ตอนที่ 10

Kill the Hero

Kill the Hero 010

ผู้เล่นมักมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน

โดยเฉพาะในดันเจี้ยน ผู้เล่นจะตึงเครียดมาก

มอนสเตอร์จะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ต้นตอของความตึงเครียดก็มาจากการแข่งขันกันระหว่างผู้เล่น

มันเห็นได้ชัด

ถ้าดันเจี้ยนถูกเคลียร์ ดันเจี้ยนจะหายไป ไม่ว่าร่างกายของผู้เล่นจะยังอยู่ข้างในหรือไม่ก็ตาม

หมายความว่าไม่มีสภาพแวดล้อมไหนที่เหมาะสำหรับการฆ่าคนที่คุณไม่ชอบไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ถึงกระนั้นก็มีบางกรณีที่ผู้เล่นจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

‘จะเป็นศัตรูของฉันก็ไม่เป็นไร ใครก็ได้…ได้โปรดเถอะ!’

สถานการณ์ของพวกยังเซคยองนั้นเลวร้ายมาก

ปาร์ตี้ของเธอดูไม่ดีเลย

Kieeuuu!

Kieehh!

กลุ่มก็อบลินกว่า 50 ตัว ล้อมรอบปาร์ตี้ของยังเซคยองขณะที่โดนพวกมันจ้องมองด้วยเจตนาฆ่าฟัน

“เป็นยังไงบ้าง?”

“บาดแผลลึกเกินไป ฉันต้องเย็บมันก่อน”

ในขณะเดียวกัน ปาร์ตี้ของยังเซคยองจัดตำแหน่งเป็นครึ่งวงกลม ตรงกลางมีชายคนหนึ่งนั่งพิงต้นไม้ อ้วกออกมาเป็นเลือด ชายอีกคนที่อยู่ข้างหน้าเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาเขา

“แม่งเอ๊ย! ทำไมถึงต้องเป็นพรีสท์ด้วย?”

คนที่บาดเจ็บก็คือฮีลเลอร์

นับเป็นปัญหาที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งที่ปาร์ตี้ต้องเผชิญ

คุณค่าของฮีลเลอร์ในดันเจี้ยนที่ไอเท็มมีจำกัดนั้นไม่อาจบรรยายได้เลย

‘ตัวไหนที่โจมตีเขา? ’

สิ่งที่ทำให้ยังเซคยองโกรธมากขึ้นก็คือความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถบอกได้ว่าก็อบลินตัวไหนที่โจมตีฮีลเลอร์ของพวกเขา

ไม่ นั่นไม่ใช่ก็อบลิน

‘แม่งเอ๊ย ฉันมั่นใจ มีใครบางคนที่แปลงร่างเป็นก็อบลิน’

ถ้ามันเป็นแค่ก็อบลิน มันจะไม่จัดการกับสมาชิกของยังเซคยองโดยเจาะจงคนใดคนหนึ่ง แล้วแทงพรีสท์ลึกเข้าไปในซี่โครงด้วยมีดทื่อ ๆ แบบนั้นได้

 

มีบางอย่างที่หุ้มหนังก็อบลินไว้ ( TL : แกล้งทำตัวเป็นก็อบลิน )

‘ฉันประมาทเกินไป ลองคิดดู คงไม่ได้มีแค่ก็อบลินอย่างเดียวในดันเจี้ยนระดับ B …’

มอนสเตอร์ลึกลับที่แข็งแกร่งกว่าก็อบลินแสร้งทำตัวเหมือนก็อบลิน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มของยังเซคยอง

พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยิงสัญญาณกู้ภัยอย่างเร่งด่วน

‘ใครก็ได้ ได้โปรด…’

แม้เธอจะปรารถนา แต่ยังเซคยองก็ไม่คิดว่าโอกาสได้รับความช่วยเหลือจะสูงนัก

ก่อนอื่น ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะมีคนสังเกตเห็นสัญญาณกู้ภัยอยู่ใกล้ ๆ ทั้งยังเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าคนที่มาช่วยจะแข็งแกร่งกว่าปาร์ตี้ของยังเซคยอง

เห็นได้ชัดว่าคนที่ช่วยเหลือได้ มักจะคิดถึงความเสี่ยง และเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง

พูดง่าย ๆ ก็คือต้องใช้เวลานานในการรอความช่วยเหลือ พรีสท์ที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนอาจจะเสียชีวิตก่อน

‘แม่ง’

เมื่อความคิดของยังเซคยองมาถึงจุดนี้ดวงตาของเธอก็เผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง

ตอนนั้นเอง

Hwaruruc!

เปลวไฟลุกไหม้อยู่ข้างหน้าปาร์ตี้ของยังเซคยอง!

“ไฟ?”

Kieehh?

ด้วยความประหลาดใจ ปาร์ตี้ของยังเซคยอง และพวกก็อบลิน ทั้งคู่หันไปทางไฟ

Puk!

จากนั้นวัตถุขนาดเท่าหัวของก็อบลินก็บินเข้าหาก็อบลินที่สับสน

Kkeuk!

ก็อบลินถูกบางอย่างกระแทก และล้มลงกับพื้นหลังจากส่งเสียงกรีดร้องสั้น ๆ

Pu-ukk!

จากนั้นวัตถุอีกสองสามชิ้นก็บินเข้ามา และกระแทกเข้าที่หัวของก็อบลิน

Kieeehh!

ก็อบลินโกรธจัดที่โดนขัดขวาง

อย่างไรก็ตาม ความโกรธนั้นอยู่ได้ไม่นาน

Kieehh?

เป็นเพราะพวกมันได้รับรู้ว่าพวกมันไม่ได้ถูกโจมตีด้วยก้อนหิน แต่เป็นหัวของสมาชิกในครอบครัวของพวกมันเอง

บรรยากาศแห่งการสังหาร และความกระหายเลือดของสนามรบเริ่มสงบลงอย่างรวดเร็ว

‘ฉัน ฉันสงสัยว่าเป็นใคร? ’

‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาตัดหัวก็อบลินแล้วขว้างมัน…’

‘น่ากลัว’

แม้แต่สมาชิกในปาร์ตี้ของยังเซคยองที่ถูกล้อมรอบไปด้วยก็อบลินก็รู้สึกหวาดกลัวกับฉากนั้น

แน่นอนว่าฉากนั้นทำให้ไม่มีก็อบลินตัวไหนฮึกเหิมอีกต่อไป

ก็อบลินมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว

Jjwaak!

เสียงแส้ตัดอากาศฉีกเนื้อของก็อบลิน

Kkeuk!

ก็อบลินที่โดนแส้ฟาดส่งเสียงร้อง

สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว

ไฟที่ลุกไหม้ หัวของพวกตัวเองที่บินมา การโจมตีของศัตรูที่เริ่ม และจบลงด้วยเสียงกรีดร้องของเพื่อนร่วมเผ่า

ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็อบลินจะสามารถฟื้นฟูความสงบ และแสดงท่าทีใจเย็นอีกได้ยังไง?

Kieeehh!

Kieeee!

ก็อบลินเริ่มวิ่งหนี

“อ๊า! ”

เมื่อสถานการณ์หมุนกลับ ยังเซคยอง และปาร์ตี้พวกของเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัว

‘พวกเขามาแล้ว.’

‘ขอบคุณพระเจ้า’

ความรู้สึกโล่งใจหลังรอดชีวิตจากประสบการณ์เฉียดตายท่วมท้น อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ได้ไม่นาน

“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ…หือ? ”

เป็นเพราะคนที่แสดงตัวเป็นคนที่พวกเขาคาดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง

“ชื่อ …คุณชื่ออะไรนะ?”

“ฉันชื่อคิมวูจิน”

คิมวูจินปรากฏตัว

 

ไม่นานหลังจากที่ก็อบลินจากไป อีกสองปาร์ตี้ก็มาถึง

คำถามที่ทั้งสองปาร์ตี้ถามเหมือนกัน

“อะไร? ทุกคนสบายดีไหม?”

“มอนสเตอร์อยู่ที่ไหน? คุณไม่ได้ส่งสัญญาณกู้ภัย เพราะแค่ต้องการคนคุยด้วยใช่ไหม?”

พวกเขาถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าทุกอย่างจะจบลงไปแล้วก็ตาม

“โอ้ kkakdugi ก็มาด้วย เขา…ชื่ออะไรนะ?” ( TL : ENG บอกว่า kkakdugi คือ หัวไชเท้า คงหมายถึงมินเนี่ยน )

“อะไร? โอ้ คุณเข้าร่วมปาร์ตี้พวกเขาเหรอ? ฉันว่าคุณไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี ยังไงก็ตาม คุณชื่ออะไร?”

พวกเขาไม่รู้จักชื่อของคิมวูจินเช่นกัน

“คุณพูดอะไร? คนนี้น่ะเหรอ?”

“คนคนนี้ช่วยพวกคุณเหรอ?”

โดยปกติแล้วทั้งสองปาร์ตี้ค่อนข้างแปลกใจที่คิมวูจิน ช่วยปาร์ตี้ของยังเซคยองได้

แน่นอนความประหลาดใจไม่เหมือนกับความชื่นชม

“ฉันได้ยินมาว่าคุณเคลียร์ดันเจี้ยนด้วยตัวเองมาก่อน… แต่เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะเหตุการณ์เล็ก ๆ แบบนี้…ฉันเดาว่าคุณคงไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ชิชิ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณก้มหัวให้พวกเราก่อนเข้าดันเจี้ยน”

แต่ทั้งสองปาร์ตี้หัวเราะเยาะปาร์ตี้ของยังเซคยอง ที่ได้รับการช่วยเหลือจากคิมวูจิน

มันเป็นวิธีเยาะเย้ยคิมวูจินของพวกเขา

พวกเขาไม่ได้คิดว่าคิมวูจินเป็นผู้เล่นที่สำคัญอะไร

การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้คิมวูจินโกรธ

พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่คิมวูจินไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

อย่างแรกเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ธุระของคิมวูจิน

ก่อนที่คิมวูจินจะมายังอดีต ทุกคนที่นี่เป็นแค่หนึ่งในลูกแกะบูชายัญ 119 ตัวที่ตายไปในดันเจี้ยน

สำหรับคิมวูจินทัศนคติของพวกเขาไม่สำคัญอะไร

‘ตอนนี้ เป็นเวลาที่ดี’

เขาจะล่อให้พวกเขาตกลงเดิมพันยังดี?

คิมวูจินกำลังคิดเรื่องนี้

“ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ก็อบลิน ตามที่พวกเขาเล่า อาจมีมอนสเตอร์ที่สามารถแปลงร่างได้อยู่ภายในกลุ่มก็อบลิน…อาจจะเป็นก็อบลินกลายพันธุ์”

คิมวูจินสังเกตผู้นำของทั้งสองปาร์ตี้ในขณะที่พูด

“ไม่ใช่ว่านายเข้าใจผิดเหรอ? ถึงนายจะถูกชิวาวากัด แต่หลังจากนั้นพอนายพูดมันก็จะกลายเป็นบูลด็อกได้ใช่ไหม?”

“มันอาจจะผิดก็ได้ ทำไมก็อบลินถึงหนีไป ถ้าพวกมันมีตัวที่แข็งแกร่งขนาดนี้? นายจะบอกว่าพวกมันหนีไป เพราะกลัวนายเหรอ?”

แน่นอนว่าท่าทีของพวกเขาไม่แยแสเลย

“ถ้าเราไม่รู้ เราก็ควรร่วมมือกันก่อน…”

“อ่า มันจบไปแล้ว การสนทนานั้นสิ้นสุดลงก่อนที่เราจะเข้าสู่ดันเจี้ยนแล้ว ดูแลตัวเองเถอะ”

“ถ้านายตาย มันก็คือชะตากรรมของนาย นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนต้องต่อสู้เสี่ยงชีวิตเพื่อตัวเองเหรอ? ถ้านายกลัวตาย นายก็ไม่ควรมาที่ดันเจี้ยน”

คิมวูจินถูกเมินครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่คิมวูจินยืนยัน

“แต่พวกเราทั้งหมดมาจากสมาคมฟีนิกซ์ไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยเราก็ควรจะร่วมมือกันสักหน่อย”

คิมวูจินถอนหายใจยาว และพูดต่อ

“ไม่ใช่ว่าเรากำลังเดิมพันว่าใครจะเป็นคนฆ่าบอส เราควรจะร่วมมือกัน…”

ตอนนั้นเอง

“ฉันชอบความคิดนี้นะ”

ชายคนหนึ่งขัดจังหวะคิมวูจิน

“ไม่น่าแปลกใจที่ฉันจะเบื่อ เป็นเพราะไม่มีรางวัลอะไรเลย นายบอกว่านายชื่อคิมวูจินใช่ไหม? พูดได้ดี มาเดิมพันกัน ให้ของบางอย่างกับคนที่ฆ่าบอสของดันเจี้ยนได้”

นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกเขางับเหยื่อของคิมวูจิน

แน่นอนว่าไม่มีใครเรื่องนี้ออก

“เดิมพันด้วยเงินได้ไหม? หืม? สักร้อยล้านเป็นไง? เราจะทำเงินได้รวมประมาณ 1.5 พันล้านวอนใช่ไหม? ทุกคนมีเงินพอ”

ชายคนนี้ยังคงพูดอย่างอาจหาญเกี่ยวกับการเดิมพัน

“ถ้านายกลัว จะออกไปจากที่นี่ก็ได้นะ”

เขายั่วยุ

“แค่ 100 ล้าน? ”

และยังเซคยองตอบสนองการยั่วยุด้วยการยั่วยุ

เธอเคยหมดหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากใครสักคนเมื่อไม่นานมานี้ แต่บุคลิกของเธอไม่ยอมให้เธอทนต่อการยั่วยุเช่นนี้

ไม่ เธอโกรธมากขึ้น เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคิมวูจิน

‘เชี่ยเอ้ย ถ้าดันเจี้ยนถูกเคลียร์แบบนี้ ฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว’

ถ้าดันเจี้ยนถูกเคลียร์ เธอ และทีมของเธอคงจะเป็นที่รู้จักในฐานะกลุ่มผู้เล่นที่ต้องให้ผู้เล่นตัวเล็ก ๆ มาช่วย

“งั้น 300 ล้าน แทนที่จะเป็น 100 ล้านล่ะ?”

หัวหน้าปาร์ตี้คนอื่นยินดีรับเดิมพัน

ตอนนั้นเอง

“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนะ”

คิมวูจินที่ยังคงเงียบอยู่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ

“ฉันไม่มีเงินขนาดนั้น แม้แต่รถของฉันก็เป็นไลท์คาร์ เพราะฉันไม่มีเงิน…”

อย่างไรก็ตาม ผู้คนรอบตัวเขาไม่ได้ใส่ใจกับความกังวลของคิมวูจิน พวกเขาสนใจคำพูดของคิมวูจินมากขึ้น

ชายคนหนึ่งตะโกน

“มาเดิมพันด้วยกุญแจรถกัน คนที่ฆ่าบอสได้ จะได้รถทั้งหมดที่ลานจอดรถ”

 

“คราวหน้าอย่าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ!”

“แล้วเจอกันนอกดันเจี้ยน อย่าลืมเตรียมกุญแจรถให้พร้อมล่ะ! อย่างน้อยฉันจะจ่ายค่าแท็กซี่ให้”

ทั้งสามปาร์ตี้กระจัดกระจายกันอีกครั้งหลังจากบอกลา

แน่นอนว่าคิมวูจินไม่ได้สนใจ

“ขอบคุณ”

ความสนใจที่คิมวูจินได้รับมาจากยังเซคยอง และปาร์ตี้พวกของเธอ คือการแสดงความขอบคุณ

การกระทำแบบนี้ทำให้คิมวูจินรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

‘ฉันไม่คิดว่าจะถูกมองข้ามมากขนาดนี้…’

แม้ว่าเขาจะคาดว่า เขาจะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี และยังต้องถูกเมิน … แต่ไม่คิดว่าจะเมินกันขนาดนี้?

‘พวกนั้นสมควรถูกกำจัด’

มันเข้าใจได้เช่นกันว่าทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นเหยื่อในดันเจี้ยนนี้

‘ไม่มีทางที่พวกไม่มีตาจะสังเกตรอบ ๆ จะจัดการกับสไลม์ได้’

สไลม์

มอนสเตอร์ระดับบอสที่อาศัยอยู่ในดันเจี้ยนนี้

และยังเป็นมอนสเตอร์ที่ยุ่งยากเวลาที่ต้องจับมัน

แม้ว่าสไลม์ในเกมกับในนิยายปกติ จะเป็นมอนสเตอร์ที่กำจัดได้ง่ายกว่าก็อบลิน แต่ที่นี่มันแตกต่างกัน

สไลม์ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นมอนสเตอร์อะไรก็ได้นั้นรับมือยากกว่าที่คิด ในการสู้กับมันจำเป็นต้องมีประสบการณ์ในรับมือกับมอนสเตอร์ต่าง ๆ

‘มันน่าตลกที่คิดว่าผู้เล่นจะมีประสบการณ์พอ ทั้งที่เลเวลสูงที่สุดแค่ Lv10 เท่านั้น’

แม้ว่าผู้เล่นที่นี่จะเป็นที่คาดหวัง มีคุณสมบัติ และมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็ขาดประสบการณ์ที่จำเป็น

นั่นคือเหตุผลที่ดันเจี้ยนแห่งนี้กลายเป็นสุสานสำหรับผู้มีความสามารถมากมาย

ผู้เล่นที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากพอที่จะฆ่าสไลม์ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางฝูงก็อบลินได้นั้น สามารถนับได้ด้วยมือเดียว

แน่นอนว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับคิมวูจิน

ในที่สุด สถานการณ์ต่าง ๆ ก็คลี่คลายไปในทิศทางที่คิมวูจินต้องการ

‘ไม่ว่ายังไง ฉันก็ได้รับประโยชน์มากขึ้นจากสถานการณ์นี้’

เนื่องจากพวกเขาภาคภูมิใจในตัวเองมาก มีการสร้างการแข่งขันกับรางวัล ยิ่งไปกว่านั้นรางวัลก็ไม่น้อยเลย

‘ขอบคุณพระเจ้า ฉันมีเงินไม่มากพอสำหรับทหารโครงกระดูกทั้งหมด แต่ฉันก็ยังมีโชคอยู่ดี’

นอกจากนี้หลังจากที่เขายืนยันความสามารถในการต่อสู้ของทหารโครงกระดูกแล้ว จำเป็นต้องลงทุนเรื่องอุปกรณ์ของพวกเขาอย่างจริงจังต่อจากนี้ไป

นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่คิมวูจินคิด

‘พวกเขาสมัครใจเป็นเหยื่อล่อเอง’

ที่สำคัญยิ่งกว่าสำหรับคิมวูจินคือการที่ทั้งสามฝ่ายมุ่งเป้าไปที่การจับสไลม์มอนสเตอร์ระดับบอสเท่านั้น

ทั้งสามฝ่ายจะสำรวจ และไล่ล่าสไลม์โดยไม่สนใจส่วนที่เหลือ

‘ในขณะที่พวกเขาทำอย่างนั้น สิ่งที่ฉันต้องทำคือการได้รับชิ้นส่วนเล็ก ๆ’

จากสายตาของคิมวูจิน สไลม์ก็คือของหวาน หลังจากที่เขาล่าก็อบลินที่ล้นดันเจี้ยนนี้

โครงกระดูกก็อบลินสองตัวแสดงเจตจำนงต่อคิมวูจิน

Tteol-geu-reok! Tteol-geu-reok!

พวกเขาส่งสัญญาณว่าพวกเขาอยากจะต่อสู้อย่างกระตือรือร้น

 

[ทูตแห่งนรกได้สนใจในการต่อสู้ของคุณ]

 

และรัศมีของคิมวูจินก็กระตุ้นให้คิมวูจินต่อสู้

Thump! Thump!

แม้แต่หัวใจของคิมวูจินก็ยังกระตุ้นให้คิมวูจินต่อสู้

การเข่นฆ่าของหมาล่าเนื้อได้เริ่มขึ้นแล้ว