ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK

สารบัญ อาณาจักรวิญญาณ

••••••••••••••••••••

**บทที่****221:**ราชันฉลามดำ

แม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากมากเพียงใด พวกเขาทั้งหมดยังต้องกลับบ้าน การหยุดพักอยู่กับที่ภายในทะเลตะวันออกนั้นเท่ากับการแสวงหาความตาย ทั้งหมดได้ตั้งตัวกันอย่างรวดเร็วและช่วยเหลือกันราวกับผู้ลี้ภัยกลุ่มใหญ่ ทั้งหมดค่อย ๆ บินตรงไปที่แผ่นดินใหญ่

แน่นอนว่าในสองสามวันแรกทุกอย่างยังปลอดภัย ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีเมฆลอยเหนือหัวของพวกเขา ทั้งนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลม เมฆดำลอยมารวมกลุ่มกันทำให้ท้องฟ้ามืดสนิท จากนั้นเกิดพายุฝนโหมกระหน่ำทันที

ในตอนแรกทุกคนคิดว่านี่เป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติ ในไม่ช้าพวกเขาทั้งหมดก็ตระหนักได้ถึงความจริงว่ามีปราณจิตวิญญาณธาตุน้ำที่แข็งแกร่งอยู่ในสายฝน ชัดเจนว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยใครบางคน ฝนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปิดกั้นแสง มันยังทำให้ทิศทางของพวกเขาแปรปรวณอีกด้วย

ทุกคนตกใจทันทีเมื่อรู้สึกได้ ผู้ฝึกตนระดับจินตัน ดันฉิงซีตะโกนออกมา “ไม่ดีแล้ว! ฉลามดำหวังว่านหลี่แห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออก ข้าเกรงว่าพวกเรากำลังตกอยู่ในมือของเขา!”

“ฉลามดำหวังว่านหลี่แห่งจักรวรรดิทะเลตะวันออกงั้นหรือ?” เมื่อทุกคนได้ยินชื่อนั้น การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีราวกับสิ่งที่ได้ยินมันน่ากลัวอย่างมาก

ซ่งจงสังเกตเห็นสีหน้าของทุกคนที่แสดงออกมา เขารีบถามทันที “อาวุโสลุงดันฉิงซีใครคือฉลามดำ?”

“เขาเป็นอสูรกายที่แข็งแกร่งอย่างมาก ว่ากันว่าเขาฝึกฝนมานานนับพันปี แต่ไม่เคยมีผู้ฝึกตนคนไหนที่ได้พบเขาและกลับมาเล่าเรื่องราวสักครั้ง! ทั้งหมดกลายเป็นอาหารให้กับลูกสมุนของเขา! เสียดายที่พวกเราโชคร้ายเกินไป อย่างแรกเราพบเจอกับเหลยซานเอ๋อ และในตอนนี้เราพบกับฉลามดำอีก เราจะรอดไปได้อย่างไร?”

“เหอะ แล้วยังไงถ้าเขาคือฉลามดำ? ข้าสามารถทำให้เหลยซานเอ๋อหลีกทางได้ ข้าก็ไม่เกรงกลัวฉลามดำเช่นกัน!” ซ่งจงตอบกลับ

ในขณะที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น  พวกเขาได้แต่ยิ้มออกมา มีเพียงดันฉิงซีที่ยังมองโลกในแง่ร้าย “ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”

ซ่งจงคิดได้ว่าดันฉิงซีคงไม่ได้ประเมินเขาสูงมากนัก นั่นทำให้ซ่งจงมึนงงอย่างมาก ก่อนหน้านี้ดันฉิงซีก็เห็นว่าเขาสามารถขับไล่เหลยซานเอ๋อออกไปอย่างไร เหตุใดกันทำไมดันฉิงซีจึงยังไม่มั่นใจในตัวเขา?

ในขณะที่ซ่งจงกำลังคิดจะอธิบายบางอย่างกับดันฉิงซี มีเสียงคำรามของอสูรกายดังขึ้น

เสียงนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที เสียงที่โหดเหี้ยมนั้นกล่าวว่า “ใครคือซ่งจง? จงก้าวออกมารับความตายของเจ้าซะ!”

มองตามเสียงไปเกิดเป็นเงาดำขนาดใหญ่ค่อยปรากฏขึ้นในสายฝน ภาพนั้นคือฉลามที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ มันยาวไม่กี่ร้อยฟุต ขนาดของมันใกล้เคียงกับเรือของซ่งจง ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและยืนอยู่บนศีรษะของฉลาม

เหตุผลที่เขาถูกเรียกว่าบุรุษแห่งกล้ามเนื้อเพราะร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สวยงาม เขาสูงยี่สิบฟุตและมีเกล็ดสีดำทั่วทั้งร่างกายของเขา แขนของเขาหนาเทียบเท่ากับเอวของคนธรรมดาทั่วไป ขาของเขาคล้ายกับเหยือกน้ำ ซ่งจงยกย่องให้เขาเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับเขาแล้วซ่งจงกลายเป็นเด็กน้อยทันที

ลักษณะเช่นนี้แน่นอนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ เนื่องจากบนใบหน้าของเขายังมีเอกลักษณ์ของการเป็นฉลามอยู่ โดยเฉพาะกรามใหญ่และฟันที่เรียงกันอย่างสวยงาม มันทั้งแหลมคมทำให้เขาดูเหมือนนักฆ่าแห่งท้องทะเล

ความจริงแล้วเหตุผลที่ทำเขาไม่เหมือนมนุษย์นั้นเป็นเพราะความแปลกของเขา อาจเป็นเพราะเขายังไม่ผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ในฐานะอสูรกายขั้นห้า แน่นอนราชันฉลามดำนั้นเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ควรที่จะเปลี่ยนเป็นมนุษย์ แต่ด้วยความบังเอิญที่เขาพบสมุนไพรที่ใต้ทะเลและเมื่อกินมันเข้าไป มันทำให้ร่างกายของเขาพ้นขีดจำกัดอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงถูกเปลี่ยนร่างกายก่อนที่จะพร้อมเสียอีก เพราะว่าการฝึกฝนของเขาถูกชะลอลง จึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์เต็มตัวอย่างเช่นเหลยซานเอ๋อได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นที่มาของความแปลกประหลาดบนร่างกายของเขา

เมื่อเห็นว่าราชันฉลามดำในตำนานนั้นเป็นอย่างไร ทุกคนรวมถึงซ่งจงได้แต่ตกใจ จากนั้นดันฉิงซีกระซิบเสียงเบาไปที่ซ่งจง “ศิษย์น้องรัก อย่าเพิ่งสนใจเขา เจ้าต้องสนใจสิ่งรอบข้างด้วย ว่ากันว่าเคล็ดวิชาของเขาสามารถปกปิดลูกสมุนของเขาได้! นอกจากนี้พวกมันยังบินได้ ข้าคิดว่าตอนนี้เราถูกล้อมรอบและเจ้าต้องระวังการถูกซุ่มโจมตี!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตกใจทันที เขาขยายสัมผัสวิญญาณออกไปรอบและรู้สึกได้ถึงพลังที่อยู่รอบตัวเขาเต็มไปหมด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเหล่าอสูรกายที่อยู่ในจักรวรรดิทะเลตะวันออกนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก อีกทั้งการที่ราชันฉลามดำโผล่มาในตอนนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก! อีกทั้งเขายังสามารถปกปิดลูกน้องของตนเองได้ แต่ถ้าหากพวกมันบินได้อีก นี่มันคงแปลกเกินไปแล้ว!

ขอบคุณที่ในวันนี้มีอาวุโสอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่อย่างแน่นอน หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ซ่งจงเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบร่างกายของเขาพร้อมกล่าวกับดันฉิงซี “ขอบคุณอาวุโสลุงมากที่เตือนข้า หลานคนนี้เกือบหลงเข้าไปในกับดักแล้ว!”

ดันฉิงซียิ้มและต้องการจะตอบกลับ แต่ราชาฉลามดำเริ่มคำรามออกมาอีกครั้งอย่างหงุดหงิด “บัดซบ ข้ามองหาซ่งจงอยู่ มันอยู่ที่ไหน? บอกให้มันออกมารับความตายของมันไป!”

เมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดของราชาฉลามดำ ดันฉิงซีปิดปากเงียบ เขาบาดเจ็บสาหัสและไม่มีปราณจิตวิญญาณเหลือสำหรับต่อสู้เลย ในตอนนี้เขาไม่ได้มีค่ามากไปกว่าภาระ

สำหรับซ่งจง เขาขมวดคิ้วพร้อมกับบินไปด้านหน้าอย่างหงุดหงิด “ข้าซ่งจง! ข้าสงสัยว่าราชาฉลามดำอย่างท่านต้องการอะไร?”

“ฮ่าฮ่า เจ้าน่ะหรือซ่งจง! ข้าตามหาเจ้ามาหลายวันแล้ว!”

“ว่าอะไร? เราไม่เคยพบเจอกันมาก่อน ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านจึงตามหาข้า?”

“ฮ่าฮ่า ข้ามาที่นี่เพื่อจะขอยืมบางสิ่งจากเจ้า! ถ้าหากเจ้ายินยอม ข้าอาจจะปล่อยพวกเจ้าทุกคนไป!”

“โอ้? ข้าอยากรู้ว่าราชาฉลามดำต้องการอะไร?”

“มันง่ายมาก ข้าต้องการหัวของเจ้า!” ราชาฉลามดำกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดพร้อมกล่าวออกมาว่า “มันไม่ง่ายนักที่จะเอาหัวของข้า!”

“อย่างไรข้าก็ต้องการมันแม้ว่ามันจะไม่ง่าย ภรรยาของข้าต้องการมัน!” ราชาฉลามดำตอบกลับ

“ว่าอะไร? ภรรยาของท่านเป็นใคร?”

“นางมีชื่อว่าราชันเหยี่ยวฟ้าเหลยซานเอ๋อ!” ราชาฉลามดำตอบกลับมาอย่างร่าเริง

“ข้าว่าไม่ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าเหลยซานเอ๋อไร้คู่ครอง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านางแต่งงานแล้ว” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาหันไปหาดันฉิงซีอย่างไม่เชื่อ

ดันฉิงซีรีตอบกลับ “ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นนั้น ถ้าหากมันเป็นเช่นนั้นจริงทุกคนจะต้องรู้อย่างแน่นอน!”

“ฮ่าฮ่า ความจริงก็คือนางยังไม่ได้เป็นภรรยาของข้า! แต่นางจะเป็นอย่างแน่นอนในอนาคต ตราบใดที่ข้าสามารถนำหัวของเจ้าไปให้นางได้ นางจะแต่งงานกับข้าอย่างแน่นอน ฮี่ฮี่!” ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข

ในตอนนี้ซ่งจงรู้ตัวแล้วพร้อมกับเริ่มสาปแช่งทันที “บัดซบ ข้าตกหลุมพรางของเหลยซานเอ๋อ! เหตุผลที่นางยอมปล่อยเชลยจำนวนมากเช่นนั้นไม่ใช่เพราะมีความเมตตา นางต้องการให้เราล่าช้าและให้ราชาฉลามดำติดตามข้า!”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาเข้าใจแผนการของนางทันที จากนั้นราชาฉลามดำก็ตะโกนออกมา “ฮ่าฮ่า ถูกต้อง ภรรยาของข้าคนนี้นั้นฉลาดเกินไป! ข้ามองเจ้าเพียงครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้านั้นโง่เพียงใด เจ้าจะสามารถเอาชนะนางได้อย่างไรกัน?”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดจนแทบจะตายอยู่ตรงนั้น นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาฝึกฝนมา ที่เขาถูกหลอกโดยหญิงสาวที่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา การแลกเปลี่ยนของเขาในครั้งนี้นับว่าล้มเหลวและเขาพ่ายแพ้ให้กับนางอย่างสมบูรณ์

เมื่อเห็นว่าซ่งจงแทบจะสำรอกออกด้วยความโกรธ ราชาฉลามดำเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “ไขมันบัดซบเอ๋ย เนื่องจากวันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่ง ข้ามีข้อเสนอพิเศษให้กับเจ้า ถ้าหากว่าเจ้ายอมแพ้ ข้ายินยอมที่จะปล่อยทุกคนไป อย่างนี้เป็นเช่นไร?”

“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่โง่ เมื่อเจ้ารู้ว่าเหลยซานเอ๋อยังไม่สามารถทำอะไรกับข้าได้ เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่าข้านั้นไม่ใช่คนที่เจ้าจะข่มเหงได้ง่าย ดังนั้นเจ้าจึงต้องการใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อจับกุมข้าโดยไม่ต้องสูญเสียอะไร ถูกไหม?”

“ฮ่าฮ่า! เราทุกคนอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออก แล้วพวกเราจะทำตัวโง่เง่าได้อย่างไร? นางต้องการจะฆ่าเจ้าโดยใช้มือของข้าและข้าต้องการจับกุมเจ้าโดยไม่ต้องใช้กำลัง!”

“ฮ่าฮ่า เยี่ยม! ข้อเสนอของท่านยอดเยี่ยมมาก แต่ข้าต้องคุยกับพวกเขาก่อน เจ้าติดอะไรหรือไม่?”

“ย่อมได้ เนื่องจากเจ้าติดอยู่ในเคล็ดวิชาของข้า ไม่ว่าเจ้าคิดจะหลบหนีได้แต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่มีทางทำได้แม้ต้องการก็ตาม ข้าอนุญาตให้เจ้าคุยกับพวกเขา! อย่างไรก็ตามเจ้าควรใช้เวลาให้น้อยที่สุด ข้ามีความอดทนไม่มากนัก! ถ้าหากข้าไม่พอใจ ข้าจะสังหารพวกเจ้าทุกคน!”

“สบายใจได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านรอนาน!” ซ่งจงหันหลังกลับพร้อมตั้งคำถามทันที “พวกเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไร?”

ทุกคนมองหน้ากันไปมาในความเงียบ แต่ภายในหัวของทุกคนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ‘ถ้าหากความตายของเจ้ามันทำให้พวกเรารอด แล้วทำไมเจ้าไม่ไปตายล่ะ?’ แม้แต่ผู้ฝึกตนชอบธรรมยังนิ่งเงียบและไม่ได้กล่าวถึงการต่อสู้เลย เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้อยู่ในทะเลตะวันออกมานาน และพวกเขาไม่รู้จักคำว่าบุญคุณ

แม้ว่าซ่งจงจะคาดไว้แล้วว่าจะเป็นเช่นนั้น เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงเช่นนี้ ในตอนนี้จิตใต้สำนึกของคนเหล่านี้ได้ถูกสุนัขกินไปแล้ว ดันฉิงซีเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “ศิษน้องรัก อสูรกายนั้นไม่รักษาสัญญา! อย่าเชื่อเขา มากที่สุดในตอนนี้เราทำได้เพียงสู้กับพวกมันจนตาย!”

ซูหยุนและซูหยู่ก้าวออกมาเช่นกัน “ใช่ เราจะต่อสู้จนกว่าจะตาย!”

หินไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาก้าวออกมายืนด้านหลังของซ่งจงอย่างแน่วแน่ แสดงออกผ่านการกระทำแทนคำพูด

เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาขมวดคิ้ว บางคนอึดอัดและรู้สึกสมเพช มีคนหนึ่งตะโกนออกมา “วีรบุรุษซ่งจง ท่านเป็นคนดีจนวันสุดท้าย! เนื่องจากท่านเคยได้ช่วยเราไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าจึงไม่ช่วยพวกเราอีกสักครั้งล่ะ? พวกเราจะไม่มีวันลืมบุญคุณ!”

ด้วยการนำเช่นนี้ เหล่าพวกคนที่จิตใจคับแคบได้เริ่มเปล่งเสียงออกมาทันที “ใช่ เราจะจดจำเจ้าไว้อย่างแน่นอน!”

“เราจะเผาเครื่องหอมไปให้เจ้า!”

“เราจะสร้างวิหารเพื่อเทิดทูนเจ้า!”

“เราจะเผาเงินไปให้เจ้าทุกปี!”

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ ดันฉิงซีตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด “หุบปาก พวกเจ้ารู้จักคำว่าละอายใจหรือไม่?”

ดันฉิงซีเป็นผู้ฝึกตนระดับจินตัน แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ เขายังเต็มไปด้วยเกียรติ เมื่อสิ้นสุดเสียงของเขาก็ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาอีก

จากนั้นดันฉิงซีมองไปที่ซ่งจงพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ไม่ต้องสนใจพวกมัน! ข้าคิดว่าเราควรจะสู้!”

“ใช่! เราจะต่อสู้จนกว่าจะตายตกไป!” ซูหยู่และซูหยุนก้าวออกมา

เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงขื่นขม “พวกเจ้าคิดอย่างไร พวกเขาสามารถทรยศข้าได้อย่างโจ่งแจ้ง แต่ถ้าหากการต่อสู้ดำเนินไปอย่างไม่เป็นตามที่หวัง พวกเขาจะหักหลังข้า?”

ในขณะที่ซ่งจงกล่าวเช่นนั้น ดันฉิงซีเปลี่ยนแปลงท่าที ความจริงแล้วสิ่งที่ซ่งจงกล่าวออกมานั้นถูกต้อง คนเหล่านี้ลืมไปแล้วว่าความละอายใจคืออะไรและต้องการที่จะมีชีวิตรอด ถ้าหากการต่อสู้ไม่เป็นไปอย่างที่พวกเขาต้องการ แม้ว่าอาจไม่มีการกระตุ้นของราชาฉลามดำ พวกเขาจะหักหลังซ่งจงอย่างแน่นอนเพื่อความอยู่รอด

ดันฉิงซีติดอยู่กับปัญหานี้พร้อมกล่าวว่า “แล้วคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับพวกเขา?”

“ฆ่าให้หมด!” มู่ซื่อหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส

“เรื่องนั้น…” เมื่อดันฉิงซีได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขาหดทันที ถ้าหากเป็นผู้ฝึกตนปีศาจกล่าวเช่นนี้ออกมาเขาคงไม่เสียใจ แต่นี่คือผู้ฝึกตนชอบธรรมกล่าวออกมา? อีกทั้งหลายสำนักภายในนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับสำนักเสวียนเทียน และบางคนก็ยังมีความผูกพันกับดันฉิงซีอีกด้วย แน่นอนว่าดันฉิงซีไม่สามารถสังหารพวกเขาทั้งหมดได้

ฆ่าหรือไม่ฆ่า เป็นสิ่งที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดันฉิงซีไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมองไปที่ซ่งจงเพื่อขอความเห็น

แน่นอนว่าซ่งจงรู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร แม้ว่าซ่งจงจะไม่พอใจกับความใจดีของดันฉิงซี แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “ลืมมันไป ลืมไปเถอะ เนื่องจากเขาต้องการข้า ข้าจะอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว พวกเจ้าจงออกไปให้หมด!”