื่นทำให้สือสือลำบาก อวิ๋นเยี่ยจึงไม่ได้ถือสา ทั้งเห็นข้าวที่เหล่าเฉียนกินก็คล้ายกัน จึงพยักหน้านำสือสือเข้ากระโจมทำครัวเตรียมทำอาหารด้วยฝีมือตัวเอง