ตอนที่ 8

Kill the Hero

Kill the Hero 008

มีคำกล่าวในเกมออนไลน์

เลเวลคืออันธพาล!

ไม่ว่าดันเจี้ยนจะยากหรือมอนสเตอร์จะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกมันก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ถ้าคุณมีเลเวลที่สูงพอ

ตรรกะนี้ใช้ได้กับโลกที่เปลี่ยนไปเหมือนเกม เลเวลสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

อย่างไรก็ตาม เลเวลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้

เลเวลใช้ได้เฉพาะเวลาที่กวาดล้างดันเจี้ยน

ดันเจี้ยนบางแห่งไม่สามารถเคลียร์ได้ด้วยเลเวลเพียงอย่างเดียว เนื่องจากข้อจำกัดด้านเลเวลที่มีในดันเจี้ยน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมดันเจี้ยนแสนน่ารังเกียจที่กลืนกินชีวิตของผู้เล่นจำนวนมาก ถึงถูกปล่อยไว้โดยไม่ได้เคลียร์มัน

 

[กวาดล้างเผ่าซีคก็อบลิน]

– ความลึกของดันเจี้ยน : 1 ชั้น

– ความยากของดันเจี้ยน : B Rank

– เข้าได้สูงสุด : 15 คน

– เงื่อนไขในการเข้า : ต่ำกว่า Lv12

– เงื่อนไขการเคลียร์ : สังหารหัวหน้าเผ่าซีคก็อบลิน

– รางวัลการเคลียร์ : แค็ตตาล็อก

 

‘เผ่าซีคก็อบลิน’

คิมวูจินวางรายงานของดันเจี้ยนไว้ที่นั่งข้างคนขับ

‘มันกินผู้เล่นไป 119 คน’

ก่อนที่คิมวูจินจะกลับมายังอดีต ดันเจี้ยนเผ่าซีคก็อบลินได้กลืนกินผู้เล่นเป็นเครื่องสังเวยไปถึง 119 คน

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นที่ดันเจี้ยนเผ่าซีคก็อบลินกลืนกินไป ไม่ได้เป็นผู้เล่นธรรมดา ๆ เหมือนบังจูซอบ ที่ตายเพราะดอกเบี้ยจากมุมมองของสมาคม

‘คนเหล่านี้แตกต่างออกไป พวกเขาแต่ละคนเป็นดาวรุ่งของสมาคม’

การเคลียร์ดันเจี้ยนระดับ B หรือสูงกว่านั้น จะประกอบด้วยผู้เล่นที่มีทักษะ และประสบการณ์เป็นหลัก แน่นอนว่าถ้าผู้เล่นได้รับเลือกแค่เพราะข้อจำกัดด้านเลเวล พวกเขาจะกลายเป็นศพอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

เห็นได้ชัดเจน แค่ดูบังจูซอบเป็นตัวอย่าง

เขาเคลียร์ดันเจี้ยนมาแล้วสองแห่ง มีการจัดการไอเท็มที่เหมาะสม และมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถจัดการดันเจี้ยนระดับ E ได้อย่างถูกต้อง

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่บนโลกก็ไม่ได้เก่งไปกว่าบังจูซอบมากนัก

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าคุณส่งผู้เล่นธรรมดาเข้าสู่ดันเจี้ยนระดับ B หรือดันเจี้ยนที่สูงกว่า ผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจนเลย

แน่นอนว่าสมาคมจะอนุมัติเฉพาะผู้เล่นที่ถูกตัดสินว่ามีความสามารถ และมีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งเรียกว่าดาวรุ่งเท่านั้น ที่จะได้เข้าสู่ดันเจี้ยนระดับ B หรือดันเจี้ยนที่สูงกว่านี้

 

ดันเจี้ยนเผ่าซีคก็อบลินกำจัดผู้เล่นที่มีศักยภาพตามที่กล่าวมาไป 119 คน

‘ในที่สุดสมาคมทั้งหมดก็ยอมแพ้ในการเคลียร์ดันเจี้ยนนี้’

หลังจากเกิดการสูญเสียไปมากมาย ก็ไม่มีสมาคมใดที่ต้องการเคลียร์มัน

อันตรายเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ผู้เล่นได้รับการปฏิบัติอย่างดีเยี่ยม และเป็นเหตุผลของการมีอยู่ของสมาคม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีผู้เล่นหรือสมาคมใดเต็มใจที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน เมื่อพวกเขาเกือบจะแน่ใจว่ามันหมายถึงการทิ้งชีวิตของพวกเขาเอง

‘ท้ายที่สุดแล้วมันก็กลายเป็นชิ้นเนื้อของสมาคมเมสสิอาห์’

ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว คือ สมาคมเมสสิอาห์

นั่นคือเหตุผล

‘สมาคมเมสสิอาห์เป็นคนเคลียร์มัน’

คิมวูจินจดจำข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยนเผ่าซีคก็อบลินได้อย่างชัดเจนทุกอย่าง

‘แจฮุน เขาเป็นคนกำจัดเผ่าซีคก็อบลิน และกลายเป็น Super Rookie’

คิมวูจินได้ยินรายละเอียดเกี่ยวกับเผ่าซีคก็อบลินจากจางแจฮุนเอง ซึ่งเป็น Super Rookie ของสมาคมเมสสิอาห์ เป็นผู้ที่กวาดล้างเผ่าซีคก็อบลิน

คิมวูจินได้ยินรายละเอียดว่าทำไมเหล่าดาวรุ่งถึงล้มเหลวในการเคลียร์ดันเจี้ยน ทั้งลักษณะพิเศษ และวิธีการเคลียร์ดันเจี้ยน

‘…ฉันได้ยินจนเบื่อแล้ว’

แม้ว่าเขาจะไม่อยากรู้ และไม่เคยถามจางแจฮุน แต่คิมวูจินก็ได้ยินเรื่องนี้จากจางแจฮุนหลายครั้ง

แน่นอนว่าได้ยินจนเบื่อเลย

‘ถ้าคุณจับหัวหน้าเผ่าซีคก็อบลินได้ คุณจะได้รับของขวัญจากรัศมี และได้รับรางวัลความสำเร็จด้วย’

รางวัลที่จะได้จากการจับบอสของดันเจี้ยนนี้!

‘แค็ตตาล็อกที่มีอย่างน้อยหนึ่งหน้าเป็นระดับหายาก’

ไม่มีเหตุผลที่คิมวูจินจะทิ้งเหยื่อที่ดีอย่างเผ่าซีคก็อบลิน เพื่อไล่ล่าสิ่งอื่น

ในที่สุดวูจินก็มองเห็นจุดหมายปลายทางของเขา

‘ฉันมาถึงแล้ว’

นั่นคือดันเจี้ยนเกท ซึ่งเป็นที่ตั้งของเผ่าซีคก็อบลิน ที่ปรากฏขึ้นในโรงเรียนมัธยมสตรีบุนดังยองด๊อก

 

มีงานมอเตอร์โชว์จัดขึ้นที่โรงเรียนหญิงล้วนบุนดังยองด๊อกในพังโย จังหวัดซองนัม

ในสนามของโรงเรียนเต็มไปด้วยรถยนต์ต่างประเทศราคาแพงจอดเรียงรายอวดโฉมของมัน

เป็นฉากที่ดูเหมือนจะได้ยินเสียงเชียร์จากเด็กนักเรียนหญิง ม.ปลาย

น่าเสียดายที่ไม่มีเสียงเชียร์ของเด็กนักเรียนเหล่านั้น

“ฉันตื่นเต้นมาก เพราะพวกเขาบอกฉันว่าเป็นโรงเรียนมัธยมหญิงล้วน แต่กลับไม่มีเด็กสาว ม.ปลายแม้แต่คนเดียว…”

“เฮ้ย แกคิดว่าพวกเขาบ้าพอที่จะให้เรียนอีกทั้งที่มีดันเจี้ยนเกทโผล่มาเหรอ? พวกเขาอพยพกันไปตั้งนานแล้ว”

“แต่มันก็ยังเป็นโรงเรียนมัธยมหญิงล้วน…”

เสียงถอนหายใจของทหารกระจายไปตามสายลม

รถคันหนึ่งปรากฏขึ้น

‘ไลท์คาร์? ’

‘อะไร? ‘

ไม่น่าแปลกใจที่รถยนต์ขนาดเล็กที่ปรากฏในสนามที่เต็มไปด้วยรถยนต์ต่างประเทศราคาแพงนั้นดูเล็กกว่าปกติ และดูไร้รสนิยม

บางคนรู้สึกหมดหวังเมื่อได้เห็น

แต่ความรู้สึกนั้นอยู่ได้ไม่นาน

‘หือ? ’

‘เอ่อ! ’

ไลท์คาร์คันนั้นจอดอยู่ระหว่างซูเปอร์คาร์สองคัน ลัมโบร์กีนี อูรากัน และเฟอร์รารี่ 488 ที่ราคาแพงพอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่ง

เขาจอดรถได้ทันที โดยไม่ต้องวัดระยะ

‘โอ้ พระเจ้า! ‘

‘เขาบ้ารึเปล่า? ‘

เป็นฉากที่ทำให้การพูดพล่อย ๆ ของทหารที่เห็นฉากนั้นเงียบลง

เจ้าของรถคันเล็กปรากฏตัว และเปิดประตูกว้างโดยไม่สนใจว่าประตูจะชนรถคันข้าง ๆ หรือไม่

คิมวูจินปรากฏตัว

สายตาของทุกคนพุ่งไปที่เขา

และเขาก็หันไปมองทุกคน

จากนั้นเขาก็เห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในมุมหนึ่งของสนาม

‘ตรงนั้น’

ตอนนั้นเอง

“เวร มันไร้เหตุผลสิ้นดี!”

ผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากเต็นท์ที่ตั้งอยู่ในสนามของโรงเรียน

“ดี ทุกคนควรจะดูแลตัวเองได้! ด้วยตัวเอง!”

ในขณะเดียวกัน ชายคนหนึ่งก็รีบออกมาจากค่ายทหาร

“เดี๋ยว รอสักครู่! คุณจูเฮ เดี๋ยวก่อนครับ!”

เขาเป็นสมาชิกของทีมสนับสนุนดันเจี้ยน

“ฉันพร้อมแล้ว! ไปกันเถอะ! ยังไงมันก็แค่การจับก็อบลิน”

“ฉันเห็นด้วย วิธีนั้นง่ายกว่า และดีกว่า มันคงตลกดีที่ต้องจับมือกับก็อบลิน”

และเสียงใหม่สองเสียงก็ดังออกมาจากเต็นท์

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

คิมวูจินเห็นได้ทันทีว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

‘ความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน’

ตามข้อมูลที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ มีสามฝ่ายสมัครเข้าดันเจี้ยนนี้ สองปาร์ตี้มี 5 คน อีกหนึ่งปาร์ตี้มี 4 คน รวมเป็น 14 คน มีผู้สมัคร 15 คน รวมคิมวูจินด้วย

เป็นสิทธิพิเศษที่คิมวูจินได้รับจากการใช้ปัญญาของเขา

อย่างไรก็ตาม ทั้งสามฝ่ายประชุมกันเพื่อแบ่งปันความคิดเห็นก่อนการโจมตีดันเจี้ยน แน่นอนว่าการดำรงอยู่ของคิมวูจินคงถูกละเลยไป พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักชื่อของคิมวูจินด้วยซ้ำ

ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ต้องร่วมมือกันในช่วงแรก

‘มันเป็นเรื่องปกติ’

และมันล้มเหลวมันการร่วมมือกัน

‘พวกเขาทุกคนได้รับการยกย่องให้เป็นดาวรุ่ง แต่ไม่มีทางที่ฉันจะฟังคำสั่งใคร ยังไงที่นี่ก็มีแต่ก็อบลินเท่านั้น’

ถ้าใครก็ตามที่พอจะจัดการดันเจี้ยนระดับ B ได้ นั่นหมายความว่าคุณเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถ คุณสมบัติ และมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นเลเวล 10 และพึ่งตื่นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

พวกเขาภาคภูมิใจในความสามารถ และเชื่อว่าการปฏิบัติการที่พวกเขาได้รับนั้น เกิดจากพรสวรรค์ และทักษะที่โดดเด่น พวกเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากดอกไม้ในเรือนกระจก

ในแง่ของฟุตบอล การมีคนมากมายที่มีความภาคภูมิใจเช่นนี้ ก็เหมือนกับการมีกองหน้า 3 คน

‘ในจุดนี้ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคู่แข่ง’

ไม่ใช่แค่กองหน้าสามคน แต่กองหน้าสามคนแข่งกันเพื่อทำคะแนน

แน่นอนว่าไม่มีทางผ่านไปได้

พวกเขาแค่พยายามทำแต่คะแนนเท่านั้น

‘มันเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด’

คิมวูจินพอใจที่ได้ดูฉากนี้

‘ไม่มีใครขวางทางฉัน’

หลังจากนี้ทั้งสามฝ่ายจะไม่ร่วมมือกัน

พวกเขาจะเริ่มแข่งกันว่าใครจะเป็นคนฆ่าบอสได้ก่อน

พวกเขาคงมองว่านี่เป็นโอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่โอกาสในการเคลียร์ดันเจี้ยน

แน่นอนว่าถึงคิมวูจินจะทำตามอำเภอใจ ถึงคนอื่น ๆ จะประมาทก็ตาม

‘มือของฉันจะได้ไม่ต้องอาบเลือดมนุษย์’

คิมวูจินจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะฆ่าใครที่มารบกวนเขาในครั้งนี้

“สวัสดีครับ คุณคิมวูจินใช่ไหม?”

“ครับ”

“ทีมสนับสนุนดันเจี้ยน ลีเจจอง ผมขอโทษที่ต้องบอกกะทันหันแบบนี้ แต่คุณต้องเข้าร่วมกับหนึ่งในสามปาร์ตี้เพื่อเข้าสู่ดันเจี้ยน…”

คิมวูจินไร้ความลังเล

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตกลงกันไม่ได้นะ ถ้าเป็นแบบนั้นโปรดแจ้งให้ทั้งสามฝ่ายทราบ”

“ครับ?”

“ผมดูแลตัวเอง”

 

Kie-ukk!

มันเป็นเสียงหอบของก็อบลินที่กำลังจะตาย ขณะที่มันล้มลงกับพื้นโดยที่คอของมันห้อยลง

มีลวดโปร่งแสงพันรอบคอ อาวุธดังกล่าวคือสิ่งที่เอาชีวิตของก็อบลิน เจ้าของอาวุธนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคิมวูจิน

Kwaak!

คิมวูจินไม่ได้ผ่อนแรงลวด แม้ว่าร่างกายของก็อบลินจะตัวอ่อนปวกเปียกแล้วก็ตาม

จากนั้น

Kie-ukk!

มันเป็นเสียงของก็อบลินที่กำลังจะตายอีกครั้ง

เขาแค่แกล้งทำเป็นว่าตาย

 

ถ้าคิมวูจินเชื่อว่าก็อบลินตายแล้ว และคลายลวดของเขา ก็อบลินจะบีบพละกำลังที่เหลือทุกอย่างเพื่อดิ้นรน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อบลินใกล้เคียงก็จะสังเกตเห็นมัน

แน่นอนว่าหากคิมวูจินต้องการ ด้วยระดับ และทักษะในปัจจุบันของเขา เขาสามารถสู้กับก็อบลินไม่กี่ร้อยตัวได้

ดังนั้นถ้ามีอะไรเริ่มวุ่นวาย เขาก็ยังสามารถหนีไปได้

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่คิมวูจินเลือกอยู่ในเงามืดนั้นง่ายมาก

‘สิ่งแรกที่ฉันอยากรู้คือความสามารถของสกิลทหารโครงกระดูก’

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อวัดความสามารถของทหารโครงกระดูก ซึ่งเป็นทักษะที่เขาได้รับเมื่อไม่นานมานี้

ในความเป็นจริง คิมวูจินไม่จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิประเทศโดยรอบหรือมอนสเตอร์

เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการเคลียร์ดันเจี้ยน และล่ามอนสเตอร์มากกว่าใครในโลก

เขามีทักษะ และความมั่นใจมากพอที่จะใช้พื้นที่โดยรอบให้เป็นประโยชน์ แน่นอนว่าดีกว่าเผ่าซีคก็อบลินที่อาศัยอยู่ที่นี่อีก

อย่างไรก็ตาม ทักษะทหารโครงกระดูกนั้นแตกต่างออกไป คิมวูจินไม่เคยใช้ทักษะทหารโครงกระดูกเลยในชีวิตที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า…เขาจะมีประสบการณ์มากมายในการต่อสู้กับมันก็ตาม

‘อย่างน้อย ก็ควรซื้อเวลาได้สักหน่อย’

เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก

‘มันอาจจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แม้จะสู้กับก็อบลินก็ตาม’

โครงกระดูกก็อบลินที่คิมวูจินเรียกมาจะมีปัญหาในการเอาชนะก็อบลินที่ยังมีชีวิตอยู่

‘ทักษะทหารโครงกระดูกสามารถแสดงคุณค่าที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับทักษะอื่น ๆ เท่านั้น’

 

ในขั้นต้นทักษะทหารโครงกระดูกของคิมวูจินอยู่ในระดับ F เท่านั้น ไม่ใช่แค่นั้น พลังการต่อสู้ของทหารโครงกระดูกยังขึ้นอยู่กับการใช้มานาของผู้ใช้ด้วย ยิ่งใช้มานาสูงเท่าไร การโจมตี และการป้องกันของทหารโครงกระดูกก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ทักษะทหารโครงกระดูกยังต้องการการสนับสนุนทักษะอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อให้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

ถึงกระนั้น ก็จำเป็นต้องทดสอบก่อน เพื่อให้รู้อย่างชัดเจน

‘มาดูกัน ว่ามันจะอยู่ได้นานแค่ไหน’

เขาจำเป็นต้องตัดสินว่าความเสียหายที่ทหารโครงกระดูกของเขารับได้ และความสามารถของมันมีมากแค่ไหน

 

คิมวูจินใช้ความสามารถของเขาทันที

เขาไม่จำเป็นต้องมีคาถา

เนื้อ และกล้ามเนื้อของศพก็อบลินละลายเหมือนไอศกรีมบนยางมะตอย คิมวูจินฉีดมานาของเขาเข้าไปในกระดูกของก็อบลิน จากนั้นก็ใช้มานาของเขาสร้างทหารโครงกระดูก

Tteolgeureok! Tteolgeureok!

ศพก็อบลินที่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือ นอกจากโครงกระดูกของมันลุกขึ้นมาจากพื้นดิน

Hwarr!

ดวงตาของก็อบลินมีไฟสีขาวที่กำลังลุกไหม้

Kie?

ทันใดนั้น ก็มีก็อบลินตัวใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้น ทันทีที่ก็อบลินปรากฏตัว โครงกระดูกก็พุ่งตรงไปหา

‘มันสู้ได้อย่างน้อย 10 วินาที? มันจะง่ายกว่าเวลาจะล่าในอนาคต ถ้าทำได้นะ…ฉันคาดหวังมากเกินไปหรือเปล่า? ’

คิมวูจินเฝ้าดูฉากนั้นอย่างเงียบ ๆ

‘โอ้ พระเจ้า…’

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น คิมวูจินตัดสินใจที่จะแก้ไขแผนของเขาใหม่ทั้งหมด

‘ทำไมมันแข็งแกร่งขนาดนี้? ’

แผนการทั้งหมดของเขาไม่ใช่แค่การโจมตีดันเจี้ยนนี้