บัญชามังกรเดือด บทที่ 905 ทางเข้า
จัดการพุ่มไม้ก็เห็นแค่เพียงร่องรอยการหมุนตัวไปมา แต่ดูจากเสือดาวตัวนั้นแล้ว มันน่าจะอยู่ที่นี่มานาน
หรือพูดได้ว่ามาที่นี่บ่อยๆ
หรือว่าที่นี่คือจะเป็นที่พักของมัน? ดูจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ก็ไม่เหมือน
“งูลายแดงชนิดนี้เจอไม่บ่อยนัก พวกนายว่าเสือดาวตัวนั้นก็มาจับงูที่นี่เหมือนกันรึเปล่า?”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัย ไป๋หลิงก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
เสือดาวจับงู? ทุกคนมองหน้ากันแล้วรู้สึกว่ามันช่างน่าขันเสียจริง
ฉวนซานกลับตื่นเต้นขึ้นมา พูดว่า “จากที่ดูร่องรอยของที่นี่ เสือดาวตัวนั้นน่าจะมาที่นี่บ่อยๆ”
“งั้นก็หมายความว่าที่นี่มักจะเจองูลายแดงเข้าออกบ่อยๆ?”
“รังงู! รังงู รีบหา!”
เกาชาวอดไม่ได้ที่จะด่า “คิดผิดไปรึเปล่า?”
“กูมาเพื่อหาสุสานพระชายางู ไม่ได้มาหารังงูลายแดงอะไรนั่น”
“มึงไอ้หนู อย่ามาเปลี่ยนเรื่องกู”
ฉินเทียนพูดอย่างเย็นชาว่า “มีความเป็นไปได้มากว่ารังงูจะเป็นทางเข้าของสุสานพระชายางู”
“ยังไม่รีบหาอีก!”
เกาชาวอึ้งไปชั่วครู่ แล้วได้สติกลับมา เขาโบกมือใหญ่ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ทุกคนฟัง!”
“ใครหารังงูเจอ กูจะให้เงินรางวัล 1 ล้าน!”
เมื่อได้ยินเงินรางวัล 1 ล้าน สมาชิกทีมหลายสิบคนก็พุ่งเข้าไปราวกับฝูงผึ้ง เริ่มหาจากพุ่งไม้พุ่มหญ้า
แต่ว่าหลังจากหาไปหนึ่งรอบ สุดท้ายก็ย้ายหินทั้งหมดออก กำจัดวัชพืชหมด ก็ยังไม่เจอราชางูอะไร
ไม่ต้องพูดถึงราชางูหรอก รังหนูสองตัวยังหาไม่เจอเลย
“ไม่ถูกสิ”
“จะเป็นแบบนี้ได้ยังไง…” ฉวนซานขมวดคิ้วมองสังเกตลักษณะภูเขารอบๆ สุดท้ายได้ข้อสรุปว่าที่นี่ก็คือหางงู
งั้นก็ต้องมีทางเข้าหนึ่งทางถึงจะถูกสิ
“ตกลงว่าแกทำได้ไหม? ถ้าไม่ได้ ไสหัวออกไปข้างๆ กูจะทำเอง!”
เกาชาวตะโกนอย่างไม่อดทน เขาพูดพลางโบกมือว่า “ทุกคน เตรียมระเบิด!”
ฉวนซานพูดอย่างตกใจว่า “คุณจะทำอะไร?”
เกาชาวแสยะยิ้มพูดว่า “ในเมื่อคาดเดาว่าทางเข้าอยู่แถวๆนี้ งั้นกูจะเอาระเบิดลูกใหญ่มาระเบิดเอง”
“กูไม่เชื่อ ว่าจะระเบิดทางเข้าออกมาไม่ได้”
ฉวนซานกัดฟันพูดว่า “คุณทำแบบนี้มันบุ่มบ่ามเกินไป ไม่แน่ว่ามันอาจจะทำลายโครงสร้างของสุสาน”
“ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ถ้าผมยังหาทางเข้าไม่ได้ก็แล้วแต่คุณ”
เกาชาวพูดพลางยิ้มเยาะ “ได้ กูจะให้โอกาสมึงอีกครั้ง”
“ไก่ตัวผู้น้อย อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังนะ”
ตอนนี้เองแม้แต่ฉินเทียนก็ต้องประหลาดใจว่าฉวนซานจะทำยังไง
ภายใต้สายตาที่มองมาของทุกคน สีหน้าท่าทางของฉวนซานก็ค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา เขายื่นมือออกไปล้วงกระเป๋า ไม่รู้ว่ากำลังหยิบอะไร
จากนั้นก็หลับตา ปากขยับพูด เริ่มเดินหมุนอยู่กับที่
เนื่องจากของในมือที่เขาถือนั้นหล่นออกมาจากซอกนิ้ว คิดไม่ถึงว่าของสิ่งนั้นจะเป็นข้าวสีแดงหนึ่งกำ
ดูเหมือนจะไม่มีหลักการอะไร แต่ข้าวที่หล่นลงมากลับวางเค้าโครงเป็นภาพแผนผังแปดทิศรอบๆเขา
ฉากนี้เหมือนฉากเรียกผีในหนัง ทุกคนต่างดูกันอย่างเพลิดเพลิน
ไม่นานฉวนซานก็โยนเข้าจนหมด จากนั้นดึงดาบไม้ท้อจากด้านหลังออกมาอย่างพรวดพราด
มือหนึ่งถือดาบ มือหนึ่งชูนิ้วสองนิ้ว พลางท่องคาถา จากนั้นก็กัดนิ้วชี้อย่างแรงแล้วเอาเลือดที่ปลายนิ้วหยดลงบนดาบไม้ท้อ
“ไก่ขันทิศบูรพา ภูตผีทั้งหลายจงหลีกไป ข้าวแห่งวิญญาณประจำการ ไก่ทองคำหาหนทาง อาจง!”
สิ้นเสียงร้องตะโกนของเขา ไก่ตัวผู้ที่เดิมหยุดอยู่บนกิ่งไม้ กระพือปีกบินลงมาบนดาบไม้ท้อในมือฉวนซานอย่างมั่นคง
มันยืดอกเงยหน้า ต้อนรับพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น ดูองอาจผิดแปลกจากปกติ มันเดินบนดาบไม้ท้อราวกับพลทหารสองสามก้าว
จากนั้นก็กระโดดลงบนพื้นเริ่มจิกข้าว
ไม่นานข้าวสีเลือดรูปเค้าโครงแผนผังแปดทิศก็ถูกอาจงจิกกินจนหมด ส่วนอาจงก็หนังตาหนัก ฝีเท้าพันกันมั่ว โซซัดโซเซจนเกือบจะล้มพับไปหลายครั้งราวกับเมาเหล้า
มันดูเหมือนจะง่วงจากความอิ่ม ต้องการจะหาที่พักผ่อน โซซัดโซเซพุ่งไปทางพุ่งไม้ที่ก่อนหน้านี้เสือดาวปรากฏตัวออกมา
ทุกคนต่างตะลึงอึ้งค้างกับฉากนี้ จึงรีบตามไป
ก็เห็นอาจงเข้าไปในพุ่มไม้ แต่มันไม่ได้ตามหากองหญ้าเพื่อนอนพัก แต่กลับพุ่งไปทางข้างหน้าผา พยายามกางปีกราวกับอยากขึ้นไป
แต่มันในตอนนี้เหมือนกับคนที่กำลังเมาเหล้า ลืมตาไม่ขึ้น ปีกทั้งสองก็ดูไม่มีแรงอย่างเห็นได้ชัด
หลายครั้งที่กระโดดแล้วตกลงมา
แต่มันไม่ยอมแพ้ราวกับต้องมนต์ หรือราวกับด้านบนหน้าผามีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดมัน
ไม่นานกรงเล็บและปากของมันก็โขกกับหน้าผาจนเลือดไหล มันไม่มีความรู้สึกใด
“มันเป็นอะไร?”
“ฉวนซาน รีบบอกมันให้หยุดสิ ถ้าเป็นแบบนี้มันชนจนตายนะ” ไป๋หลิงอดที่จะพูดอย่างปวดใจไม่ได้
เวลาที่ได้อยู่ร่วมกันไม่นาน เธอไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับฉวนซาน แต่กลับให้ความสนใจกับไก่ตัวผู้ตัวนี้
ที่สำคัญคือลิงขนทองของเธอชอบ ถ้าไม่ใช่เพราะฉวนซานห้ามไว้ เกรงว่าไก่ตัวผู้ตัวนี้คงจะกลายเป็นของเล่นของลิงขนทองตั้งนานแล้ว
ฉวนซานมีสีหน้าเคร่งขรึมผิดปกติ เขาหันหน้าไปยังทิศที่ไก่ตัวผู้กระโดดแล้วค่อยๆมองไปยังบนหน้าผา
จนกระทั่งเห็นในพงหญ้าที่สูงขึ้นไปสองเมตรกว่าเหมือนจะมีรูเล็กๆ เขาถึงเผยสีหน้าดีใจออกมา
เขารีบเดินเข้าไปกอดไก่ตัวผู้ไว้ในอ้อมแขน ใช้ที่ครอบตาสีดำใส่ให้มัน ไก่ตัวผู้ร้องอย่างทรมานหลายครั้ง ทรมานอยู่หลายทีถึงจะค่อยๆสงบลง
ฉวนซานพูดอย่างปวดใจว่า “อาจง ครั้งนี้ลำบากแกแน่แล้ว”
“ขอบคุณมาก”
ทุกคนมองอย่างแปลกใจ มีท่าทางที่งงไม่เข้าใจ เกาชาวอดไม่ได้ที่จะยกขาเตะไปที่ก้นของฉวนซานอย่างแรงทีหนึ่งแล้วด่าว่า “เล่นเหี้ยอะไร!”
“สิ่งที่กูต้องการคือนักขุดสุสานมืออาชีพ ไม่ใช่นักมายากล!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจอหาเข้ารึยัง?”
“ถ้าหากหาไม่เจอ กูจะเอาไก่ตัวนี้ไปตุ๋นซะ!”
ตอนนี้ฉวนซานคร้านที่จะสนใจเกาชาวแล้ว เรารีบเดินไปที่หน้าผา แกะพงหญ้าออก
ก็เห็นว่าข้างในมีรูขนาดเท่ากำปั้น
เมื่อเข้าใกล้สามารถได้กลิ่นเหม็นคาวจากข้างในเป็นพักๆ
“ใช่ นี่คือรังงู!”
“เมื่อกี้พวกเราแค่หาตรงบนพื้นดิน คิดไม่ถึงเลยว่า โพรงจะอยู่บนผา!
ทุกคนต่างล้อมเข้าไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ
พบว่าปากโพรงมีรอยเลือดที่แห้งไปนานแล้ว มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ใจกล้าเอาไม้เขี่ยเข้าไปข้างใน มีกองขนถูกเขี่ยออกมา กลิ่นคาวสุดๆ
ฉินเทียนขมวดคิ้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นรังงูจริงๆ”
เกาชาวกลับโมโหมาก เขาดึงคอเสื้อของฉวนซาน “ไอ้เหี้ยมึงกำลังปั่นหัวกูเหรอ?”
“สิ่งที่กูหาไม่ใช่รังงู แต่เป็นทางเข้าสุสานพระชายางู!”
“แค่รูเล็กๆแค่นี้ มึงคงจะไม่ได้ให้กูเจาะเข้าไปใช่ไหม?”
ครั้งนี้ฉวนซานกลับไม่ยอมอีก เขาผลักเกาชาวออกอย่างแรงแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “คุณมันโง่รึเปล่า?”
“คุณคิดว่าทางเข้าของสุสานพระชายางูจะตั้งตระหง่านเหมือนประตูใหญ่เหรอ?”
“หลังจากพวกเขาฝังพระชายางู ก็ต้องอุดทางเดิน”
“ถ้าหากเป็นไปตามคาด รังงูนี้ก็คือทางเข้าไปยังสุสาน หน้าที่กูเสร็จแล้ว ต่อจากนี้อยู่ที่คุณแล้ว!”