ตอนที่ 671 ระหว่างความใกล้ชิดที่แยกออกเป็นสองทาง (2) โดย Ink Stone_Romance
เธอแนบรูปประกอบ
สองรูป
รูปแรกเป็นรูปที่ผู้ชายกับผู้หญิงนอนกุมมือ เห็นแค่มือข้างเดียวไป๋ซู่เย่ก็จำได้แม่นว่านั่นเป็นแขนของเย่เซียว
ส่วนรูปที่สอง…
เป็นรูปที่เธอนอนในอ้อมกอดของเย่เซียวในสภาพเปลือยเปล่า แขนเย่เซียวโอบเธอไว้ เธออยู่ใต้กล้องนอนคู้ตัวเหมือนเด็กน้อย หลับใหลในอ้อมแขนเขาอย่างมีความสุข
ไป๋ซู่เย่มองนิ่งๆ ภาพตรงหน้าพร่ามัว ทันใดนั้นเธอกดปิดคอมพิวเตอร์พร้อมกัน
สูดหายใจลึกหลับตาเพื่อกลั้นน้ำตาไว้
ภาพที่เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนเย่เซียวคืนนั้น บัดนี้ได้ถูกพังทลายลงกลายเป็นผุยผง…
…………………………
สองวันต่อมาไป๋ซู่เย่พยายามให้ตัวเองมีสติในการใช้ชีวิต
เธอไปทำการตรวจแผลที่โรงพยาบาล
ไปแผนกสูตินรีเวชก่อน
“แผลหายเร็วดี ทายาทุกวัน ไม่เกินสิบวันน่าจะหายได้” คุณหมอแผนกสูตินรีเวชบอกเธอ
“ขอบคุณค่ะ” ไป๋ซู่เย่จัดเสื้อผ้าลงจากเตียงตรวจและตัดสินใจไปหาถังซ่งเพราะไม่อยากอยู่นานกว่านี้ ให้ถังซ่งดูแผลตัวเองสักหน่อย
ตอนนี้ถังซ่งกำลังเล่นปาเป้าในห้องทำงานอย่างเบื่อหน่าย
ตาเป็นประกายทันทีที่เห็นไป๋ซู่เย่
“รัฐมนตรีไป๋ ผมคิดว่าคุณจะไม่มาหาผมแล้วซะอีก!”
“ทำไมฉันต้องไม่มาหาคุณด้วย?” ไป๋ซู่เย่หยิบลูกดอกหนึ่งตัวปาใส่จุดแดงใจกลางเป้าอย่างง่ายดาย
“คุณทะเลาะกับเย่เซียวไม่ใช่เหรอ? ผมกลัวว่าคุณจะไม่อยากเจอหน้าผมไปด้วย”
เอ่ยถึงผู้ชายคนนั้นแล้วเธอชะงักไปชั่ววูบ ฉีกปากยิ้มจางๆ “เย่เซียวบอกคุณเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงหรอก วันนั้นจู่ๆ เขามาหาผม สีหน้าดูไม่ได้เลย ผมเดาว่าพวกคุณต้องมีปัญหากันแน่ๆ อย่างที่คาดไว้ไม่ผิดพอผมพูดถึงคุณต่อหน้าเขาหน่อยก็เกือบตายเพราะคุณแหนะวันนั้น”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?” ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าตรรกะของเขามีปัญหาอย่างมาก
“ถ้าไม่ใช่ว่าคุณทำเขาโมโหมา เขาจะขับรถเร็วอย่างไม่คิดชีวิตแบบนั้นเหรอ? ถ้าเกิดชนใครเข้า ผมตายแน่ๆ”
ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไร
คืนนั้นเธอทำเขาโมโหตามที่คิดเลย นั่นสิ ผู้ชายเย่อหยิ่งอย่างเขาคนหนึ่งจะทนฟังคนที่เคยทรยศหักหลังเขาได้อย่างไร?
“ไม่พูดถึงเขาแล้ว วันนี้ฉันมารีเช็ค คุณช่วยฉันดูหน่อย” เธอไม่อยากคิดต่ออีก ค่อยๆ ค่อยๆ ให้กลายเป็นอดีตของกันและกันเถอะ…
“อืม แต่การตรวจในวันนี้อาจจะซับซ้อนหน่อยนะ คุณนั่งสิ ผมจะเขียนใบสั่งให้คุณไปทำการตรวจให้ครบทุกด้านนะ”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบ นั่งอยู่ตรงนั้นเปิดนิตยสารการรักษาพยาบาลข้างๆ นั่งรอเงียบๆ
หลายครั้งถังซ่งปรายตามองมาที่เธอและอดรู้สึกคร่ำครวญในใจไม่ได้ เทียบกับอาการเหนือการควบคุมของเย่เซียวในคืนนั้นแล้ว เธอกลับใจเย็นเหมือนคนที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าเย่เซียวตกอยู่ในกำมือเธอได้อย่างไรเนี่ย?
“แอบมองฉันตลอด ไม่เขียนใบสั่งของคุณเพราะมัวแต่คิดอะไรอีก?” ไป๋ซู่เย่ไม่ได้เงยหน้า เพียงแค่พลิกหน้ากระดาษอย่างสบายๆ ต่อ
ถังซ่งชะงัก
จากนั้น…
“ให้ตายสิ! คุณเหมือนเย่เซียวเลย มีดวงตาขึ้นอยู่ข้างๆ หรือไง!”
ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่ท่วงท่าที่พลิกนิตยสารช้าลงมาก
“โอเค เสร็จแล้ว คุณไปจ่ายเงินได้” ถังซ่งยื่นใบสั่งให้ ไป๋ซู่เย่ลุกขึ้นเตรียมเดินออกไปแต่ประตูก็ถูกคนผลักเข้ามาจากข้างนอกในเวลาเดียวกัน
“ผู้อำนวยการ คุณเย่เซียวมาแล้ว แล้วก็…”
คนที่ผลักประตูเข้ามาคือผู้ช่วยของถังซ่ง เห็นไป๋ซู่เย่ที่อยู่ข้างในพลางชะงักนิ่งไปที ไม่ได้พูดต่อ
ไป๋ซู่เย่ได้ยินคำว่า ‘เย่เซียว’ เองก็เผลอสติหลุดไปชั่ววูบ ชั่วขณะที่เหม่อลอยเย่เซียวก็เดินเข้ามา อีกทั้ง…มีใครอีกคนเดินขนาบข้างเข้ามาด้วย
น่าหลัน
ไป๋ซู่เย่กระชับแรงที่กำกระดาษแน่นขึ้น
ถังซ่งสบถในใจ พึมพำ “โลกมันแคบจริงๆ เลยนะ”
เห็นได้ชัดว่าเย่เซียวกับน่าหลันต่างไม่คิดว่าไป๋ซู่เย่จะปรากฏตัวที่นี่ น่าหลันทำหน้าตกใจชั่ววูบและแทบจะกระชับกอดแขนเย่เซียวโดยไม่รู้ตัว คล้ายกำลังประกาศความเป็นเจ้าของ
ส่วนเย่เซียวคงท่าทางเย็นชาเพียงแค่เหลือบมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่งก็ไม่มองเธออีก ราวกับคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน
ห้องทำงานกว้างใหญ่ดีๆ กลับดูเหมือนจะแคบลงและอึดอัดมากทันตา
ถังซ่งมองสีหน้าคนนี้ทีแล้วหันไปมองคนนั้นที ได้แต่ชิงพูดขึ้น “พวกนายมาเร็วขนาดนี้ได้ยังไง? อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็นไม่ใช่เหรอ?”
“พอดีวันนี้เย่เซียวไม่ทำงานเลยมาก่อนเผื่อรถติดตอนเวลาเลิกงาน คุณคงไม่ได้ไม่ต้อนรับเราหรอกนะ?”
“พูดอะไรกัน ทั้งสองท่านยอมให้เกียรติมา ผมจะไม่กล้าต้อนรับได้ยังไงล่ะ” ถังซ่งหัวเราะเฮฮาเพื่อกระตุ้นบรรยากาศ
ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนี้แล้วเป็นส่วนเกินมาก เธอไม่อยากอยู่นานกว่านี้จึงกล่าวกับถังซ่ง “งั้นฉันไปตรวจก่อนล่ะ”
“อืม” ถังซ่งพยักหน้าเหมือนส่งเทพสักองค์เสด็จกลับ
ไป๋ซู่เย่เดินตรงไปที่ประตูและร่างของเย่เซียวกำลังยืนขวางประตูพอดี เธอเดินมาแต่เขาไม่คิดจะเบี่ยงตัวหลบสักนิด ไป๋ซู่เย่ออกไปไม่ได้ จิกปลายเล็บกับฝ่ามือเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงหน่อย จากนั้นเงยหน้ายิ้มน้อยๆ “รบกวนช่วยหลีกทางหน่อย ได้ไหม?”
น้ำเสียงให้ความเกรงใจมากเหลือเกิน…
ห่างเหินเหลือเกิน…
ถังซ่งที่ยืนฟังข้างๆ ยังแอบใจกระตุกวูบ สังเกตสีหน้าเย่เซียว
อย่างที่คาดเย่เซียวทำหน้าเรียบตึงแต่มุมปากกลับจุดยิ้มเย็นชา เขาไม่ได้หลีกทางทันทีแค่ถามถังซ่ง “ค่าตรวจพวกนี้ ใช้เงินเท่าไหร่?”
“ให้ราคาพิเศษครอบครัว อย่างน้อยก็ต้องสองพันล่ะมั้ง”
เย่เซียวล้วงเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าแล้วยัดใส่มือที่กำแน่นของไป๋ซู่เย่
“รัฐมนตรีเจ็บตัวเพราะผม เงินนี่ก็ต้องผมจ่าย ถ้าไม่พอล่ะก็ไปเบิกเงินได้ที่ฝ่ายบัญชีบริษัทผม” ทุกถ้อยคำจากเขาให้ความเย็นชาอย่างมาก
หาฝ่ายบัญชี…
แต่ไม่ใช่หาเขา…
แบ่งแยกชัดเจนดี
เขาให้เงินเธอก็แบ่งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้ชัดเจนแล้วเหมือนกัน
“ขอบคุณ ถ้าไม่พอล่ะก็ฉันจะให้คนของฉันไปเบิกเงินที่บริษัทคุณ” ไป๋ซู่เย่เองก็ยิ้มตอบรับเขา
เก็บเงินเบี่ยงตัวเดินจากไป
เดินสวนไหล่กับเขา…
ตัวเขาเกร็งแน่น
เธอเองก็เช่นกัน
ถังซ่งยืนกุมหน้าผากอยู่ข้างๆ ต้องยอมสองคนนี้จริงๆ! กำลังแข่งว่าใครดื้อกว่ากันหรือ? สมน้ำสมเนื้อเสียจริง!
…………………………
ไป๋ซู่เย่เดินออกจากห้องทำงานของถังซ่งโดยที่เจ้าตัวดูล่องลอย เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ที่มาเจอเย่เซียวกับน่าหลันที่นี่ได้
“คราวก่อนเย่เซียวมาอยู่เป็นเพื่อนคุณไป๋ทั้งคืน ฉันคิดว่าเขาชอบคุณไป๋มากซะอีก! ตอนนั้นคุณไป๋บาดเจ็บต้องเย็บแผล เขาดูปวดใจมากเลยนะ สุดท้ายไม่คิดว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนคนใหม่ไปแล้ว”
……………………………