เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “ข้าไม่ใช่หมอสูติเสียหน่อย ข้าจะมีความสามารถขนาดนั้นได้อย่างไร”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วไปมากกว่าเดิม แล้วถามกลับว่า “หมอสูติอย่างนั้นหรือ”
เมื่อรู้สึกว่าตนพูดมากเกินไป เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าซีด
“หมอนั่นคืออะไร” หวงฝู่อี้เซวียนถามต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวหลบสายตา แล้วตอบกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ก็คือ ก็คือหมอที่ดูแลรักษาเฉพาะการตั้งท้อง”
หวงฝู่อี้เซวียนมองจ้องไปที่นางอยู่ครู่หนึ่ง มองจนเมิ่งเชี่ยนโยวเหงื่อออกเต็มฝ่ามือไปหมด ถึงจะ “อืม” ออกมา แล้วไม่ได้ถามต่ออีก
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกโล่งใจ แล้วเตือนตัวเองอีกรอบว่า วันหลังเวลาจะพูดอะไรให้ระวังหน่อย ห้ามพูดอะไรหลุดออกมาต่อหน้าหวงฝู่อี้เซวียนอีก
ตลอดทางไม่มีบทสนทนาเกิดขึ้น ไม่นานก็กลับมาถึงบ้าน หวงฝู่อี้เซวียนลงจากม้าก่อน แล้วรับเมิ่งเชี่ยนโยวลงมา บอกว่า “ข้าไม่เข้าไป ข้าจะกลับจวนหาเสด็จแม่เสียหน่อย แล้วจะไปที่พระราชวังรายงานเสด็จลุง”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับ แล้วเดินเข้าจวนไป
หวงฝู่อี้เซวียนยืนอยู่ที่ด้านข้างรถม้า มองนางด้วยสายตาที่สงสัยอยู่นาน แล้วหันหลังขึ้นรถม้าไป แล้วสั่งให้กัวเฟยไปส่งเขาที่จวนอ๋อง
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกถึงสายตาที่หวงฝู่อี้เซวียนมองเขามาจากทางด้านหลัง ใจก็เต้นแรงขึ้นมา แล้วพยายามทำตัวปกติเดินเข้าไปในจวน ถอนหายใจหนึ่งเฮือก ภายในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
แล้วถอนหายใจแรงๆ อีกหนึ่งที ส่ายหัว เอาเรื่องที่หนักใจทิ้งไป แล้วเดินมุ่งไปยังเรือนที่เมิ่งฉีอยู่
สองสามีภรรยาเมิ่งอี้ก็ตามขบวนรถม้ากลับมาเช่นเดียวกัน ตอนนี้กำลังนั่งคุยกับสองสามีภรรยาเมิ่งเสียนอยู่ในห้อง เมิ่งเจี๋ยก็กำลังเล่นอยู่กับเด็กๆ เส้าเอ๋อร์และหงเอ๋อร์อยู่
เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา เส้าเอ๋อร์และหงเอ๋อร์ก็ตะโกนเรียพร้อมกันว่า “ท่านอา” แล้ววิ่งพุ่งเข้าหานาง
เมิ่งเชี่ยนโยวอุ้มเด็กๆ ขึ้นมา เห็นใบหน้าแดงๆ ที่กำลังยิ้มอยู่จึงถามว่า “หนาวไหม”
“ไม่หนาว” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันอย่างไร้เดียงสา แล้วเส้าเอ๋อร์ก็ดีใจพูดออกมาหนึ่งประโยคว่า “ท่านอา บ้านของท่านหลังนี้ใหญ่จริงๆ เลย”
เมิงเชี่ยนโยวลูบปลายจมูกแดงๆ ของเขา แล้วพูดว่า “บ้านของอาก็เหมือนบ้านของเส้าเอ๋อร์ เส้าเอ๋อร์เล่นในบ้านได้ตามสบายเลย”
เส้าเอ๋อร์ดีใจตอบรับ
เมื่อได้ยินเสียงของนาง ซุนเชี่ยนกับโจวอิ๋งก็เดินออกมา ซุนเชี่ยนหัวเราะแล้วพูดว่า “พอเห็นบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ เส้าเอ๋อร์ดีใจจะแย่ ตั้งแต่เข้ามาก็ไม่ได้หยุดนิ่งเลย”
“ข้าได้ซื้อจวนหนึ่งตั้งอยู่นอกเมือง ใหญ่กว่าที่นี่อีก เดี๋ยวไว้วันหน้า ข้าจะพาพวกเจ้าไปดู” เมื่อพูดจบ เลยปล่อยให้เส้าเอ๋อร์และหงเอ๋อร์ไปเล่น ส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปในห้องกับอีกสองคน
นั่งลง เมื่อเห็นสายตาของทั้งสองคนมองมาที่นางเช่นนั้นแล้ว เลยหัวเราะออกมาว่า “ฮูหยินของท่านแม่ทัพท้องแล้ว แต่ว่าอาการหนักจนกินอะไรไม่ได้เลย ท่านแม่ทัพไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน นึกว่านางเป็นโรคอะไรหรือเปล่า เลยรีบส่งคนไปตามข้ากลับมา”
เมื่อทุกคนเข้าใจ ก็ไม่ได้ถามต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปถามโจวอิ๋งว่า “พี่สะใภ้ ท่านและพี่เมิ่งอี้จะอยู่ที่นี่ หรือว่าจะกลับบ้านแม่วันนี้เลย”
โจวอิ๋งหัวเราะแล้วบอกว่า “พวกเราเพิ่งปรึกษากันเมื่อครู่นี้เอง พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่จะอยู่ที่นี่ก่อนสักระยะ พวกเราก็จะอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาด้วยชั่วคราว รอพวกเขากลับไปก่อน พวกเราค่อยย้ายไปอยู่ที่บ้านแม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน ข้าเพิ่งจะกลับมา เรื่องที่ต้องจัดการก็มีมากมายเหลือเกิน ดีที่มีพวกเจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่ แต่ว่าพรุ่งนี้พวกเราต้องไปสวัสดีปีใหม่กับท่านตี้ซือเสียก่อน”
เมิ่งเสียนกับซุนเชี่ยนรู้จักท่านตี้ซือ ก็เลยไม่ได้แปลกใจอะไร
พวกเขาพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จนล่วงเลยมาถึงตอนกลางวัน แม่ครัวก็ทำอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
หลังจากที่ทั้งบ้านกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่ห้องตน
เมิ่งเชี่ยนโยวได้แต่คิดเรื่องโรงงาน พักไปได้เดี๋ยวเดียว ก็สั่งให้กัวเฟยควบรถม้าไปที่โรงงานที่เป่ยเฉิง
แม้ว่าจะเพิ่งเดือนหนึ่ง ถนนบนเป่ยเฉิงก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาหางานทำ เมื่อเห็นรถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวเคลื่อนเข้ามา เลยตามหลังรถม้ามาจนถึงปากประตูโรงงาน รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า แล้วรุมถามว่า “นายหญิง พวกเราจะทำงานได้เมื่อไรหรือ”
ผ่านปีใหม่มาแล้ว สภาพอากาศก็อบอุ่นขึ้นมาหน่อย แต่ว่าน้ำแข็งบนถนนยังไม่ละลาย สภาพตอนนี้ยังไม่สามารถทำการเกษตรอะไรได้เลย เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจอารมณ์ของพวกกรรมกรที่อยากรีบร้อนทำงาน เลยหัวเราะบอกว่า “ยังต้องรออีกหน่อย รอให้นำแข็งละลายก่อน ข้าจะมาเรียกพวกเจ้าไปทำงาน”
ล้วนเป็นพวกที่ทำงานมาแล้วหลายปี ก็รู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้ยังทำงานไม่ได้ ที่มาถามก็เพื่ออยากที่จะได้ข่าวสารที่แน่ชัดก็เท่านั้น เมื่อได้ยินคำตอบจากเมิ่งเชี่ยนโยว ว่าจะเรียกใช้งานพวกเขา ก็อุ่นใจ แล้วแยกย้ายกันออกไป กลับไปรองานอื่นทำตามข้างถนนต่อไป
หวงฝู่อวี้และบ่าวรับใช้ได้ยินเสียงที่หน้าประตู ก็เดินออกมาดู เห็นว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก บ่าวรับใช้รีบเดินออกมาทำความเคารพ หวงฝู่อวี้ดีใจเดินมาพูดว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับพยักหน้า เดินเข้าไปในโรงงาน บอกว่า “ที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย เลยกลับมาช้ากว่ากำหนดไปวันหนึ่ง เลยต้องรบกวนให้พวกเจ้าช่วยดูแล”
บ่าวรับใช้บอกว่า “ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรที่จะทำ รบกวนอะไรกันขอรับ”
หวงฝู่อวี้ได้แต่โบกมือ “ข้าน่ะอยากเปิดโรงงานจะแย่แล้ว พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้าน ไม่มีใครอยู่กับข้าเลย น่าเบื่อจะแย่ สู้ออกมาทำงานข้างนอกเร็วๆ ยังจะดีเสียกว่า”
เดินไปรอบๆ โรงงาน เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เมิ่งเชี่ยนโยวได้แต่พยักหน้าอย่างพอใจ
อีกทั้งคนงานในโรงงานเมื่อเห็นนางเดินผ่านมา ก็ทักทายนางด้วยความยินดี
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบรับ แล้วเดินออกมาจากโรงงาน เดินนำทั้งสองคนมาที่ห้องรับแขกในโรงงาน ให้ทั้งสองคนนั่งลง หุบยิ้ม แล้วพูดกับทั้งสองคนด้วยท่าทางจริงจังว่า “ปีนี้ในบ้านมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย พี่รองของข้าไม่ว่างมาที่นี่ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้โรงงานนี้จะยกให้เจ้าทั้งสองคนดูแล พวกเรามาหารือกันก่อน ว่าจะแบ่งงานกันอย่างไร”
ตอนที่เมิ่งฉีอยู่ เมิ่งฉีจะเป็นคนดูแลงานหลัก ส่วนงานย่อยๆ ส่วนใหญ่จะยกให้บ่าวรับใช้เป็นคนดูแล ส่วนเล็กๆ น้อยๆ จะให้หวงฝู่อวี้เป็นคนดูแล ตอนนี้เขาไม่มา ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้ดูแลที่นี่อยู่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเกิดปัญหาในภายหลัง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้คิดวิธีไว้แล้ว ก็คือต้องแบ่งงานให้ชัดเจนกับพวกเขาไปเลย
บ่าวรับใช้ตอบรับอย่างนอบน้อม “ทุกอย่างให้ท่านจัดการขอรับ”
หวงฝู่อวี้ที่ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ก็พูดว่า “เจ้าว่ามาสิว่าจะแบ่งอย่างไร พวกเราจะทำตาม”
“ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แล้วพูดแผนที่วางเอาไว้ “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ต้องแบ่งงานกันให้ชัดเจน ฝ่ายเลขานุการก็ยังคงต้องรับผิดชอบส่วนตรงนี้ ส่วนโรงงานกุนเชียงเจ้าเป็นผู้ดูแล สินค้าที่ส่งเข้าออกทั้งหมด เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ ข้าตรวจสอบแค่บัญชีรายรับจ่ายก็เท่านั้น”
บ่าวรับใช้ประหลาดใจมาก เงยหน้าขึ้นแล้วตอบรับ
“ส่วนคุณชายรอง จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของโรงงานแป้งมันสำปะหลัง และจะต้องทำบันทึกรายการสินค้าเข้าออกเช่นเดียวกัน แล้วทุกวันจะต้องนำมารายงานข้า”
หวงฝู่อวี้ดีใจ ยังไม่ทันได้ตอบรับ เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดต่อ “นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสำคัญที่จะให้เจ้าทำอีก ก็เมื่อมีแขกไปใครมาที่โรงงาน เจ้าจะต้องเป็นผู้ออกมาต้อนรับ”
งานนี้ดี เพียงแค่ขยับปากนิดหน่อยก็ได้แล้ว หวงฝู่อวี้ดีใจเข้าไปอีก
เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่ได้มีความเห็นต่าง เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “ตอนนี้ก็เท่ากับว่าพวกเจ้าทั้งสองคนต่างก็มีหน้าที่เป็นของตนเองแล้ว เพราะฉะนั้นเงินค่าแรงก็จะไม่เหมือนกัน นอกจากจะมีเงินเดือนที่กำหนดให้พวกเจ้าเป็นเงินสิบตำลึง แล้วยังมีส่วนแบ่งแยกอีกต่างหาก”
นี่ถือว่าเป็นข่าวดี หวงฝู่อวี้ดีใจจนลุกขึ้นยืน รีบร้อนทนไม่ไหวถามว่า “จะต้องทำอย่างไรบ้าง”
“เมื่อขายสินค้าได้หนึ่งร้อยชั่ง พวกเจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งเป็นเงินหนึ่งตำลึง ยิ่งขายได้เยอะ ส่วนแบ่งของพวกเจ้าก็จะยิ่งเยอะขึ้น”
หวงฝู่อวี้ใช้สมองคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว เมื่อขายได้หนึ่งร้อยชั่งจะได้ส่วนแบ่งหนึ่งตำลึง ถ้าหากว่าขายได้หนึ่งหมื่นตำลึง ก็จะได้หนึ่งร้อยตำลึง หวงฝู่อวี้ดีใจเป็นอย่างมาก บ่าวรับใช้ก็ดีใจเช่นกัน
ทั้งสองคนรับปากเป็นอย่างดีว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุด
ความสามารถของบ่าวรับใช้นั้นไม่ต้องพูดถึง แน่นอนว่าจะต้องทำออกมาได้ดี ส่วนหวงฝู่อวี้บางทีอาจจะสะเพร่าไปบ้าง แต่เวลาทำงานขึ้นมาจริงๆ ก็ตั้งใจใช้ได้ เชื่อว่าเมื่อฝึกฝนไปได้สักระยะหนึ่ง ก็จะทำได้ดี
เมื่อแบ่งงานของทั้งสองคนชัดเจนแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากโรงงานอย่างสบายใจ แล้วเจอกับทหารกองหนึ่งที่นำโดยผู้บัญชาการโต้วมุ่งหน้าเข้ามา ทำความเคารพเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับ “ผู้บัญชาการโต้ว ลำบากท่านแล้ว”
นี่เป็นถึงว่าที่ภรรยาซื่อจื่อ ผู้บัญชาการโต้วไม่กล้าจะโอ้อวด ยิ้มแล้วโบกมือ ตอบว่า “แม่นางเมิ่งเกรงใจเกินไปแล้ว รักษาเขตแดนเป่ยเฉิงเป็นหน้าที่ของข้า ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อส่งให้เขา แล้วบอกว่า “อากาศหนาวเย็นยะเยือก เอาเงินนี้ไปซื้อสุราให้ลูกน้องดื่มเถิด”
เป่ยเฉิงเป็นพื้นที่หนาวเย็น ไม่มีน้ำมันให้ขุด เหล่าทหารก็บ่นกันเองตลอด เงินเดือนของผู้บัญชาการโต้วก็ไม่ได้มากมาย ไหนยังจะต้องเลี้ยงครอบครัว ถึงแม้ว่าอยากจะชวนเหล่าทหารมาดื่มสุราด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีกำลังเงินขนาดนั้น เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวให้ตั๋วเงิน ก็ดีใจ อยากที่จะรับไว้ แต่ก็กลัวว่าถ้าหวงฝู่อี้เซวียนรู้เข้าจะโดนลงโทษ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะรับดีหรือไม่รับดี
แต่ทหารที่ติดตามเขากลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เมื่อเห็นตั๋วเงิน ก็ตาค้าง แล้วต่างมองจ้องไปที่เขา เหมือนกำลังบอกเขาว่ารับไว้สิ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ หัวเราะแล้วบอกว่า “ต่อจากนี้โรงงานนี้ของข้า ผู้บัญชาการโต้วก็ต้องเป็นผู้ดูแล ท่านไม่รับตั๋วเงินนี้ของข้า เพราะไม่อยากช่วยข้าอย่างนั้นหรือ”
ผู้บัญชาการโต้วรีบตอบกลับไปว่า “แม่นางเมิ่งไม่ต้องเกรงใจ ก่อนที่ข้าจะมา ซื่อจื่อได้สั่งข้าไว้แล้ว ท่านวางใจเถิด มีข้าอยู่ จะไม่มีใครหน้าไหนมาก่อกวนเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นตั๋วเงินในมือให้กับเขา “ถ้าอย่างนั้นท่านก็เก็บไว้เถิด เอาไว้ปลอบขวัญลูกน้อง”
เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ผู้บัญชาการโต้วก็ไม่ยื้ออีกต่อไป รับตั๋วเงินมาพับ แล้วเก็บไว้ที่หน้าอก ขอบคุณอีกครั้ง แล้วนำหน้าเหล่าทหารตรวจตราเมืองต่อ
เงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นว่ายังสว่างอยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ออกคำสั่งกัวเฟย “ไปที่จวนใต้เท้าเปา” เมื่อพูดจบ ก็ขึ้นรถม้าไป
กัวเฟยควบรถม้าจนมาถึงที่จวนใต้เท้าเปา เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า
นายประตูรีบออกมาทำความเคารพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แม่นางเมิ่ง ท่านมาแล้ว นายท่านและฮูหยินอยู่ด้านในขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้ายิ้มรับ แล้วเดินเข้าไป ชิงหลวนและจูหลีเดินตามอยู่ทางด้านหลัง