บทที่ 505 ต้องการให้เขานึกถึงผู้หญิงคนนั้น

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เธอกังวล กลัว ว่าถ้าเด็กไม่ได้เป็นลูกของหัสดินขึ้นมา เธอคงตายแน่!

ระยะเวลาที่เหลืออีกสองเดือนจะสามารถตรวจครรภ์ได้ ตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว เหลือแค่ครึ่งเดือนกว่าๆ

ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างวิตกกังวลทุกวัน เงินที่ใช้ก็เป็นเงินของตัวเอง ยังต้องทนจากการถูกดูถูก ไม่สบายเหมือนชีวิตที่อยู่ตัวคนเดียวเมื่อก่อนเลยสักนิด?

แต่เธอจะไม่ละทิ้งตำแหน่งนี้ แม้ว่าเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะต้องยอมแพ้ เธอก็จะหาบ้านหลังต่อไปได้อีก

เงินในมือเธอไม่มากแล้ว ดังนั้นต้องพยายามหาเงินจากหัสดินให้ได้อย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นก็ต้องหาผู้ชายคนอื่น

ชีวิตปัจจุบันของเธอแย่ลงเรื่อยๆราวกับอยู่ในขุมนรก หัสดินไม่เคยกลับมาพักผ่อนที่ห้องนี้เลย เธออยู่คนเดียวมาตลอด…

ไม่ เธอมีลางสังหรณ์ว่าชีวิตในอนาคตจะอยู่อย่างไม่ง่ายแน่นอน เธอคำนวณทุกวันว่ายังมีเวลาเหลืออีกนานเท่าไรที่จะตรวจดีเอ็นเอได้

ผมของหัสดิน เธอต้องเตรียมไว้บ้างเพื่อเมื่อถึงตอนนี้จะง่ายต่อการตรวจสอบ

ช่วงนี้หัสดินนอนที่ห้องนอนข้างๆ โชคดีที่วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน

หัสดินไปทำงาน ชฎารัตน์ไปช็อปปิ้งกับบรรดาคุณนาย ในคฤหาสน์ภูษาธรนอกสาวใช้ก็เหลือแค่เธอ

สำหรับเธอ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

เรนนี่เอื้อมมือไปบิดประตูห้องข้างๆแล้วเดินเข้ามา บนเตียงมีเส้นผมที่ร่วงหล่นอยู่บนผ้าปูที่นอน ไม่จำเป็นต้องใช้มากเพียงไม่กี่เส้นก็เพียงพอแล้ว

หลังจากเก็บได้แล้ว เธอก็เก็บมันลงในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง และยังได้ข่าวจากปากเนเน่ว่ายู่ยี่และหัสดินไปเที่ยวซานไบล์

ความรู้สึกเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเกลียดชัง ทำไมชีวิตของยู่ยี่ถึงดีขนาดนี้ ไม่เพียงได้พบกับผู้ชายสง่างามโดดเด่นเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดยังรวยมากด้วย สมชื่อตระกูลที่ร่ำรวยจริงๆ แถมยังรักเธอ การเอาอกเอาใจเธอมากขนาดนั้น เป็นคนเหมือนกัน ทำไมถึงต่างกันราวฟ้ากับเหวล่ะ?

เธอทำงานหนัก พยายามอย่างเต็มที่ จนใช้แม้กระทั่งร่างกายตัวเองทั้งบนล่างวิธีแก้ปัญหา สุดท้ายก็ได้แต่งงานกับหัสดินสมใจ ได้นั่งในตำแหน่งคุณนายของตระกูลภูษาธร แต่แล้วยังไง?

ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหัสดินกับเธอเรียกได้ว่าเข้ากันไม่ได้เลยสักนิด ใช้คำว่าพอแตะก็ระเบิดมานิยาม ไม่มีความรู้สึกและความรัก

พูดได้อีกอย่างคือ มันไม่ดีเท่าก่อนแต่งงาน ก่อนแต่งงานทั้งสองรักกันมาก ไม่มีความขัดแย้งหรือความทุกข์ใดๆ เขามักจะให้บัตรเครดิตกับเธอ ตอนนี้ล่ะ แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ได้ใช้!

เป็นจริงดั่งประโยคนี้ที่ว่า ประสบความสำเร็จที่ได้เป็นคุณนายตระกูลภูษาธร ประสบความล้มเหลวที่ได้เป็นคุณนายตระกูลภูษาธร ทั้งคำว่าสำเร็จและล้มเหลวแค่เพียงเปลี่ยนตำแหน่งกันเท่านั้น

แต่ว่าสำหรับโชคชะตาแล้ว เธอก็ไม่ยอมจริงๆ!

เรนนี่เดินช้อปปิ้งด้วยความเศร้าโศกเข้าไปในร้านที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ให้เงินเธอใช่ไหม ได้! เธอไม่เอา งั้นเธอก็ซื้อเสื้อผ้าก็จบ คนอย่างประธานภูษาธรกรุ๊ปคงจะไม่แม้แต่ค่าเสื้อผ้าก็จ่ายให้ภรรยาไม่ได้หรอกจริงไหม!

เลือกเสื้อผ้าที่แพงที่สุด หากไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นระดับโลกเธอก็ไม่มองด้วยซ้ำ เพียงแค่เวลาไม่นานเธอก็เลือกออกมาได้ไม่น้อย คำนวณดูแล้วราคาประมาณ 3 ล้าน

ขณะที่หัสดินรับสายเขากำลังตรวจสอบเอกสาร หลังจากได้ยินเช่นนั้นคิ้วก็ขมวดขึ้น จากนั้นรับปากให้เซ็นชื่อเขา

เงินของเขา เธอไม่สามารถเอาไปได้แม้แต่สลึงเดียว ส่วนการใช้จ่ายแบบนั้น เธอคิดว่าเขาจะทนได้กี่ครั้ง?

แน่นอนว่าตระกูลภูษาธรสามารถเลี้ยงผู้หญิงคนหนึ่งได้ แต่ความอดทนของเขามีจำกัด!

เมื่อได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขา เขาจะให้เงินเดือนและสวัสดิการอย่างดีที่สุด แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ของเรนนี่ แน่นอนว่าเขาไม่ย่อมอยากจะจ่ายเงินให้กับเธอแม้เพียงสลึงเดียว

เรียกได้ว่าได้รับผลประโยชน์เลยก็ว่าได้ วันรุ่งขึ้นเรนนี่ไปห้างเพื่อช้อปปิ้งอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่ตอนชำระเงินกลับโทรหาหัสดินไม่ติด เมื่ออีกฝ่ายไม่ยินยอมในการเซ็น ชื่อนี้ก็ไม่สามารถเซ็นได้

รอบๆมีผู้คนอยู่มากมายที่เข้าแถวและเร่งเร้า บางคนก็มองเธอด้วยตาแปลกๆ

เรนนี่ทนไม่ได้ คำพูดของเธอเต็มไปด้วยคำเหน็บแนมดูถูกไม่ยอมคน พูดออกมาตรงๆว่า “ฉันเป็นภรรยาของเขา เป็นคุณนายของตระกูลภูษาธร ซื้อของจะเซ็นชื่อสามีตัวเองก็ไม่ได้เหรอ?”

“ขออภัยค่ะ ทางเรามีกฎระเบียบระบุไว้ว่า หากอีกฝ่ายไม่เห็นด้วย ก็ไม่เซ็นชื่อที่มีผลบังคับใช้ได้” พนักงานมีท่าทีสุภาพและหนักแน่นมาก

เธอยืนนิ่งไม่ไหวอีกต่อไปบวกกับคนที่อยู่ข้างหลังยังคงเร่งไม่หยุด เรนนี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางของเหล่านั้นกลับเข้าที่เดิมด้วยความโกรธ

หัสดินนี่ก็ตัวดีจริงๆ!

ทิวทัศน์ของซานไบล์ดีจริงๆ เดินไปๆมาๆระหว่างน้ำกับชายหาด ทะเลสีเขียวคราม ท้องฟ้าสีคราม และป่าต้นมะพร้าวรอบๆ ทุกอย่างล้วนทำให้ความรู้สึกมีความสุข

เพราะท้องนูนออกมาจึงใส่ชุดว่ายน้ำไม่ได้ ย่อมไม่สามารถลงน้ำได้ จึงทำได้แค่อยู่บนชายหาด

มีเรือยนต์อยู่บนทะเล หัสดินเปลี่ยนเสื้อผ้ากำลังไปขี่ ยู่ยี่กำชับให้เขาระวัง ใส่ใจความปลอดภัย เธอนั่งบนชายหาดรอเขา

ฉันทัชพยักหน้า มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแล้วจูบ จากนั้นเดินไปที่ชายหาด

ร่างเขาสูงกำยำอยู่แล้ว บวกกับตอนนี้เขาได้เปลี่ยนเป็นกางเกงรัดรูปสีดำ รูปร่างที่แข็งแกร่งกำยำก็ยิ่งเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อหน้าอก

ขณะเดินผ่านก็ดึงดูดความสนใจของสายตามากมาย ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ออร่าที่เปล่งออกมาจากตัวเขาไม่สามารถปกปิดได้ มักจะเปล่งประกาย ดึงดูดสายตาเสมอ

ความเร็วของเรือยนต์นั้นเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาเขาก็หายไปจากสายตา เกิดคลื่นขึ้นมา

ไม่ว่าเรือยนต์จะแล่นไปที่ไหนล้วนเกิดคลื่นซัดสาด เขานั่งอยู่บนนั้นด้วยท่าทางอาจหาญเปี่ยมด้วยพลัง มีเสน่ห์อย่างที่ไม่อาจบรรยายได้

ยู่ยี่ไม่เคยเห็นความใจร้อนเมื่อสมัยยังเป็นหนุ่มของเขา แต่เธอคิดว่าจะต้องเลือดร้อนมากแน่ๆ

จู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านมาก็หยุดทักทายอย่างกระตือรือร้น ยู่ยี่หัวเราะเบาๆแล้วตอบ

ผู้ชายคนนี้หล่อและคุยเก่งมาก คำพูดของเขามีอารมณ์ขัน มักจะทำให้คนอื่นหัวเราะออกมาได้เสมอ ยู่ยี่รู้สึกเบื่อเล็กน้อย จึงคุยกับเขา

หลังจากนั้นไม่นานฉันทัชก็กลับมา เสื้อผ้าเขาถูกน้ำกระเซ็นใส่จนเปียก ติดแนบกับร่างกาย

บนหน้าเขามีหยดน้ำ ยู่ยี่ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าให้เขา “ทำไมไม่เล่นต่ออีกสักพักล่ะ?”

“ผมกลัวว่าคุณอยู่คนเดียวจะเหงา…” ฉันทัชเอามือโอบเอวเธอ สายตากวาดมองชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ชายคนนั้นตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วก็ได้สติ หงุดหงิดเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงไม่บอกก่อนว่ากำลังรอคนอยู่?”

“คุณก็ไม่ได้ถาม” ยู่ยี่ตอบด้วยเหตุผลย่อมเป็นเช่นนั้น เขาเป็นคนมาชวนคุยเอง โทษเธอได้ยังไง?

ชายหนุ่มหน้าเสีย ดูอึดอัด แต่ก็โวยวายออกมาตรงนี้ไม่ได้

“ทำไมขี้เหนียวจังวะ แค่คุยด้วยสักพักดูภายนอกแล้วเหมือนกับก็ไม่เห็นเสียหายอะไรไม่ใช่เหรอ?” เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับไม่มีมารยาทเลยสักนิด

ฉันทัชยิ้มบางๆ วางมือบนท้องของเธอ “ลูกเชื่อฟังมากใช่ไหม?”

ยู่ยี่ก็ยิ้มตามไปด้วย “ไปกันเถอะ ต้องไปจุดชมวิวอีกไม่ใช่หรือ?”

ดวงตาของชายผู้นั้นมืดลงอีกครั้ง ทำไมเมื่อกี้เขาไม่เห็นท้องที่นูนออกมาของเธอ?

ขณะที่เดินไปข้างหน้า ยู่ยี่พูดอย่างภาคภูมิใจว่าตั้งแต่เธอมาซานไบล์ เธอถูกชวนคุยหลายครั้งซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอมีเสน่ห์มาก

ได้ยินเช่นนั้นฉันทัชก็ถอนหายใจยาวๆอย่างช่วยไม่ได้ กอดเธอแน่นขึ้น กดหน้าผากเธอแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไปผมต้องอยู่กับคุณไม่ห่างแล้ว…”

ยู่ยี่หัวเราะคิกคัก เอื้อมมือออกไปตีหน้าอกเขา “ดังนั้น คุณต้องระวังตัวตลอดเวลา”

“อันที่จริง ในใจผมมีความรู้สึกระวังอยู่แล้ว…” เขากล่าว

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ ฉันทัชพูดต่อ “ผมแก่กว่าคุณสิบปี จึงต้องรู้สึกระวัง”

ยู่ยี่กะพริบตา เขาขยับริมฝีปากบางต่อ “เมื่อเทียบกับอายุคุณแล้ว ผมอายุมากไปใช่ไหม?”

“ไม่นี่ คุณอยู่ในช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์ เดินไปก็สามารถดึงดูดกลุ่มสาวๆได้ อีกอย่างฉันชอบคนมีอายุ ไม่ต้องห่วง คุณไม่แก่เลยสักนิด! ผู้ชายมีเสน่ห์ที่สุดเมื่ออยู่ในช่วงอายุนี้” ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ กอดเอวเขา “คุณเพิ่งอายุสามสิบเอง อีกอย่างคุณดูสิว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน”

ฉันทัชยิ้มบางๆ ชอบฟังคำพูดแบบนี้ของเธอมากที่สุด เขาขัดขืนแล้วจูบเธออย่างนุ่มนวลและลึกล้ำ

หลังจากลิ้มรสจูบอย่างยินดี หน้าอกของยู่ยี่ก็กระเพื่อมขึ้น หายใจหอบไม่หยุด “ความกระตือรือร้นแบบนี้ของคุณร้อนแรงยิ่งกว่าอายุสิบแปดอีก!”

“กับคุณ ผมจะร้อนแรงให้ถึงที่สุด…” น้ำเสียงของเขาทุ้มและแหบ ให้ความรู้สึกหยาบกร้าน

ยู่ยี่หรี่ตาลง “อย่าจุดไฟเองล่ะ ตอนนี้คุณได้แค่มอง ห้ามกิน ถ้ายังคงกระตือรือร้นต่อ ฉันคงจะต้องเผาไหม้แน่”

เขาจูบริมฝีปากเธออย่างเร่าร้อน พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ลูกพูดถูก พ่อคิดว่าผมคงต้องไปห้องน้ำซะแล้ว…”

“…”

ยังไงซะก็ขอลาพักร้อนออกมาแล้ว ดังนั้นได้อยู่ค้างชั่วคราวนานๆ ยู่ยี่รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้มีความสุขที่สุด

ทั้งสองดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาดด้วยกันทุกเช้า กลางคืนส่งดวงอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ตอนกลางวันไปเที่ยวที่ต่างๆ กินอาหารอร่อยๆรอบๆ ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ทุกวันล้วนมีความสุข สนุกสนาน

ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่นอนหรือตอนที่ตื่นขึ้นมา มุมปากของเธอก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่ห้ามไม่อยู่

เธอในตอนนี้มีความสุขมากจริงๆ…

เขาซื้อเสื้อผ้าและอาหารเสริมมาให้เธอจำนวนไม่น้อย ยู่ยี่ถลึงตา ประท้วง อาหารเสริมที่บ้านยังกินไม่หมดเลย!

ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะติดเป็นนิสัยแล้ว ทุกครั้งที่เขาไปถึงที่หนึ่ง เขาจะดูอาหารเสริมก่อนจากนั้นก็ซื้อมาเป็นกอง สำหรับเขาการประท้วงของเธอไม่มีผลใดๆ

อาคิระถามลิลลี่ว่าช่วงนี้พัฒนาไปถึงไหนแล้ว? ลิลลี่บอกว่า ได้ยินพนักงานในบริษัทพูดว่าเหมือนเขาจะไปซานไบล์สิบวันแล้ว

ไปซานไบล์กับยู่ยี่? คิ้วอาคิระขมวดแน่น สีหน้าไม่ค่อยดีนัก

ลิลลี่ไม่กล้าพูดอะไร จึงเงียบอยู่แบบนั้น ในใจเขาคิดอะไรอยู่นั้น เธอไม่มีวันเข้าใจได้เลย

ในเมื่อไม่เข้าใจแล้วจะไปหาเรื่องกลัดกลุ้มใจทำไม?

ผ่านไปครู่หนึ่งอาคิระก็พูดอีกครั้งว่า “เธอจะเรียบเฉยต่อหน้าเขาต่อไปไม่ได้แล้ว”

ลิลลี่ไม่เข้าใจ

อาคิระยิ้ม “ใช้คำพูด สีหน้าของเธอ ต้องทำให้เขาสับสน ทำให้เขานึกถึงคนๆนั้น เข้าใจไหม?”