ตอนที่ 119-1 คืนเข้าหอที่แสนตลกขบขัน

จำนนรักชายาตัวร้าย

เมื่อได้ยินว่าซย่าโหวฉิงเทียนขี่ม้าห้อตะบึงเข้ามา อวี้เฟยเยียนถึงกับปิดปากแอบหัวเราะเบาๆ

 

 

นี่เป็นการชิงตัวเจ้าสาวหรือเปล่านะ

 

 

ฝ่าบาทจะต้องทรงปวดพระเศียรอย่างหนักเป็นแน่…

 

 

อวี้เฟยเยียนหารู้ไม่ว่า คนที่ปวดหัวไม่ได้มีแต่เพียงฮ่องเต้เท่านั้น เพราะอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยก็กำลังปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างหนักเช่นกัน

 

 

ครั้นเมื่อซย่าโหวฉิงเทียต้องการผ่านประตูเข้าเพื่อพบอวี้เฟยเยียน ก็ถูกอวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยขัดขวางเอาไว้ ไม่เคยพบเคยเห็นการแต่งงานที่เจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวเช่นนี้มาก่อน

 

 

เจ้าบ่าวมาเพียงคนเดียว มันจะไปได้อย่างไรกัน!

 

 

อวี้จิงเหลยยืนกุมขมับทอดถอนใจอยู่ข้างๆ

 

 

ชายหนุ่มที่เห็นชาญฉลาดได้ในทุกเวลา แล้วเหตุใดพอถึงช่วงเวลาสำคัญถึงได้เซ่อซ่าจนทำเรื่องสำคัญให้พังพินาศเช่นนี้ได้นะ

 

 

ส่วนแขกเหรื่อที่มาร่วมงานก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปตามๆ กัน

 

 

หลินเจียงอ๋องท่านนี่ช่าง…มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ!

 

 

วิธีการรับเจ้าสาวเช่นนี้ ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเลย

 

 

น่าจะเรียกว่าเป็นรูปแบบวิธีคิดเจ๋งๆ ของผู้วิเศษ ซึ่งคนธรรมดายากจะเข้าถึง กระมัง

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยืนอยู่ที่หน้าประตูจวนพระยาภักดี สายตามองมาที่อวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ย สีหน้าฉงนสงสัยยิ่งนัก ทั้งยังเจือไว้ด้วยอาการราวคนน้อยใจเล็กๆ

 

 

เขามาถึงที่หน้าประตูแล้ว ประมุขอวี้กลับไม่ให้เขาเข้าปรับเจ้าสาวหรือ

 

 

นี่เป็นการกลั่นแกล้งหรือเปล่า

 

 

เสด็จพี่ไม่ได้บอกเขาเอาไว้นี่นาว่าการแต่งงาน จะต้องผ่านด่านนี้ด้วย!

 

 

คนทั้งสามรักษาการแข็งขันอยู่ที่หน้าประตู จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักครู่ ขบวนเจ้าบ่าวชุดสีแดงเพลิงก็ทยอยเดินขบวนอย่างยิ่งใหญ่มุ่งตรงเข้ามา อวี้จิงเหลยถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ

 

 

“ชู่…”

 

 

ส่วนอวี้เชียนเสวี่ยถึงกับปาดเหงื่อ

 

 

ยังดี ดีที่มีภาคต่อ

 

 

ในจวนอ๋องยังคงหลงเหลือคนที่รู้ความอยู่บ้าง!

 

 

เมื่อคนทั้งสองผ่อนลง ซย่าโหวฉิงเทียนก็อาศัยจังหวะที่มีช่องว่างระหว่างคนทั้งสองลอดเข้าไป จากนั้นก็ก้าวฉับๆ เข้าไปด้านในทันที

 

 

กว่าที่อวี้จิงเหลยและอวี้เชียนเสวี่ยจะรู้ตัว ซย่าโหวฉิงเทียนก็เดินไปไกลแล้ว

 

 

“เร็วเข้า รีบไปขวางเขาเอาไว้!”

 

 

เจ้าบ่าวจะไปที่ห้องนอนของเจ้าสาวมิได้!

 

 

เป็นครั้งที่ได้พบเจ้าบ่าวที่ไม่รู้ความเช่นนี้ เล่นเอาอวี้เชียนเสวี่ยแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว

 

 

ซึ่งถึงแม้ว่าอวี้จิงเหลยจะออกคำสั่งเด็ดขาด แต่หน้าไหนเล่าจะกล้าขัดขวางซย่าโหวฉิงเทียนได้!

 

 

ถึงแม้ว่าในระยะนี้ซย่าโหวฉิงเทียนจะเพลามือลงบ้างแล้ว แต่เรื่องราวอันโชกโชนโชติช่วงชัชวาลที่ผ่านมาของเขานั้น ล้วนแต่เป็นประวัติศาสตร์อันโชกเลือดทั้งสิ้น แล้วไปเป็นปฏิปักษ์กับเขา มิเท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ!

 

 

เมื่อเห็นดังนั้น อวี้จิงเหลยจึงอยู่ต้อนรับแขกเหรื่อที่ด้านหน้า ส่วนอวี้เชียนเสวี่ยก็ตามซย่าโหวฉิงเทียนเข้าไป

 

 

เพียงแต่ว่า ยังมิทันที่อวี้เชียนเสวี่ยจะเข้าถึงตัว ก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนเล่นงานจนหมอบเสียแล้ว ซึ่งกว่าที่อวี้เชียนเสวี่ยจะตะเกียกตะกายคลานขึ้นมาได้ แล้วตามไปอีกครั้ง ซย่าโหวฉิงเทียนก็ไปที่ถึงหน้าประตูห้องของอวี้เฟยเยียนเสียแล้ว

 

 

นางกำนัลที่ปรนนิบัติอวี้เฟยเยียนอยู่ ก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมากที่จู่ๆ หลินเจียงอ๋องก็โผล่มา จนต้องรีบเร่งซุกซ่อนอวี้เฟยเยียนเอาไว้ด้านหลังทันที

 

 

เจ้าบ่าวมาได้อย่างไรกัน!

 

 

ใจร้อนเกินไปแล้วกระมัง!

 

 

ถึงแม้ว่านางกำนัลเหล่านั้นจะมือไวรวดเร็ว แต่ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยังทันได้เห็นใบหน้าอันงดงามของอวี้เฟยเยียนหลังจากถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมนั้นอยู่ดี

 

 

งามเหลือเกิน…

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนยืนตกตะลึงอยู่ที่หน้าประตู

 

 

งดงามราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่ง เตรียมพร้อมที่จะให้คนเด็ดมาดอมดม!

 

 

“แมวน้อย พี่มารับเจ้าแล้ว!”

 

 

สายตาหลงใหลของซย่าโหวฉิงเทียนมองมา ผ่านนางกำนัลเหล่านั้น มาหยุดอยู่ที่ใบหน้าที่กำลังเอียงอายของอวี้เฟยเยียน

 

 

“ท่านอ๋อง ทรงเข้ามาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ”

 

 

กัวซีเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเข้ามาก็รีบออกไปรับหน้าทันที สีหน้าท่าทางของนางราวกับอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้

 

 

“ท่านอ๋อง ท่านยังพบหน้าเจ้าสาวไม่ได้ในตอนนี้เพคะ ท่านจะต้องรออยู่ด้านนอก!”

 

 

“เพราะอะไร”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก

 

 

ไม่ได้พบหน้าอวี้เฟยเยียนมาตั้งหลายวัน เขาก็จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

 

 

ไม่รู้ว่านางเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม กินอยู่เป็นอย่างไร นอนหลับดีหรือไม่ แล้วคิดถึงเขาเฉกเช่นที่เขาคิดถึงนางหรือเปล่า

 

 

รอคอยมาตั้งนานกว่าจะรอมาจนถึงวันนี้ นี่เขามารับเจ้าสาวของเขาด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาก็ส่งนางมาให้เขาเสียก็สิ้นเรื่อง แล้วเหตุใดพวกเขาแต่ละคนเอาแต่ขัดขวางท่าเดียว

 

 

“นี่เป็นกฎของบรรพชนที่สืบทอดต่อกันมา! ท่านอ๋อง ท่านจะทำลายกฎไม่ได้นะเพคะ!”

 

 

“นี่มันเป็นกฎของคนอื่น!”

 

 

คำตอบของซย่าโหวฉิงเทียนทำให้กัวซีถึงไม่กับพูดไม่ออก

 

 

สมกับเป็นหลินเจียงอ๋องจริงๆ!

 

 

ส่วนภายในห้อง ใบหน้าน้อยๆ ของอวี้เฟยเยียนแดงระเรื่อ ยินยอมให้นางกำนัลนำผ้าคลุมสีแดงหน้าปักลายมังกรคู่หงส์มาคลุมให้อย่างว่าง่าย

 

 

เมื่อครู่นางเห็นซย่าโหวฉิงเทียน อาจเพราะเห็นความเย่อหยิ่งสูงส่งยามที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์สีม่วงเสียจนเคยชิน จู่ๆ เมื่อเขาเปลี่ยนมาสวมใส่ชุดเจ้าบ่าวสีแดงมงคล จึงให้ความรู้สึกที่แตกต่างกระทบมายังประสาทสัมผัสของผู้ที่พบเห็น

 

 

ซึ่งกว่าที่อวี้เชียนเสวี่ยจะมาถึง ซย่าโหวฉิงเทียนก็อุ้มอวี้เฟยเยียนขึ้นแนบอกท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกอกตกใจของผู้คนรอบข้างเสียแล้ว

 

 

สวรรค์! นี่เป็นเจ้าบ่าวที่วุ่นวายที่สุดที่เขาเคยพบมาทีเดียว!

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนที่ก้าวฉับๆ ออกไป ฉับพลันความวุ่นวายก็บังเกิดขึ้นทันที

 

 

“อย่างนี้ต่างหากจึงจะมีความหมาย”

 

 

มู่เหนียนซีเองก็มองตามเบื้องหลังของเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปด้วยสีหน้าสนุกสนานยินดี

 

 

“งานแต่งงานตามประเพณีโบราณข้าเห็นมามากแล้ว แต่เหตุการณ์เช่นวันนี้ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก! เสี่ยวอวี้สายตาแหลมคมไม่เบา! เลือกผู้ชายที่ดีมาเป็นคู่ครอง!”

 

 

เห็นมู่เหนียนท้องโตกำลังเดินตามเขาออกไปเช่นกัน อวี้เชียนเสวี่ยก็รีบเข้ามาประคองนางทันที

 

 

“ช้าๆ หน่อยๆ! ระวังด้วย!”

 

 

“เฮ้อ รู้แล้วน่า! เร็วเข้า พวกเรารีบไปดูความครึกครื้นกัน!”

 

 

ตลอดทางที่ซย่าโหวฉิงเทียนอุ้มอวี้เฟยเยียนมา บ่าวไพร่ในจวนต่างพากันตกตะลึง หลังจากนั้นก็พากันก้มลงหน้าแล้วแอบหัวเราะเบาๆ

 

 

ท่านเขยรีบต้องรีบร้อนสักเพียงไหนกันนะ

 

 

“แมวน้อย เจ้าคิดถึงพี่ไหม”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนสะกิดถามอวี้เฟยเยียนพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

 

“เจ้ากินข้าวไม่อิ่มหรือ เจ้าผอมลงไปนะ”

 

 

“เปล่าสักหน่อย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกัดฟันแน่น มือหนึ่งถือแอปเปิลเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งกำลังจับผ้าคลุมหน้าเอาไว้

 

 

“หลายวันมานี้เจ้าคิดถึงพี่บ้างไหม”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนรุกถามต่อ

 

 

เจ้าบ่าวมือใหม่หน้าด้านหน้าทนไม่มีเขินอาย แต่อวี้เฟยเยียนในฐานะที่เป็นเจ้าสาวมือใหม่กลับหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอายตั้งนานแล้ว

 

 

“บอกมาสิ!”

 

 

รอคอยอยู่นานก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงยื่นมือออกไปจักจี้ที่เอวของนางสักหน่อย

 

 

“ฮ่าๆ …”

 

 

จนอวี้เฟยเยียนหัวเราะออกมา

 

 

“คิดถึงๆ! ท่านอย่าจักจี้ข้าสิ!”