ตอนที่ 229-1 ดูแลคนป่วย

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

หมอมาเร็วอย่างยิ่ง จับชีพจรให้พระชายาจิ้นอ๋อง จากนั้นก็ฝังเข็ม พระชายาจิ้นอ๋องจึงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา เหล่าคนรับใช้ที่ล้อมนางอยู่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก โดยเฉพาะแม่นมซือ ดีใจจนน้ำตาไหล “พระคุ้มครอง พระชายาท่านฟื้นแล้ว ทำบ่าวกลัวแทบแย่”

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องคิดจะลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไม่มีแรงแม้แต่จะโบกมือ นางหันหน้ามองข้างนอก “ท่านอ๋องเล่า”

 

 

เห็นความคาดหวังในแววตาของพระชายา แม่นมซือกับหวาเยียนก็อดก้มหน้าไม่ได้ “ท่าน…ท่านอ๋องออกจากจวนไปแล้วเพคะ” แม่นมซือโกหกด้วยเจตนาดี “พระชายาท่านอย่าได้ร้อนใจ ส่งคนออกไปหาแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงท่านอ๋อง ดูแลร่างกายตนเองให้ดีจะดีกว่า อยู่ดีๆ ถึงเป็นลมไปได้อย่างไร ทำพวกบ่าวตกใจแทบแย่”

 

 

หวาเยียนเองก็กล่าว “นั่นสิเพคะพระชายา หมอบอกว่าท่านเครียดเกินไป ตอนนี้การสมรสของคุณชายสี่ก็กำหนดแล้ว ท่านก็อย่าเป็นกังวลเกินไปนัก” หมอยังบอกว่าโมโหจนความดันโลหิตพุ่งสูง หวาเยียนก็ไม่ได้พูดถึง เป็นสาวใช้ใหญ่ที่ได้รับความไว้ใจที่สุดข้างกายพระชายาจิ้นอ๋อง หาผลประโยชน์เลี่ยงอันตรายกลายเป็นความสามารถชนิดหนึ่งแล้ว

 

 

เดิมพระชายาจิ้นอ๋องก็เป็นคนฉลาด จะฟังคำปลอบใจในคำพูดของแม่นมซือกับหวาเยียนไม่ออกได้อย่างไร “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องตำหนิข้า” บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความผิดหวัง ลมหายใจที่ข่มเอาไว้ปล่อยออกมา รู้สึกเพียงในสมองมีเสียงดังหึ่งๆ ในใจเองก็อัดอั้นอย่างยิ่ง

 

 

แม่นมซือกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้ง ถูกพระชายาจิ้นอ๋องส่ายหน้าห้าม นางหลับตารู้สึกเพียงแค่เหนื่อยและหมดหวัง

 

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จิ้นอ๋องบันดาลโทสะกับนาง แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องรู้ว่านางเป็นลมแต่กลับไม่ได้มาดูนางทันที เมื่อก่อนต่อให้นางจะไอหรือปวดหัว ท่านอ๋องก็จะตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ดูท่าแล้วครั้งนี้ท่านอ๋องจะโกรธนางแล้วจริงๆ เหอๆ นางอยู่ข้างกายเขามายี่สิบกว่าปี คลอดบุตรดูแลจวนอ๋องเพื่อเขา นางทำเพื่อเขามามากเพียงนั้น ท้ายที่สุดยังเทียบคนชั่วผู้นั้นไม่ได้ ในใจพระชายาจิ้นอ๋องรู้สึกเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด นางควรจะทำให้ท่านอ๋องหายโกรธแล้วกลับมาเชื่อใจนางใหม่อย่างไร

 

 

แม่นมซื่อและคนรับใช้คนอื่นๆ มองเห็นเพียงมีน้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาจากหางตาของพระชายาจิ้นอ๋อง ต่างก็มองหน้ากันและกัน แต่กลับไม่กล้าเกลี้ยกล่อมอะไรง่ายๆ อีก

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องหมดสติและนางได้อำนาจดูแลครัวใหญ่สองข่าวนี้ดังมาถึงหูเสิ่นเวยพร้อมกัน หลังจากนั้นนางก็หัวเราะด้วยความใจแคบอย่างยิ่ง เกรงว่าเป็นเพราะเหตุการณ์อย่างหลังจึงทำให้เกิดอย่างหน้าใช่หรือไม่ ก็แค่อำนาจดูแลครัวใหญ่มิใช่หรือ พระชายาจิ้นอ๋องถึงขนาดทรมานตัวเองจนหมดสติเลยหรือ ประสบการณ์น้อยเกินไปแล้ว ความอดทนก็ไม่มากเช่นกัน!

 

 

แต่ว่าจิ้นอ๋องก็ดีต่อพระชายาจริงๆ มอบอำนาจดูแลครัวใหญ่ให้นางก็ไม่ใช่เพื่อปลอบใจหรอกหรือ นางได้อำนาจดูครัวใหญ่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีกไม่ใช่หรือ อีกทั้งนางยังต้องย้ายตามสวีโย่วไปจวนจวิ้นอ๋องอีก ได้อำนาจดูแลนี้แล้วจะดูแลได้สักเท่าไร ท้ายที่สุดครัวใหญ่ก็ต้องกลับไปอยู่ในมือพระชายาจิ้นอ๋องอยู่ดีไม่ใช่หรือ

 

 

จิ้นอ๋องทำเช่นนี้ล้วนแต่เป็นการคิดเพื่อพระชายา! ไม่รู้ว่าพระชายาจะเข้าใจความพยายามของท่านอ๋องหรือไม่ คาดว่าคงจะไม่เข้าใจ มิเช่นนั้นจะโกรธจนเป็นลมไปได้อย่างไร

 

 

สำหรับอำนาจดูแลครัวใหญ่ กระทั่งงานในจวนจิ้นอ๋อง เสิ่นเวยไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา ไม่ช้าไม่เร็วนางก็ต้องย้ายตามสวีโย่วไปจวนจวิ้นอ๋อง ต่อให้จะได้อำนาจดูแลงานในจวนจิ้นอ๋องแล้วอย่างไร นางจะดูแลได้สักกี่วัน ไม่ใช่ว่ายังต้องมอบออกไปอีกไม่ใช่หรือ เรื่องโง่ๆ เช่นการลำบากกายใจทำงานเพื่อคนอื่นนางไม่ทำหรอก

 

 

แต่ว่าในเมื่อจิ้นอ๋องพูดแล้วนางก็ไม่อาจผลักไสอย่างโง่เขลา คุมครัวใหญ่ อย่างน้อยนางก็สามารถกินได้อย่างสบายใจหน่อย

 

 

“ฮูหยิน คราวนี้ดีแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารแล้ว” สาวใช้หลายคนข้างกายเสิ่นเวยดีใจอย่างถึงที่สุด

 

 

เสิ่นเวยเลิกคิ้ว กล่าว “พวกเจ้าอย่าดีใจเร็วเกินไป พวกเราเพิ่งเข้ามา ฐานยังไม่มั่นคง ครัวใหญ่มีแต่คนแก่ที่กลับกลอก จะเชื่อฟังฮูหยินของเจ้าเพียงนั้นเลยหรือ

 

 

เหอฮวาเด็กสาวที่ดุดันผู้นี้ก็ตบอกเสนอตัวทันที “ฮูหยิน บ่าวไปช่วยท่านจัดการครัวใหญ่เอง คนไหนไม่เชื่อฟังบ่าวจะโบยนาง รับรองว่าจะทำให้พวกนางว่านอนสอนง่าย”

 

 

คนหลายคนที่เหลือต่างก็พากันพยักหน้า ท่าทางเห็นด้วยกับเหอฮวา ตนเองก็กระตือรือร้นอยากจะลองด้วย

 

 

เสิ่นเวยก่ายหน้าผาก ดูสิ ดูสิ เหตุใดนับวันสาวใช้เหล่านี้ข้างกายนางถึงได้ห้าวหาญขึ้นเรื่อยๆ เล่า นายเช่นนางอ่อนหวานว่าง่ายจะตายไป!

 

 

“เจ้า อยู่ข้างๆ ข้าให้นิ่งก็พอ! พวกเราจะอยู่ในจวนอ๋องอีกสักกี่วัน ไม่คุ้มจะไปผิดใจใคร ครัวใหญ่ดูแลตามเดิมทั้งหมด เลื่อนตำแหน่งรองเดิมเป็นแม่บ้าน พวกนางเคยทำเช่นไรตอนนี้ก็ทำเช่นนั้น ส่วนพวกเรา ไม่หวังคุณงามความดีขอแค่ไม่ทำผิดก็พอ” เสิ่นเวยกล่าวเสียงเรียบ

 

 

“ฮูหยิน เช่นนั้นพวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งแม้แต่คนเดียวเลยหรือ” เหอฮวาเบะปากไม่ยินยอมเล็กน้อย

 

 

เสิ่นเวยชายตามองนางปราดหนึ่ง กล่าว “แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าเตรียมจะให้พี่เฉินพาสาวใช้เล็กคนหนึ่งไป พี่เฉินรับตำแหน่งรองไม่ต้องสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องครัวใหญ่ ขอเพียงแค่รับผิดชอบอาหารของข้ากับคุณชายใหญ่ก็พอแล้ว” ของที่เข้ามาในบ้านต้องผ่านคนของตนจึงจะวางใจได้!

 

 

หยุดครู่หนึ่งนางจึงกล่าวต่อ “หากเจ้าชอบดูแลครัวใหญ่จริงๆ รอพวกเราย้ายไปจวนจิ้นอ๋องแล้ว ครัวใหญ่ส่วนนี้ก็ยกให้เจ้าดูแล”

 

 

เหอฮวาปฏิเสธทันที กระทืบเท้าแค้นเคือง “ฮูหยิน บ่าวเพียงแค่อยากแบ่งเบาภาระท่าน ใครทนเหนื่อยทนดูแลครัวใหญ่กันเล่า บ่าวไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่รับใช้ข้างกายฮูหยิน”

 

 

คนทั้งหมดในครัวใหญ่กระวนกระวายราวกับวิหคตื่นเกาทัณฑ์ แม่บ้านหม่าที่มีหน้ามีตามาสิบกว่าปีจบชีวิตในชั่วพริบตา สืบหาเหตุผลพวกนางต่างรู้ดีแก่ใจ ก็แค่ช่วยพระชายากดดันคุณชายใหญ่ฮูหยินใหญ่ไม่ใช่หรือ ตอนนี้ครัวใหญ่ตกอยู่ในมือฮูหยินใหญ่ ยังไม่รู้ว่านางจะจัดการพวกนางอย่างไร

 

 

แต่สิ่งที่ทำให้พวกนางคิดไม่ถึงก็คือ ฮูหยินใหญ่คาดไม่ถึงว่าไม่มาพบพวกนาง แต่เลื่อนแม่บ้านรองของพวกนางเป็นแม่บ้านใหญ่ทันที สั่งเพียงแค่ให้พวกนางทำหน้าที่ให้ดี ครัวใหญ่ยังคงจัดการแบบเดิม ส่งหญิงแซ่เฉินผู้หนึ่งมารับผิดชอบเพียงแค่อาหารของฮูหยินใหญ่กับคุณชายใหญ่ ทั้งหมดที่เหลือไม่ยุ่งเกี่ยว

 

 

แรกเริ่มพวกนางยังไม่กล้าเชื่อ ฮูหยินตระกูลใดบ้างได้อำนาจดูแลครัวใหญ่แล้วไม่แทรกคนสนิทของตัวเองเข้ามาขูดรีดผลประโยชน์อย่างกำเริบเสิบสาน ฮูหยินใหญ่จะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร แม้ว่าแม่บ้านซุนจะได้เลื่อนขั้นให้เป็นแม่บ้านใหญ่ แต่กลับไม่กล้าตัดสินใจเอง ไม่ว่าเรื่องใดๆ ล้วนไปปรึกษาพี่เฉิน ทว่าพี่เฉินกลับไม่ออกความเห็นใดๆ เหมือนอย่างที่นางได้พูดไว้

 

 

เวลานานเข้า ทุกคนก็ดูออกแล้วว่าพี่เฉินไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครัวใหญ่จริงๆ ส่วนฮูหยินใหญ่ก็ไม่ได้เห็นผลประโยชน์ของครัวใหญ่อยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่วางใจก็เกรงใจพี่เฉินมากยิ่งขึ้น มีผลประโยชน์อะไรล้วนแต่แบ่งให้นางด้วยตัวเอง อีกทั้งอาหารที่ส่งไปยังเรือนเสิ่นเวยก็ยังตั้งใจทำอย่างถึงที่สุด

 

 

แน่นอน นี่ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง

 

 

พูดเรื่องครัวใหญ่เสร็จเสิ่นเวยเองก็ไม่ได้ว่าง พระชายาจิ้นอ๋องเป็นลมแล้ว ลูกสะใภ้เช่นนางย่อมต้องไปดูแลคนป่วย มิเช่นนั้นจะไม่มีความกตัญญูอย่างมาก

 

 

ตอนที่เสิ่นเวยไปถึงเรือนพระชายาจิ้นอ๋อง อู๋ซื่อกับหูซื่อก็อยู่ก่อนแล้ว กำลังล้อมพระชายาจิ้นอ๋องถามไถ่อาการอยู่

 

 

“น้องสะใภ้รอง น้องสะใภ้สามมาเร็วเพียงนี้เลยหรือ เสด็จแม่ท่านเป็นอะไรไป อยู่ดีๆ เป็นลมไปได้อย่างไร หาหมอแล้วหรือยัง ว่าอย่างไรบ้าง ลูกได้ข่าวช้าเล็กน้อย มาช้าไปเล็กน้อย ท่านแม่ท่านอย่าตำหนิ” เสิ่นเวยกล่าวด้วยสีหน้าเป็นห่วง

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเสิ่นเวย พระชายาจิ้นอ๋องก็หนังตากระตุกอย่างไม่มีเหตุผล เค้นรอยยิ้มที่อ่อนเพลียกล่าว “ไม่เป็นไร คาดว่าคงจะเหนื่อยเกินไป เมื่อคืนพักผ่อนไม่พอ ลุกจากเตียงเร็ว ดูพวกเจ้าแต่ละคนทำราวกับเป็นเรื่องใหญ่ หมอบอกว่าพักผ่อนไม่กี่วันก็หายแล้ว”

 

 

อู๋ซื่อขมวดคิ้ว ไม่เห็นด้วย “ดูหน้าเสด็จแม่ซีดเผือด ไหนเลยจะไม่เป็นไร เสด็จแม่ท่านต้องพักผ่อนให้ดีตามที่หมอว่า” นางดูแลงานส่วนหนึ่งในจวน รู้มารางๆ ว่าก่อนแม่สามีเป็นลมคล้ายมีปากเสียงกับท่านอ๋อง

 

 

เสิ่นเวยเองก็ย่นใบหน้าเล็กๆ พยักหน้าคล้อยตาม “ใช่แล้วๆ น้องสะใภ้รองพูดถูกต้อง พักผ่อนเพียงพอแล้วจะไม่เป็นไรได้อย่างไร เสด็จแม่อย่าคิดว่าร่างกายตนไม่เป็นไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะเสียใจทีหลัง” นางกล่าวอย่างตั้งใจ

 

 

หูซื่อที่อยู่บำรุงครรภ์ในเรือนเพียงผู้เดียวไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ยังคิดว่าแม่สามีเหนื่อย กล่าวด้วยความละอายใจ “ผิดที่ลูกร่างกายไม่ดี ไม่อาจช่วยเสด็จแม่แบ่งเบาภาะระได้ กลับทำให้เสด็จแม่เหนื่อยจนเป็นลม”

 

 

หูซื่อกำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งครรภ์ยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก ตั้งแต่ที่ตั้งท้องมาจนตอนนี้ก็เกือบจะสามเดือนแล้ว ตกเลือดมาสองครั้งแล้ว ยังดีที่ไม่มีอันตราย พระชายาจิ้นอ๋องคาดหวังกับท้องนี้ของนางอย่างมาก ย่อมต้องสั่งให้นางพักผ่อนอยู่ในเรือน ไม่ให้นางทุกข์ใจใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่การเคารพทุกวันก็ยังให้นางเลี่ยง

 

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นภาพหลอนของพระชายาจิ้นอ๋องหรือว่าอะไร นางมักจะรู้สึกว่าตอนที่เสิ่นซื่อพูดคำว่าพักผ่อนสองคำนี้ไม่เข้าหูมากเป็นพิเศษ ท่านอ๋องลงโทษนางไม่ให้ออกจากเรือนหากไม่มีธุระ ก็ต้องพักผ่อนมิใช่หรือ หรือว่าเสิ่นซื่อรู้อะไรเข้าแล้ว เมื่อฟังคำพูดของนางต่อ อะไรคือเสียใจทีหลัง นี่ไม่ได้เป็นการสาปแช่งให้นางเป็นอะไรหรือ แม้แต่พูดยังพูดไม่เป็น โชคร้ายนัก

 

 

“ภรรยาโย่วเอ๋อร์เป็นห่วงแล้ว ข้าป่วยคราวนี้คงต้องพักหลายวัน งานอื่นๆ ในจวนก็มีภรรยาเยี่ยเอ๋อร์แล้ว ข้าไม่เป็นห่วง มีแต่ครัวใหญ่ที่ข้าไม่วางใจ เจ้าเป็นคนฉลาด งานในครัวใหญ่นี้ก็ลำบากเจ้าแล้ว” พระชายาจิ้นอ๋องกล่าวหยั่งเชิง

 

 

พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลครัวใหญ่งั้นหรือ หัวใจของอู๋ซื่อกับหูซื่อเต้นพร้อมกัน โดยเฉพาะอู๋ซื่อ นางมองเสิ่นเวยปราดหนึ่งก็หลุบตาลง ดูความรู้สึกในแววตาของนางไม่ออก

 

 

เสิ่นเวยหัวเราะเยาะในใจ เห็นชัดๆ ว่าท่านอ๋องสั่งให้นางดูแลครัวใหญ่ เหตุใดถึงกลายเป็นพระชายาไหว้วานนางแล้วเล่า ปิดทองหน้าตัวเองเก่งจริงๆ

 

 

“เฮ้อ ลูกไหนเลยจะเคยทำงาน แต่เพื่อแบ่งเบาภาระเสด็จแม่แล้ว ทำให้เสด็จแม่สบายใจพักฟื้นได้ ลูกก็ทำได้เพียงพยายามรับงานนี้ต่อ ลูกไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยังต้องให้เสด็จแม่ชี้แนะเยอะๆ” เสิ่นเวยพูดอย่างจริงจัง หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าว “ยายหม่าผู้นั้นในครัวใหญ่ทำผิดพลาดถูกท่านอ๋องลงโทษแล้ว ลูกจึงเลื่อนขั้นแม่บ้านรองขึ้นมาเติมที่ว่างของนาง งานทั้งหมดในครัวใหญ่ยังคงจัดการเหมือนตอนที่เสด็จแม่ดูแล ใครควรทำอะไรก็ทำเช่นนั้น ตรงไหนเกิดข้อผิดพลาดข้าก็จะหาเพียงแค่คนผู้นั้นที่รับผิดชอบ อ้อจริงสิ ลูกยังส่งพี่เฉินข้างกายไปด้วย นางรับใช้ข้างกายลูกมาหลายปีแล้ว รู้รสนิยมของข้า ลูกจึงให้นางดูแลอาหารของลูกกับคุณชายใหญ่เป็นพิเศษ”

 

 

หนังตาของพระชายาจิ้นอ๋องกระตุกอีกครั้ง เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าในคำพูดของเสิ่นซื่อมีเจตนาอยู่เล่า หรือว่าเสิ่นซื่อผู้นี้จะซื่อเป็นแมวนอนหวด หรือว่าจะดวงชะตาของเสิ่นซื่อจะขัดกับนางเล็กน้อยเหมือนอย่างที่แม่นมซือพูดไว้จริงๆ เสิ่นซื่อดีแล้วแต่นางกลับดีไม่ได้ ดูสิ ตั้งแต่นางเข้าจวนมา ชีวิตของตนก็ไม่ราบรื่น เช่นนั้นหากเสิ่นซื่อโชคร้ายนางก็จะโชคดีใช่หรือไม่

 

 

พระชายาจิ้นอ๋องคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง ใช่แล้ว ดวงชะตาของเสิ่นซื่อไม่ถูกกับนาง ตอนที่พระราชทานสมรสไม่ใช่ว่ากันว่าเสิ่นซื่อดวงแข็งหรอกหรือ นางคิดถึงตรงนี้ ในใจก็ตัดสินใจได้แล้ว