อยากจะขึ้นบ้านเริ่นจื่อหลิงไปกินโจ๊กที่ลั่วชิวทำ…แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น
หลีจื่อไม่คุ้นเคยกับการไปรบกวนบ้านคนอื่นยามเช้าตรู่ หลังจากที่เธอกลับอะพาร์ตเมนต์ที่ตนเองเช่าไว้และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นปกติแล้ว หลีจื่อก็ซื้ออาหารเช้าที่ร้านริมแม่น้ำ จากนั้นก็นั่งเรือข้ามฝาก
ไปทำงาน
“ครั้งหน้าเพิ่มซอสน้ำมันงาอีกหน่อยดีกว่า”
ในลิฟต์ของอาคารสำนักพิมพ์ หลีจื่ออดไม่ไหว เปิดกล่องอาหารสูดดมกลิ่นหอมและเลียริมฝีปาก
ติง!
ถึงชั้นของสำนักพิมพ์แล้ว หลีจื่อที่เพิ่งจะใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมาก็รีบหลบไปอีกข้างทันที…เห็นเพียงรองเท้าแตะข้างหนึ่งลอยจากประตูลิฟต์เข้ามา
หลีจื่อถูกเหตุการณ์นี้ทำให้ตกใจ ยื่นหัวออกมาจากประตูลิฟต์ เห็นเพียงด้านในของสำนักพิมพ์ดูอลหม่านวุ่นวาย
“เริ่น…พี่เริ่น? กำลังทำอะไรคะ”
หลีจื่อมองเห็นเริ่นจื่อหลิงอยู่ในสำนักงานที่ดูอลหม่านวุ่นวาย
ขณะนี้รองบรรณาธิการเริ่นกำลังถือม้วนนิตยสารเหมือนมันเป็นลูกศร ยืนอยู่บนโต๊ะทำงานชี้นำแผ่นดิน
“ทางนั้น! ฆ่ามัน! ทางนั้น ซื่อเหนียง เธอจัดการ! เธอตัวเล็ก! ใต้โต๊ะ! ใช่ๆ! จัดการมัน…ตบสิ! รองเท้าบิน…อ้าว หลีจื่อ กลับมาแล้วหรือ?”
“อืม” หลีจื่อหัวเราะและพูดว่า “ขอโทษด้วยค่ะ สองวันมานี้ไม่ค่อยสบายก็เลยลากะทันหัน”
“ไม่เป็นไร…อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้น มา! เธอก็มานี่สิ!” เริ่นจื่อหลิงกระโดดลงมา เอาแท่งยาฆ่าแมลงให้หลีจื่อ “ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ในสำนักงานมีมดกับแมลงสาบเต็มไปหมด แม้แต่หนูก็ยังวิ่งออกมา!”
“เอ๋?”
หลีจื่อชะงัก มองไปรอบๆ ตนเองและก็มองเห็นซากจำนวนไม่น้อย จึงถามอย่างแปลกใจขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันฆ่าหนูแห่งชาติงั้นหรือคะ”
เริ่นจื่อหลิงส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่รู้ แต่ไปทางไหนก็มีแต่แมลงสาบ…เธอไม่ได้ดูข่าวเช้าของวันนี้งั้นเหรอ มีหนูโผล่อยู่หลายที่ เหมือนกับหนูทั้งหมดวิ่งออกมาจากท่อพร้อมกัน และก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น กลัวแต่จะเป็นโรคห่า”
“โรคห่า?” หลีจื่อพูดอย่างมึนงงว่า “เป็นไปไม่ได้มั้ง? นี่ไม่ใช่ยุคสาธารณรัฐ…”
“เอ่อ…เอาไว้ก่อนเถอะ” เริ่นจื่อหลิงรีบมองดูเวลา “เธอกลับมาพอดี ไปเก็บของ เดี๋ยวไปสัมภาษณ์ที่งานเปิดตัวกับฉัน”
“อา…ได้ค่ะ” หลีจื่อหยักไหล่ “งานเปิดตัวอะไรเหรอ”
“เฟยอวิ๋น เอนเทอร์เทนเมนต์” เริ่นจื่อหลิงพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้คือเทียนอิ่ง เอนเทอร์เทนเมนต์ ตอนนี้ก่อตั้งใหม่แล้ว เปลี่ยนเถ้าแก่ใหม่ ด้านนอกว่ากันว่าสถานะของเถ้าแก่คนนี้ลึกลับมาก แต่น่าจะเป็นคนที่มีเบื้องหลัง”
…
เฉิงอวิ๋นจัดโบว์อยู่หน้ากระจก จากนั้นก็เช็ดมือแล้วหวีผม…รู้สึกว่าเรียบร้อยสมบูรณ์ดีแล้ว
เวลานี้เอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น…นั่นก็คือเถ้าแก่ตัวจริงของเขา นายน้อยตระกูลจง
“คุณชายรอง ท่านหาผมเหรอ?” เฉิงอวิ๋นแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหูและถามอย่างนอบน้อม
“เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”
“คุณชายรองวางใจได้ ผมเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว” เฉิงอวิ๋นพูดอย่างจริงจัง “นี่เป็นการเปิดตัวครั้งแรกของบริษัท ผมจะทำให้ดีที่สุดจะไม่ยอมให้ล้มเหลวอย่างเด็ดขาด”
คุณชายรองของตระกูลจงจะไม่เปิดเผยตัว ตัวเขาเฉิงอวิ๋นจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของบริษัทเฟยอวิ๋น เอนเทอร์เทนเมนต์ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่และจะเป็นตัวแทนของบริษัทไปเผชิญหน้ากับสื่อทั้งหมด
ในวันนี้…และก็หมายถึงงานเปิดตัวในสิบโมงครึ่งหรืออีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้
“อืม ไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีแล้ว เรื่องอื่นๆ นายทำตามใจชอบได้เลย” จงลั่วเฉินเอ่ย “บริษัทเฟยอวิ๋น เอนเทอร์เทนเมนต์เป็นจุดเริ่มต้นของกรุ๊ปใหม่ ทางกรุ๊ปพวกเราจัดเตรียมกันมาหลายเดือนแล้ว ความร่วมมือกับทางตระกูลจางดูตึงเครียด ดังนั้นครั้งนี้ต้องทำให้ดี”
“รับทราบครับ คุณชายรอง” เฉิงอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นก็ถามว่า “ใช่แล้ว คุณชายรอง ทางคุณหนูจางเหมือนจะไม่มีคนมาในวันนี้”
“ได้ยินมาว่าคลังสินค้าหลายแห่งของพวกเขาเกิดวิกฤติหนู คฤหาสน์ตระกูลจางก็อลหม่าน ทางท่านผู้หญิงก็ดูเหมือนจะตกใจจนล้ม…”จงลั่วเฉินพูดอย่างแปลกใจว่า “ตอนนี้พวกเขาคงกำลังยุ่งวุ่นวายกับการจัดการและคงไม่มา ว่าไปแล้ววันนี้ก็แปลกจริงๆ ที่ฉันพักวันนี้ก็…สกปรก”
“คุณชายรอง ท่านอย่าเพิ่งว่าไป ผมก็เพิ่งจะตีแมลงสาบตายไปสองตัว” เฉิงอวิ๋นก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “เทศบาลของเมืองนี้ไม่รู้ไปทำอะไร บรรยากาศเลวร้ายมาก”
“พอ ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแล้ว นายก็พยายามเข้าละ ฉันจะรอดูนายถ่ายทอดสดที่บ้าน”
“ครับ!”
เฉิงอวิ๋นยิ้มและวางสายโทรศัพท์ มองไปยังตนเองในกระจก…ในที่สุดก็มีความก้าวหน้าจนได้
เพี้ยะ!
เขาตีแมลงสาบตายไปอีกตัว
…
…
สั่นสะเทือนเล็กน้อย
ภายในถ้ำเริ่มมีฝุ่นตกลงมา คุกลืมตาในตอนนี้และยืนขึ้นมา เขามองไปยังอักษรเวทมนตร์ที่เดิมทีควรส่องสว่าง
ตอนนี้อักษรเวทมนตร์กลายเป็นสีเทาอย่างสมบูรณ์…และสูญเสียความสามารถของมัน
เซียงหลิ่วหรี่ตาและพูดว่า “กัดกร่อนผนึกจุดที่หนึ่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว…พวกเราควรไปยังผนึกจุดที่สองได้แล้ว นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี ใช่หรือไม่?”
“นำของขึ้นมา” คุกมองไปยังหลุมในถ้ำและเอ่ยว่า “ฉันรู้สึกว่าอาจจะเจอเรื่องอะไรบางอย่างที่ผนึกจุดที่สอง”
เซียงหลิ่วเลิกคิ้วและเอ่ยว่า “นี่เป็นสัมผัสที่หกที่พวกเจ้าชอบพูดถึงงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่” คุกมองของคล้ายกระบองที่ถูกห่ออยู่ในมือของเขาแล้วพูดว่า “มันบอกฉัน”
…
สถานการณ์สั่นสะเทือนเกิดขึ้นพร้อมกันที่ถ้ำแห่งที่สอง…บริเวณแม่น้ำที่ซ่อนผนึกแห่งที่สอง
ซูจื่อจวินลืมตาขึ้นมาจากการพักฟื้น มองไปยังฝุ่นที่ตกลงบนไหล่ของเธอแล้วหรี่ตาลง “เร็วจริงๆ นะ…เซียงหลิ่ว”
ซูจื่อจวินยิ้มเยาะและยืนขึ้นมา อาการบาดเจ็บของเธอหายดีเพราะเลือดของคาอินหนึ่งในสี่ส่วนของแก้วนั้น และตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สองสามชั่วโมง เธอก็จะกลับคืนสู่สภาวะที่ดีที่สุดของตนเอง
ซูจื่อจวินมองไปตรงหน้าของตนเองแวบหนึ่ง
ตรงนั้นมีดักแด้สีขาวขนาดใหญ่อยู่อันหนึ่ง
ตอนนี้ลั่วเพียนเซียนอยู่ในดักแด้ ซูจื่อจวินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังปีศาจที่บริสุทธิ์และหนาแน่นภายในนั้นกำลังกระจายตัวออกมา
เดิมทีลั่วเพียนเซียนก็อยู่ในประเภทผีเสื้อหายาก ตามกฎแห่งการอยู่รอด ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่หายากมากแค่ไหนก็ยิ่งมีความสามารถในการอยู่รอดมากเท่านั้น รวมกับที่เธอช่วยจัดการพลังปีศาจที่สับสนวุ่นวายในช่วงแรกด้วยแล้ว เธอจึงไม่ต้องกังวลว่าลั่วเพียนเซียนจะรับไม่ไหวอีก
ซูจื่อจวินยื่นมือออกไปสัมผัสดักแด้เบาๆ แล้วพูดว่า “เธอออกจากดักแด้กลายเป็นปีศาจที่แท้จริงได้ครั้งหนึ่งแล้ว รอให้เธอออกจากดักแด้ได้เป็นครั้งที่สอง…ถึงจะกลายเป็นเทพที่แท้จริง พยายามเข้าล่ะ เด็กน้อย”
พูดแล้วซูจื่อจวินก็ถอนหายใจเบาๆ ดักแด้ขนาดใหญ่ค่อยๆ จมลงไป…ดินอันแข็งกระด้างกลายเป็นอ่อนนุ่ม กลืนมันเข้าไปในดิน
จนกระทั้งมันจมเข้าไปในดินโดยสมบูรณ์ ทุกอย่างถึงกลับคืนสู่สภาพเดิม
ซูจื่อจวินไม่คิดจะให้ลั่วเพียนเซียนเข้าร่วมในการต่อสู้ระหว่างเธอและเซียงหลิ่วในครั้งนี้…ไม่เคยคิดเลย
“เซียงหลิ่ว ฉันไม่ใช่หลงซีรั่ว…เจ้ามาเถอะ ข้ารอเจ้าอยู่!”
ภายในถ้ำเต็มไปด้วยเลือด!
…
…
ผนึกจุดที่สาม
เจ้าของสมาคมเหมือนว่ากำลังลุ่มหลง…ร่างกายของเขาดำดิ่งเข้าไปในเส้นสายพลังวิญญาณ ปล่อยให้พลังวิญญาณชำระล้างร่างกายของเขา
ลั่วชิวไม่ได้บำเพ็ญพรต พลังวิญญาณไม่มีประโยชน์ต่อเขา พลังลึกลับที่มีที่มาแตกต่างจากระบบใดๆ ในโลก ไม่จำเป็นต้องรับพลังวิญญาณเหล่านี้
เจ้าของสมาคมอาจจะใช้พลังที่ปรับเปลี่ยนมาจากพลังของเส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้โดยตรง แต่พลังเหล่านี้กลับไม่สามารถนำความทรงจำของแผ่นดินมาให้เขาได้ ไม่เหมือนที่เส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้ทำในตอนนี้
“นายเป็นใคร?”
เขาได้ยินเสียงนี้…เสียงที่กำลังพูด แต่หากจะพูดชัดๆ น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกมากกว่า
นี่ไม่ใช่ภาษา แต่เป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ผ่านจิตวิญญาณ มันมาจากวิญญาณที่เกิดใหม่และยังไม่รู้เรื่องราวใดๆ ในเส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้
“ลั่วชิว ผมชื่อลั่วชิว”
“ลั่วชิว…” จิตวิญญาณที่เกิดใหม่เกิดความสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งสารออกมาอีกว่า “แปลกมาก ในความทรงจำของข้า ดูเหมือนจะมีเจ้า…แต่ข้าก็หาไม่พบ มีอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่าง…อยู่ที่นั่น มันเพิ่งมาได้ไม่นาน…”
“อะไร?”
“ข้าก็ไม่รู้…รู้สึก…รู้สึก ใกล้ชิดมาก” จิตวิญญาณที่เกิดใหม่ยังคงสับสน “แต่…ก็ดูแปลกหน้า…เป็นสถานที่ที่เจ้าอยู่ตอนนี้”
สถานที่ที่ลั่วชิวอยู่ตอนนี้
สถานที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าของสมาคม
ก็มีเพียงแค่สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด