หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 880 ผสานวิญญาณสงครามทั้งห้า
“ทุกหน่วยรบฟังคำสั่ง วิญญาณสงครามทั้งห้าผสาน**!”**
เสียงคำรามดังก้องของมู่เฉินสะท้อนในโสตประสาทของนักรบทุกคน เมื่อได้ยินเสียงนี้ แม้โดยธรรมชาติของนักรบที่จะรับคำสั่งเสมอยังรู้สึกตกตะลึงไม่ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ความลังเลใจจะเผยในสายตา
ทว่าความลังเลก็อยู่เพียงวูบเดียว ก่อนที่จะระงับด้วยการกัดฟัน ในฐานะนักรบที่ได้รับการฝึกฝนมาหลายปี พวกเขาต้องปฏิบัติตามทุกคำสั่ง ตราบใดที่ผู้บัญชาการยังอยู่ แม้ว่าจะเป็นคำสั่งที่พวกเขาไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับ
ดังนั้นทั้งห้าหน่วยรบจึงระงับความสงสัยในใจอย่างรวดเร็ว จากนั้นวิญญาณสงครามทั้งห้าก็คำรามลั่น แต่ละร่างกลายเป็นลำแสงชนกันบนท้องฟ้า
วิญญาณสงครามทั้งห้าปะทะกันแล้ว!
ตู้ม!
ในจังหวะที่ปะทะกันชุดระเบิดก็ดังขึ้นที่ขอบฟ้า รัศมีจั้นยี่สีสันต่างๆ กระจายออกไป ก่อร่างเป็นวงแสงที่พร่างพราว นี่เป็นวงแสงทรงกลมที่มีขนาดหมื่นจั้ง ในทรงกลมแสงนั้นรัศมีจั้นยี่ที่แตกต่างกันกำลังปะทะกัน ทุกครั้งของการปะทะจะทำให้เกิดเสียงรบกวนระดับสูง กระทั่งมิติยังเกิดคลื่นกระเพื่อมไหว
ที่ด้านนอกค่ายกล กองทัพอื่นๆ ก็มองฉากนี้ด้วยอาการตกตะลึง ไม่นานก็มีใครบางคนร้องอุทานออกมาอย่างอดไม่ไหว “มู่เฉินบ้าไปแล้วเหรอ? เขากล้าผสานรัศมีจั้นยี่ที่แตกต่างกันห้าสายเข้าด้วยกันรึ?!”
ทั้งจิ่วโยวและเหล่าผู้บัญชาการก็มองหน้ากัน สีหน้าแต่ละคนซีดลง ความตกตะลึงในดวงตาไม่สามารถปกปิดได้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าการกระทำของมู่เฉินเกินความคาดหมายไปมากเลยทีเดียว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพรสวรรค์มากมายเกี่ยวกับศาสตร์รัศมีจั้นยี่ แต่ต่างก็เป็นจอมยุทธ์ทรงพลัง ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมพวกเขารู้ว่ามู่เฉินบ้าดีเดือดแค่ไหนในขณะนี้
เขาพยายามผสานรัศมีจั้นยี่ห้าสายด้วยกัน!
ช่างเป็นงานที่บ้ามากที่จะผสมผสานพลังงานที่แตกต่างเข้าด้วยกัน นี่ก็ราวกับคลื่นหลิงที่ต่างกัน ถ้าพวกเขานำมาผสมกัน ก็จะมีผลลัพธ์เดียวเท่านั้นคือการระเบิดของคลื่นพลังงานพร้อมกับทำลายผู้ใช้ไปด้วย…
แม้ว่าจิ่วโยวจะไม่รู้ว่ารัศมีจั้นยี่เหมือนกับคลื่นหลิงหรือไม่ ทว่าก็ต้องยากยิ่งที่จะทำให้บรรลุกระบวนการแน่นอน
“ความกล้าบ้าบิ่นของมู่เฉินล้นเหลือ…” เลี่ยซันขยับริมฝีปาก สุดท้ายได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้ดีว่าถ้าวิญญาณสงครามทั้งห้าผสมกัน ความสามารถจะต้องแข็งแกร่งกว่าตอนแยกกันแน่นอน แต่เรื่องแบบนี้พูดง่าย แต่การทำเต็มไปด้วยอันตรายไม่รู้จบ
บางทีจั้นเจิ้นซือตัวจริงอาจรวมรัศมีจั้นยี่ที่แตกต่างเข้าด้วยกันได้ แต่ชัดว่าตอนนี้มู่เฉินยังไม่ได้เป็นจั้นเจิ้นซือตัวจริงเลย
ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
แต่ไม่ว่าจะเกิดความวุ่นวายแค่ไหนในภายนอก ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อมู่เฉินที่อยู่ในค่ายกลศึกได้ ยามนี้ดวงตาของมู่เฉินปิดแน่น เม็ดเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากตลอดเวลา มากจนกระทั่งเส้นเลือดยังบิดเกลียวบนหน้าผาก ตรงหว่างคิ้วก็ขมวดแน่นด้วยความเจ็บปวด
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับมู่เฉินที่จะรวมรัศมีจั้นยี่แตกต่างกันห้าสายเข้าด้วยกัน
แต่ในเมื่อเขาต้องการที่จะทำลายค่ายกลศึกอย่างรวดเร็ว ก็มีเพียงการรวบรวมรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าเข้าด้วยกันแล้วซัดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อทำลายวิญญาณสงครามเต่าดำ มิฉะนั้นถ้าการต่อสู้ถูกลากยาวออกไป บางทีจินไถหลิวหลีอาจเป็นคนแรกที่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้
มู่เฉินรู้ชัดว่าจินไถหลิวหลีเตรียมพร้อมและมีกองทัพผลึกฟ้าอยู่ใต้บังคับบัญชา ในแง่ของรัศมีจั้นยี่นางเหนือชั้นกว่าหน่วยรบทั้งห้าของเขามาก ดังนั้นหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่นางจะได้ผ่านเป็นคนแรก เมื่อนางได้รับมรดกจักรพรรดิเทียนเจิ้น คนที่เหลืออย่างพวกเขาก็จะไม่ได้รับอะไรเลย
ซึ่งนี่เป็นผลลัพธ์ที่มู่เฉินไม่ต้องการเห็น
ดังนั้นเขาต้องเสี่ยงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อันที่จริงเขาไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อติดต่อกับรัศมีจั้นยี่ทั้งห้า เขาก็รู้สึกได้ถึงการปฏิเสธแข็งแกร่งที่พุ่งเข้าใส่กัน
ซึ่งมู่เฉินไม่มีวิธีจัดการกับเรื่องนี้เลย ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีที่โง่ที่สุดนั่นคือหลอมกระแสจิตของตนเองเข้าไปกลั่นรวมรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าเข้าด้วยกัน!
แต่วิธีนี้ทำให้กระแสจิตของเขาอ่อนล้ามาก ลองคิดดูกระแสจิตหนึ่งไหลเวียนอยู่ท่ามกลางรัศมีหลายหมื่น มิหนำซ้ำจิตอันมุ่งมั่นเหล่านั้นยังปฏิเสธซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นภาระใหญ่หลวงมากต่อจิตใจผู้บัญชารัศมี หากเป็นคนอื่นที่พยายามทำเช่นนี้ แม้แต่เหล่าผู้บัญชาการก็คงถูกลบล้างกระแสจิตทันที ส่งผลกระทบเสียหายร้ายแรงต่อกระแสจิตอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นซือที่มีจิตใจแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นและหน่วยรบทั้งห้าก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา เขาคงไม่กล้าลองใช้วิธีนี้ แม้ว่าจะมีความมั่นใจก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ปวดหัวจนแทบระเบิดในขณะนี้ ราวกับว่าหัวถูกผ่าแยกออกจากกัน เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นยุบยับเร็วขึ้น ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
ขณะที่เส้นเลือดดำบนหน้าผากสั่นสะท้าน วงแสงขนาดหมื่นจั้งก็เปล่งรัศมีตระการตาออกมาอย่างต่อเนื่อง เสียงสนั่นหวั่นไหวดังออกมาจากการปะทะกันของรัศมีจั้นยี่…
โฮก!
นอกจากนี้ขณะที่มู่เฉินต้องการรวมรัศมีจั้นยี่ทั้งห้าเข้าไว้ด้วยกัน วิญญาณสงครามเต่าดำก็สัมผัสได้ถึงคลื่นคุกคามที่กำจายออกมาจากวงแสง มันร้องคำราม สายตาเกรี้ยวกราดจดจ้องไปยังร่างของมู่เฉิน
เมื่อเต่าดำจ้องมา ร่างของมู่เฉินก็เกร็งเครียดขึ้นทันที
ทันใดนั้นเต่าดำก็กวาดหาง ทำให้เกิดการฉีกขาดขนาดใหญ่ในมิติ ครอบร่างมู่เฉินเอาไว้
คลื่นน่าสะพรึงกลัวพุ่งมาพร้อมแสงมืดมิด เมื่อมองจากความผันผวน แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าตรงๆ ซ้ำในเวลานี้มู่เฉินก็ไม่มีรัศมีจั้นยี่คุ้มกายและเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เท่านั้น ดังนั้นการโจมตีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นอันตรายถึงชีวิตของมู่เฉินเลยทีเดียว
เต่าดำมีไหวพริบมากและจับโอกาสทองเอาไว้ ตอนที่มู่เฉินกำลังหลอมรวมรัศมีจั้นยี่ทั้งห้า เขาจะไม่สามารถแยกความสนใจออกไปที่สิ่งอื่นได้
ภาพนี้ทำให้เกิดเสียงอุทานนับไม่ถ้วน แม้แต่สีหน้าของเหล่าผู้บัญชาการก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
ตู้ม!
ลำแสงมืดมิดพุ่งมาเร็วจี๋ ไม่ได้ให้เวลาในการตอบสนองก็ปรากฏเบื้องหน้ามู่เฉินแล้ว ระลอกคลื่นน่าสะพรึงทำให้มู่เฉินรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั่วสรรพางค์กาย เขากัดฟันแน่น มือทั้งสองก็วาดตราประทับทันที!
ฮึ่ม!
คลื่นหลิงทรงพลังพวยพุ่งออกมาจากร่างมู่เฉินราวกับพายุ ร่างใหญ่โตปรากฏขึ้นปกป้องมู่เฉินไว้ภายใน มองเห็นดวงตะวันเจิดจ้าสีทองที่ด้านหลังศีรษะ
นี่คือร่างเทพสุริยะ!
ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ มู่เฉินเร้าคลื่นหลิงในร่างกายเพื่อสร้างร่างเทพสุริยะออกมา
ตู้ม!
ลำแสงมืดมิดกวาดไปทั่ว จากนั้นก็กระแทกบนร่างเทพสุริยะอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นแสงโชติช่วงก็ระเบิดออก ร่างเทพสุริยะแตกสลายในเวลานี้!
ร่างเทพสุริยะที่มู่เฉินภาคภูมิใจอยู่ได้เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น
ทันทีที่ร่างเทพสุริยะสลายหายไป ร่างเขาก็ถลาออกไปอย่างน่าสงสาร ทว่าแสงมืดมิดที่แตกเป็นเสี่ยงมีส่วนหนึ่งพุ่งออกมาไล่ตามกระแทกลงบนหน้าอกของมู่เฉิน
กึก!
เมื่อลำแสงมืดมิดกระทบลงบนหน้าอก ใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดเซียวลง เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เสื้อผ้าบนร่างกลายเป็นผุยผง มีรูเลือดปรากฏบนหัวไหล่
ร่างเงาที่ดูไม่ได้ของมู่เฉินถลาออกไปนับหมื่นจั้งก่อนที่จะทรงตัวได้ ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ เขาก้มหัวลงมองไหล่ที่ชุ่มไปด้วยเลือด ความกลัวลอยอ้อยอิ่งในดวงตา
มังกรสีม่วงทองเคลื่อนตัวไปที่แผลของเขา นี่เป็นลวดลายมังกรแท้จริง ทว่าตอนนี้ลวดลายก็ซีดจางลงอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้ามันช่วยต้านการระเบิดให้มู่เฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะลวดลายมังกรแท้จริงละก็ คงไม่ได้มีแค่แผลเลือดเท่านั้น แต่ทั้งบ่าของเขาจะระเบิดไม่เหลือซากเลยทีเดียว
การโจมตีครั้งเดียวของเต่าดำ ก็ทำลายร่างเทห์สวรรค์ซ้ำยังเกือบทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งของเทพอสูรตัวนี้น่ากลัวจริงๆ
“ไม่มีแรงสนับสนุนจากรัศมีจั้นยี่ ช่องว่างระหว่างข้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็กว้างใหญ่จริงๆ” มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง หากเขายังได้รับการปกป้องจากวิญญาณสงคราม การโจมตีของเต่าดำก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ ทว่าเมื่อไรที่สูญเสียวิญญาณสงครามก็จะเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับเขาที่ต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณสงครามเต่าดำด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ที่มี
โฮก!
เมื่อเต่าดำเห็นว่ามู่เฉินยังมีชีวิตอยู่หลังจากทนต่อการโจมตีได้ มันก็ปล่อยเสียงคำรามเดือดดาลออกมา ขณะที่รัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนพล่านเข้ามารวมตัวกันในปาก
ด้านนอกของค่ายกลศึกสีหน้าของจิ่วโยวซีดเผือด มู่เฉินที่สูญเสียวิญญาณสงครามทั้งห้า ไม่มีทางต้านทานการโจมตีเต็มรูปแบบจากเต่าดำได้!
ตู้ม!
เสียงคำรามของเต่าดำดังก้องไปทั่วมิติมืดมิด ลำแสงรัศมีจั้นยี่พันจั้งทะลุผ่านมิติยิงไปทางมู่เฉิน
เมื่อร่างเทห์สวรรค์ถูกทำลายจนไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ ถ้ามู่เฉินถูกโจมตีด้วยพลังทำลายล้างนี้ เขาตายคาที่แน่นอน!
กองทัพอื่นๆ ก็มีท่าทางเปลี่ยนไปเมื่อเฝ้าดูฉากนี้ ในค่ายกลทั้งสี่ทิศมู่เฉินจะเป็นคนแรกที่ถูกกำจัดแล้วหรือ?!
สายตาของหลิ่วเหยียนและฟังยี่เป็นประกายด้วยความดีใจ ในเมื่อนี่เป็นฉากที่พวกเขาอยากเห็นกับตาที่สุด
ครืน!
ลำแสงสีดำของรัศมีจั้นยี่ยิงเข้ามา ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากเต่าดำครั้งนี้ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม มู่เฉินกลับเช็ดรอยเปื้อนเลือดจากมุมปากอย่างนุ่มนวล ขณะที่จิตสังหารเย็นเยือกพล่านออกมาจากม่านตาสีดำ
“ไอ้ตัวร้าย คิดจะฆ่าข้าเรอะ?!”
เสียงคำรามต่ำเปล่งออกจากปากของมู่เฉินขณะวาดตราประทับในมืออย่างรวดเร็ว เมื่อกระบวนท่าในฝ่ามือเปลี่ยนแปลงวูบไหว ทุกคนที่อยู่นอกค่ายกลศึกก็ต่างตกตะลึงในใจรีบเงยหน้าขึ้น ภายในวงแสงขนาดหมื่นจั้งที่อยู่เหนือร่างมู่เฉิน ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงร้องแหลมดังกึกก้องออกมา
เสาแสงสาดส่องลงมา!
เสาแสงนั้นบรรจุด้วยรัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขต ซึ่งทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนสีหน้าเปลี่ยนไป นั่นเป็นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่ารัศมีจั้นยี่ทั้งห้าที่แตกต่างกันผสานอยู่ในเสาแสงนั่น!
มู่เฉินหลอมรวมรัศมีจั้นยี่เสร็จในวินาทีสุดท้าย!