บทที่ 546 เก่งจริงก็เข้ามาฆ่าข้าเลยสิ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 546 เก่งจริงก็เข้ามาฆ่าข้าเลยสิ

“ไม่ว่าพวกท่านจะสามารถแฝงตัวเข้าไปได้สำเร็จหรือล้มเหลว ก็ขอให้จดจำเส้นทางเหล่านี้เอาไว้ให้ดี โปรดอย่าออกนอกเส้นทางเด็ดขาด แล้วข้าจะตามไปสมทบกับพวกท่านตามสถานที่นัดหมายในเวลาหนึ่งก้านธูป”

หลินเป่ยเฉินนำแผนที่ซึ่งเขาวาดโครงร่างมาจากแผนที่ในแอปไป่ตู้ แมปและชี้เส้นทางมั่วๆ ให้ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนนั้นดู หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็กล่าวสำทับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมื่อเข้าไปถึงจวนผู้ว่าแล้ว ขอให้พวกท่านเรียกความสนใจของพวกกองทัพฉลามให้ได้มากที่สุด ต่อจากนั้น ก็ขอให้พวกท่านรีบหลบหนีไปทันที ไม่ต้องเป็นห่วงข้า เพราะข้าสามารถเอาตัวรอดได้โดยไม่มีปัญหา”

“คุณชายได้โปรดระมัดระวังตัว”

“สมแล้วที่คุณชายเป็นความหวังของชาวเมืองหยุนเมิ่ง”

“เพื่อเมืองหยุนเมิ่ง”

ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนหมุนตัวเดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

หลินเป่ยเฉินยืนมองทั้งหมดเดินหายลับไปจากสายตา จากนั้นเขาก็เก็บแผนที่กลับเข้าที่เดิม

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้าแล้วนะ… ภาวนาให้ข้าเดาผิดก็แล้วกัน”

หลินเป่ยเฉินได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ก่อนที่จะโคจรพลังปราณธาตุดินในร่างกายและเดินทางไปข้างหน้าด้วยวิธีการดำดิน

เด็กหนุ่มเป็นเสมือนปลาที่แหวกว่ายอยู่ในท้องทะเล ร่างกายของเขาค่อยๆ จมหายลงไปใต้พื้นดิน เมื่อลงไปอยู่ใต้ดินแล้ว หลินเป่ยเฉินก็สามารถดีดตัวพุ่งไปข้างหน้าได้อย่างคล่องแคล่ว

ใช่แล้ว

นี่คือการดำดินที่จะช่วยทำให้เขาหลบหนีศัตรูได้อย่างเงียบงัน

หลินเป่ยเฉินสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง

ตราบใดที่เขาดำดินลงมาไม่ลึกเกินกว่า 15 จั้ง

ทัศนวิสัยเมื่ออยู่ใต้ดิน เด็กหนุ่มจะสามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะไม่เกิน 6 จั้ง

นอกจากนี้ เขายังสามารถได้ยินเสียงที่อยู่บนพื้นดินได้อย่างชัดเจน

ในกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนนั้น หลินเป่ยเฉินเลือกสะกดรอยตามชายหนุ่มร่างอ้วนที่มีนามว่าฉินฉู่อี้

และเด็กหนุ่มก็ได้พบว่าฉินฉู่อี้ไม่ได้เดินทางไปตามเส้นทางที่เขาบอก

แต่ฉินฉู่อี้กลับเลือกที่จะใช้ทางลัดด้วยความชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี เมื่อพบเจอนายทหารกุ้งผู้เป็นหน่วยลาดตระเวนของชาวทะเล ชายหนุ่มร่างอ้วนก็ประสานมือคำนับด้วยความนอบน้อม ก่อนจะล้วงป้ายเงินออกมาแผ่นหนึ่ง หลังจากนั้น นายทหารกุ้งก็พาตัวฉินฉู่อี้ตรงไปยังทิศทางของที่ทำการจวนผู้ว่าด้วยความรวดเร็ว

“ให้มันได้แบบนี้สิ…”

หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

ไอ้อ้วนคนนี้เป็นสายลับแฝงตัวมาจริงๆ ด้วย

โชคดีที่เขาสังเกตเห็นความผิดปกติจากการเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟไม่ได้

หลินเป่ยเฉินลองหันไปสะกดรอยตามเจิ้งเจินเจี้ยนกับเซียงต้าหลงตามลำดับ

ไม่มีอะไรผิดพลาด

เพราะทั้ง 2 คนนั้นเองก็เป็นสายลับแฝงตัวมาเหมือนฉินฉู่อี้เช่นกัน

แต่ที่สำคัญก็คือ ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนไม่ทราบเลยว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็นสายลับด้วยกันทั้งหมด พวกเขาแยกย้ายกันเดินทางด้วยความระมัดระวัง และทำการติดต่อชาวทะเลด้วยความรอบคอบรัดกุมที่สุด

“ชาวทะเลขึ้นมาทำการค้าบนแผ่นดินใหญ่หลายปีแล้ว พวกมันเตรียมความพร้อมไว้หมดเลยหรือนี่”

“หลังจากที่พวกมันบุกโจมตีขึ้นมาบนแผ่นดินใหญ่ ความพ่ายแพ้ของกองทัพจักรวรรดิไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่นี่เป็นแผนการที่พวกชาวทะเลวางเอาไว้เป็นอย่างดี”

หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าด้วยความทดท้อใจ

เขาไม่ได้อยากจะก่อเรื่องวุ่นวายเลย

เขาแค่อยากจะปกป้องผู้คนที่อยู่รอบตัวเท่านั้น

และการที่จะต้องเสียดินแดนต่อไปเรื่อยๆ ก็คือสิ่งที่ทางจักรวรรดิควรเป็นกังวล

หลินเป่ยเฉินอาศัยแอปเมจิก คาเมร่าแปลงโฉมตัวเองเป็นนายทหารกุ้งตัวหนึ่ง เขาเดินอาดๆ ข้ามสะพานโครงกระดูกไปบนเกาะกลางทะเลสาบได้อย่างแนบเนียน ในเวลาเดียวกันนั้น ก็ไม่ลืมที่จะสั่งให้เสี่ยวจี้ถ่ายภาพอาคารทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีรอบกายเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์

ปรากฏว่าไม่มีอาคารหลังไหนสร้างอยู่บนพื้นดินเลย

อาคารทุกหลังสร้างอยู่บนพื้นหิน

แล้วถ้าครั้งหน้าเขามาต่อสู้ที่นี่ หากต้องดำดินหนีแล้วหัวกระแทกก้อนหินขึ้นมาจะทำอย่างไร?

หรือว่าถ้าเคราะห์ร้ายดำดินทะลุลงไปในทะเลสาบขึ้นมา เขาจะไม่จมน้ำตายเอาหรือ?

ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงกำชับตัวเองให้จดจำทุกอย่างให้ขึ้นใจ

ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป

เมื่อครบตามกำหนดเวลาที่นัดหมายกันไว้ หลินเป่ยเฉินก็เดินตรงไปยังสถานที่นัดหมายโดยทันที

สถานที่นัดหมายเป็นโรงน้ำชาเล็กๆ อยู่นอกจวนแม่ทัพฉลาม

หลินเป่ยเฉินกวาดตามองรอบกายอย่างระมัดระวังและไม่พบสิ่งใดผิดปกติ

มองดูจากภายนอก โรงน้ำชาแห่งนี้ก็มีทุกอย่างเหมือนโรงน้ำชาทั่วไป รอบโรงน้ำชามีนายทหารชาวทะเลซุ่มรออยู่ เช่นเดียวกับพื้นที่ไกลตา ซึ่งมียอดฝีมือของชาวทะเลอีกกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่หนาแน่น เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ เท่ากับว่าสายลับทั้ง 3 คนนั้นต้องการทำให้หลินเป่ยเฉินตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมทุกด้านทุกมุม ต่อให้อยากหลบหนีก็ทำไม่ได้แล้ว

ว่าแต่นี่มันอะไรกันเนี่ย?

โรงน้ำชาอย่างนั้นหรือ?

พวกชาวทะเลดื่มน้ำชาเป็นด้วยหรือไง?

หรือว่าพวกมันขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่บนบกนานมากเกินไป จึงเรียนรู้ที่จะดื่มกินอาหารแบบมนุษย์บนบกแล้ว?

แต่แน่นอนว่าโลกใบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้

หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปในโรงน้ำชาด้วยความสง่าผ่าเผย

โชคดีที่ชาวทะเลไม่ชอบอาคารที่สร้างจากไม้หรือก้อนหิน อาคารโดยส่วนใหญ่จึงก่อขึ้นมาจากก้อนดิน ช่วยให้เหมาะสมต่อการหลบหนีของหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างยิ่งหากเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมาโดยไม่คาดคิด

เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รอคอยผู้ใด

“นี่มันอะไรกัน?”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราด

“ไหนพวกเจ้าบอกว่าหลินเป่ยเฉินนัดมาเจอที่โรงน้ำชาแห่งนี้ไม่ใช่หรือ? นี่ก็เลยเวลาหนึ่งก้านธูปแล้ว ทำไมเจ้าเด็กนรกนั่นถึงยังไม่มาปรากฏตัวอีก?”

ดวงตาของแม่ทัพฉลามใหญ่จ้องมองไปที่ฉินฉู่อี้ เจิ้งเจินเจี้ยนและเซียงต้าหลง

ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนก็เพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี้เองว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็นสายลับที่ชาวทะเลส่งไปฝังตัวในกองกำลังของหลินเป่ยเฉิน

“กราบเรียนท่านแม่ทัพ หลินเป่ยเฉินมีความเจ้าเล่ห์แสนกล ข้าน้อยได้ยินมาว่าเขาเก่งกาจเรื่องการแปลงโฉม ข้าน้อยเกรงว่าบัดนี้เขาอาจจะอยู่ที่นี่แล้วก็ได้…” ชายฉกรรจ์ใบหน้าอ้วนกลมผู้มีนามว่าฉินฉู่อี้รีบกล่าวออกมาด้วยความรวดเร็ว “เจ้าเด็กนรกผู้นั้นมีวิธีโฉดชั่วมากมาย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะแปลงโฉมเป็นนายทหารชาวทะเลก็ได้ขอรับ”

“หืม?”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาหัวใจกระตุกวูบ ก่อนจะยกมือโบกสะบัด “พวกเรารีบไปตรวจสอบ”

นายทหารที่คุ้มกันอยู่รอบกายรีบทำตามคำสั่งโดยทันที

ผ่านไปอีกช่วงหนึ่งก้านธูป ผลการสืบสวนก็เปิดเผยออกมา

“กราบเรียนท่านแม่ทัพ ทุกอย่างปกติดีขอรับ”

นายทหารองครักษ์ผู้กำเนิดมาจากเผ่าพันธุ์ฉลามรายงาน

ด้วยความที่ทหารหน่วยลาดตระเวนซึ่งประจำการอยู่ในพื้นที่นี้มีหลากหลายสายพันธุ์ วิธีการตรวจสอบตัวตนจึงง่ายดายมาก ขอแค่พูดรหัสผ่านและชื่อของตนเองได้ถูกต้องเท่านั้น ก็สามารถยืนยันตัวตนได้แล้วว่านายทหารที่ถูกตรวจสอบเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่

พลัน สีหน้าของพวกชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง

“กราบเรียนท่านแม่ทัพ หลินเป่ยเฉินบอกว่าต้องการใช้พวกเราทั้ง 3 คนล่อให้พวกท่านออกมาในที่แจ้ง เมื่อพวกท่านปรากฏตัวแล้ว เขาถึงจะแสดงตัวนะขอรับ”

เจิ้งเจินเจี้ยนพยายามอธิบาย

แม่ทัพฉลามอู๋หยามีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา…

แต่หัวหน้าองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างตัวก็ส่งเสียงอุทานว่า

“นั่นมันอะไรน่ะขอรับ?”

หัวหน้าองครักษ์จ้องมองไปยังผนังฝั่งตรงข้าม

มีคนใช้ก้อนดินปาดเป็นตัวอักษรเขียนข้อความไว้ว่า

‘คิดหรือว่าข้าไม่รู้พวกเจ้าเป็นสายลับ ขอบอกเลยว่าพวกเจ้าทั้ง 3 คนเสียเวลาเปล่า ข้าไม่มีทางถูกหลอกง่ายๆ อยู่แล้ว’

หลังข้อความมีการวาดรูปกำปั้นมือคนที่กำลังชูนิ้วกลางต่อท้ายอีกด้วย

ชาวทะเลจ้องมองข้อความเหล่านั้นด้วยความพิศวง แต่เมื่อฉินฉู่อี้ เจิ้งเจินเจี้ยนและเซียงต้าหลงเห็นข้อความที่อยู่บนผนัง ใบหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นสีขาวซีดราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ ตัวสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่อาจควบคุมได้

หลินเป่ยเฉิน

นี่เป็นฝีมือของหลินเป่ยเฉินแน่ๆ

เขาเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว

และเขารู้ทุกอย่างแล้ว

ทุกอย่างจบแล้ว

การแฝงตัวเป็นสายลับถูกเปิดโปงแล้ว

ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนนี้อุตส่าห์ยอมรับใช้ชาวทะเล ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนนอกจากความร่ำรวย

พวกเขาต้องการเงิน ต้องการทรัพยากร ต้องการสมุนไพรวิเศษเพื่อใช้เพิ่มพูนระดับพลังของตัวเอง

ทั้ง 3 คนต่างก็ระมัดระวังตัวไม่ให้ถูกใครล่วงรู้ความจริง แม้แต่สายลับด้วยกันเอง

แต่ว่าบัดนี้…

ไม่มีทางให้หันหลังกลับอีกแล้ว

แต่ในทันใดนั้น…

ข้อความที่ถูกเขียนจากก้อนดินบนกำแพงก็เหมือนกับมีชีวิต พวกมันสลับตำแหน่งกันใหม่อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอีกหนึ่งประโยคว่า…

‘พวกเจ้าล้างคอรอรับความตายได้เลย’

ฉินฉู่อี้ตัวสั่นเทิ้มเหมือนเจ้าเข้า

นี่คือความมหัศจรรย์ของหลินเป่ยเฉิน

ผู้คนที่เขาพูดประโยคนี้ใส่ ในภายหลังล้วนเป็นคนตายหมดสิ้น

‘หลังจากนี้อีก 3 วัน ข้าจะมาเอาชีวิตพวกเจ้า’

ข้อความก้อนดินบนผนังเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

ชายฉกรรจ์ผู้เป็นสายลับทั้ง 3 คนมีใบหน้าซีดขาวปราศจากสีเลือด

ชีวิตของพวกเขาจบสิ้นแล้ว

หลินเป่ยเฉินกำลังคอยเฝ้ามองพวกเขาอยู่

“มันอยู่ที่นี่จริงๆ…”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาแผดเสียงคำรามด้วยความเดือดดาล “พวกเราตามหามันให้เจอ หลินเป่ยเฉินคงยังหนีออกไปได้ไม่ไกลนัก”

“รับทราบขอรับ”

บรรดาองครักษ์และนายทหารที่คอยอารักขาแม่ทัพฉลามอยู่รอบกายพลันกรูออกไปจากโรงน้ำชาเพื่อตามหาหลินเป่ยเฉินด้วยความรีบร้อน

ในเวลาเดียวกันนี้ หน่วยนักรบโลมาซึ่งมีลักษณะเหมือนโลมาจริงๆ ทุกประการ ได้ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงออกมาจากปากแหลมยาว เพื่อตรวจจับสิ่งที่สามารถล่องหนได้ในรอบบริเวณจวนผู้ว่า

หัวใจของฉินฉู่อี้กระตุกวูบอีกครั้ง

ชายฉกรรจ์ร่างอ้วนตะโกนออกมาเสียงดัง “หลินเป่ยเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เก่งจริงก็เข้ามาฆ่าข้าเลยสิ…”

บัดนี้ สีหน้าของฉินฉู่อี้แสดงออกถึงความบ้าคลั่งสุดขีด เขายังคงส่งเสียงตะโกนอย่างต่อเนื่อง “ข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้แก้แค้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้านี่แหละสังหารศิษย์ของสถานศึกษากระบี่ที่สามมาแล้วถึง 6 คน ฮ่าฮ่าฮ่า ครึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กสาวหน้าตาดีเสียด้วย เจ้ารู้หรือไม่ว่าผิวหนังของพวกนางมีความนุ่มนิ่มขนาดไหน…”

แม่ทัพฉลามอู๋หยาหันมามองหน้าชายฉกรรจ์ร่างอ้วนด้วยความสนเท่ห์

มีไหวพริบเหมือนกันนี่

“ฮ่าฮ่า หลินเป่ยเฉิน เจ้ารู้หรือไม่? ข้าไม่ได้เพียงสังหารเด็กหนุ่มเด็กสาวพวกนั้นเท่านั้น แต่ก่อนหน้านั้น ข้ายังฆ่าพ่อแม่พี่น้องของพวกมันต่อหน้าต่อตาพวกมันเองอีกด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า… นี่คือบทเรียนที่จะสั่งสอนว่าหากเจ้าคิดเป็นศัตรูกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เจ้าก็สมควรตายด้วยความทุกข์ทรมานที่สุด”

“ข้ายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากออกมาแก้แค้นหรืออย่างไร? เหอเหอเหอ เจ้าลูกเต่าหดหัว เก่งจริงก็ออกมาแสดงฝีมือหน่อยสิ!”

ฉินฉู่อี้ตะโกนเสียงดังกังวาน

หนึ่งในนายทหารเต่าทะเลผู้ยืนอยู่ด้านข้างชายฉกรรจ์ร่างอ้วนพลันขมวดคิ้วนิ่วหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น