ตอนที่ 2636 กลียุคของเทพปีศาจ

นอกเหนือจากซือเฟิงแล้ว ศิลาจารึกที่ปรากฎขึ้นอย่างกระทันหันมันก็ทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และประหลาดใจมากเช่นกัน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามอนสเตอร์ในการทดสอบที่ไม่เคยดรอปไอเทมอะไรเลยจะดรอปศิลาจารึกแบบนี้ออกมาจริงๆ

“ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ !!! มันทำให้ความหนาแน่นของมานาโดยรอบพุ่งสูงขึ้นโดยแค่ลอยอยู่ในบริเวณนั้น และตอนนี้แม้แต่พื้นที่โดยรอบก็ยังรู้สึกหนักขึ้น !!!” คริมสันสตาร์อุทานออกมา เมื่อเธอเห็นสิ่งที่ศิลาจารึกนี้สามารถทำต่อสภาพแวดล้อมได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย

แม้แต่คนโง่ก็สามารถจะบอกได้เลยว่าศิลาจารึกนี้นั้นไม่ธรรมดา อย่างไรก็ตามตามข้อตกลงที่สภาสิบแปดปีกทำกับไวโอเล็ทซอร์ด นอกเหนือจากไอเทมที่ดรอปจากบอสของการทดสอบแล้ว ไอเทมอื่นๆที่ถูกค้นพบในระหว่างการไปหาบอสนั้นจะตกเป็นของสภาสิบแปดปีกทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เฝ้าดูสภาสิบแปดปีกเอาศิลาจารึกไปเท่านั้น

“ศิลาจารึกนี้มันคืออะไรกัน ? ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถประเมินได้ แต่มันยังแทบจะแตะต้องไม่ได้ด้วยซ้ำ ราวกับว่าศิลาจารึกนี้ไม่ได้มีอยู่จริงในพื้นที่” อควาโรสพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ขณะที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าศิลาจารึก “หรือว่ามันอาจเป็นแบบการฉายภาพโฮโลแกรมรึปล่าว ?”

ศิลาจารึกนี้มันมีค่ามากอย่างแน่นอน เพราะแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถประเมิน และหาวิธีใช้งานมันได้ แต่พวกเขาก็ยังน่าจะนำมันกลับไปตั้งในห้องใดห้องหนึ่งที่พวกเขาเลือกเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของมานาในห้อง ซึ่งมันก็จะทำให้สามารถใช้ห้องนั้นเป็นสถานที่ฝึกฝนได้

อย่างไรก็ตามหากสมบัติชิ้นนี้เป็นโฮโลแกรม สถานการณ์หลายสิ่งมันก็จะแตกต่างออกไป

“นี่ไม่ใช่โฮโลแกรม เพียงแค่เราไม่สามารถจะสัมผัสมันได้เท่านั้น” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“หัวหน้ากิล นี่หัวหน้ายังจะมีอารมณ์มาเล่นมุกตลกอีกหรอ ? ถ้าเราไม่สามารถสัมผัสศิลาจารึกนี้ได้ เราก็จะทำได้แค่มองมันเท่านั้น และไม่มีอะไรเพิ่มเติมอีก” อควาโีสพูดอย่างกังวล เมื่อเธอเห็นสีหน้าของซือเฟิง

ใน God domain ข้อกำหนดเบื้องต้นในการที่ผู้เล่นจะสามารถจัดเก็บไอเทมเข้าในพื้นที่กระเป๋าของตัวเองได้นั้นก็คือผู้เล่นต้องสัมผัสกับไอเทมเป้าหมาย แล้วถ้าพวกเขาไม่สามารถแตะต้องศิลาจารึกนี้ได้ พวกเขาจะนำมันออกไปได้ยังไงกัน ?

“การมองมันเป็นทางเลือกเดียวของเราจริงๆ …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ศิลาจารึกนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถนำไปได้ สิ่งเดียวที่เราสามารถจะนำไปได้ และใช้ได้คือข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้”

การดำรงอยู่ของศิลาจารึกมรดกโบราณนั้นยังคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้เล่นใน God domain ปัจจุบัน เนื่องจากศิลาจารึกมรดกโบราณพวกนี้มักปรากฎเฉพาะในซากปรักหักพังโบราณหรือดินแดนลับที่อันตรายมากๆเท่านั้น

ในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง การค้นพบศิลาจารึกมรดกโบราณแบบนี้มักจะทำให้เกิดการนองเลือด

นี่เป็นเพราะศิลาจารึกมรดกโบราณนั้นมันบันทึกเทคโนโลยีที่สูญหายไปของอารยธรรมโบราณ ดังนั้นกิลใดก็ตามที่ได้รับเทคโนโลยีแบบนี้มา ทั้งกิลก็จะได้รับความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซือเฟิง มันมีศิลาจารึกมรดกโบราณปรากฎขึ้นทั้งสิ้นห้าชิ้นในสิบปีที่เขาเล่น God domain ดังนั้นนี่ก็น่าจะทำให้หลายคนสามารถจินตาการได้ว่ามันมีค่ามากแค่ไหน

นี่เป็นเหตุผลที่ซือเฟิงรู้สึกตื่นเต้นมากที่เขาได้เห็นศิลาจารึกมรดกโบราณปรากฎขึ้นในการทดสอบโหมดฮีโร่

“หื้ม ?” อควาโรสสับสนกับคำพูดของซือเฟิง ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร เธอก็ไม่นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะเอาข้อมูลออกมาจากศิลาจารึกโบราณได้ยังไง

เพราะท้ายที่สุดพวกเขานั้นไม่สามารถจะแตะต้องศิลาจารึกโบราณได้เลย และแม้หลังจากใช้สกิลตรวจสอบระดับปรมาจารย์ประเมินมันแล้ว เธอก็ยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆของมันเลย ดังนั้นพวกเขาจะเอาข้อมูลของมันออกมา และบันทึกยังไงกัน ?

“เราไม่สามารถจะใช้วิธีการปกติในการจัดการกับศิลาจารึกโบราณได้ เพราะไม่เพียงแต่ภายในนั้นมันจะเป็นบันทึกข้อมูลจำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่มันยังมีความซับซ้อนมากอีกด้วย หากเราต้องการจะดึงข้อมูลของมันออกมาและเก็บบันทึก เราจำเป็นจะต้องบันทึกวงเวทย์ของศิลาจารึกมา ….” ซือเฟิงอธิบาย

“บันทึกวงเวทย์งั้นหรอ ?” อควาโรสอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ขณะที่เธอมองไปยังศิลาจากรึกโบราณ

มันมีวงเวทย์อยู่ประมาณสี่สิบวงที่ถูกสลักไว้บนศิลาจารึกโบราณ และแม้แต่วงเวทย์ที่ง่ายที่สุดมันก็ยังเป็นวงเวทย์ขั้นสูง ซึ่งการจะบันทึกพวกมันให้ได้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ตลกและบ้าชัดๆ

พวกเขานั้นมีเวลาแค่ห้าวันเท่านั้นในการทดสอบ ในขณะเดียวกันมันก็ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการเรียนรู้วงเวทย์ขั้นสูงหนึ่งวง นี่ยังไม่นับที่อยู่เหนือกว่านั้นอีก ….

“ผ่อนคลายน่า งานนี้อาจจะยากสำหรับคนอื่น แต่มันไม่ได้ยากสำหรับฉัน ทั้งหมดที่ฉันต้องการคือเวลาเท่านั้น” ซือเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ “ในช่วงเวลานี้ให้เธอเป็นผู้นำทีมแทนฉันและจัดการกับพวกมอนสเตอร์ในการทดสอบต่อไป …”

การเรียนรู้วงเวทย์ที่ถูกบันทึกไว้ในศิลาจารึกโบราณนั้นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับนักเวทย์ขั้นสูง อย่างไรก็ตามเขาเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางมาพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเขาก็น่าจะใช้เวลาแค่สองถึงสามวันเท่านั้นก็น่าจะมากเกินพอในการเรียนรู้วงเวทย์ทั้งหมดนี้

“ฉันเข้าใจ !!”

อควาโรสพยักหน้า ก่อนที่เธอจะเข้ามารับหน้าที่บัญชาการทีมในการจัดการกับพวกมอนสเตอร์ในการทดสอบต่อจากซือเฟิง หลังจากนั้นซือเฟิงก็ตรงไปนั่งอยู่เงียบๆตรงหน้าของศิลาจารึกมรดกโบราณ ซึ่งนี่มันทำให้สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดสับสนมากๆ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คิดมากเกินไปในเรื่องนี้
เพราะท้ายที่สุดศิลาจารึกโบราณมันก็เป็นของสภาสิบแปดปีก และวิธีที่กิลจะจัดการกับมัน มันก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกิล

ในขณะเดียวกันซือเฟิงก็เริ่มวิเคราะห์และเรียนรู้วงเวทย์ทั้งหมดของศิลาจารึกโบราณทันที

การเรียนรู้วงเวทย์นั้นมันง่ายกว่าการถอดรหัสวงเวทย์มาก และส่วนที่ลำบากที่สุดในการทำเรื่องนี้ก็มีแค่การต้องจดจำอย่างมากมาย อย่างไรก็ตามตอนนี้ความจุ และการทำงานของสมองซือเฟิงนั้นแซงหน้าคนทั่วไปแล้ว ดังนั้นการเรียนรู้วงเวทย์ทั้งหมดนี้จึงจะเป็นแค่เรื่องง่ายๆสำหรับเขา

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงซือเฟิงก็จดจำวงเวทย์ขั้นสูงได้แล้ววงหนึ่ง และกำลังเริ่มเรียนรู้วงเวทย์ที่สอง

ในขณะเดียวกันอควาโรสและคนอื่นๆก็ได้ทำการกวาดล้างพวกมอนสเตอร์ในการทดสอบและตรงลึกเข้าไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ มอนสเตอร์ภายในที่เฝ้ารอพวกเขาอยู่ก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น และในที่สุดจำนวนมอนสเตอร์ที่สมาชิกของสภาสิบแปดปีกต้องเผชิญหน้านั้นก็ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้ว และมันก็เป็นผลให้ความเร็วในการรุกของพวกเขาช้าลงมาก

โชคดีที่การต่อสู้ในพื้นที่ทดสอบนี้มันก็คล้ายกับการฝึกอันเข้มข้น ดังนั้นในระหว่างที่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ มาตราฐานการต่อสู้ของทุกคนจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น EXP ที่ทุกคนได้รับมันก็ยังมีจำนวนมหาศาลอย่างน่าเหลือเชื่อ และในเวลาเพียงสองวันสั้นๆ ทุกคนก็ได้รับมาหนึ่งเลเวล พร้อมกับ EXP อีกจำนวนนิดหน่อย ขณะที่อควาโรสและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบเก้าแล้ว ขณะที่สมาชิกของหอการค้าอาซูกับไวโอเล็ทซอร์ดก็อยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสิบสี่ โดยที่คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์นั้นอยู่ห่างจากเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าเพียงสามสิบเปอเซ็นต์เท่านั้น ความเร็วในการเก็บเลเวลที่ที่นี่มอบให้พวกเขาทำให้คริมสันสตาร์และคนอื่นๆตกตะลึง

ในระหว่างที่แรงจูงใจของทุกคนกำลังเพิ่มมากขึ้น มันก็มีเสียงประกาศของระบบดังขึ้นมาที่หูของพวกเขา

….
ประกาศจากระบบหลัก God domain : ผู้เล่นบางคนได้ทำการเปิดใช้งานแพ๊คเสริมใหม่ “กลียุคของเทพปีศาจ”

ประกาศจากระบบหลักของ God doman : แพ๊คเสริมใหม่ “กลียุคของเทพปีศาจ” จะถูกเปิดใช้งานภายในหนึ่งวันตามธรรมชาติ และในเวลานั้นทั้งเมืองของ NPC และที่ไม่ใช่ของ NPC จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆอีกต่อไป

….

ทุกคนในพื้นที่นั้นอ้าปากค้างเมื่อได้ยินประกาศของระบบ

หากมองแค่พื้นผิวแพ๊คเสริมใหม่นี้ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อผู้เล่นแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามทุกคนล้วนเข้าใจดีว่ามันจะนำไปสู่ยุคใหม่ของ God domain

ปัจจุบันนอกเหนือจากแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่าขึ้นไปแล้ว เมืองกิลและเมืองทั้งหมดที่ถูกตั้งขึ้นในแผนที่เลเวลต่ำกว่าหนึ่งร้อยนั้นยังคงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆของ NPC ซึ่งหากเมืองเหล่านี้สูญเสียการคุ้มครองไปอย่างกระทันหัน ผลที่ตามมามันจะเลวร้ายอย่างมากเลยทีเดียว

เพราะท้ายที่สุดการได้รับการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยจา NPC นั้นมันทำให้เมืองหลายเมือง รวมทั้งเมืองของผู้เล่นสามารถดำเนินการได้อย่างอิสระเสรี แต่ถ้าหากไม่มีแล้ว ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าความวุ่นวายและความโกลาหลจะเกิดขึ้นแน่นอน นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการป้องกันการโจมตีของกองทัพมอนสเตอร์สิ่งมีชีวิตปีศาจก็จะทำได้ยากขึ้นมาก

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือแพ๊คเสริมใหม่นี้นั้นจะทำให้โครงสร้างของ God domain เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ และอีกอย่างหนึ่งหากปราศจากการคุกคามของ NPC แล้ว มหาอำนาจหลายกลุ่มจะเริ่มเคลื่อนไหวจัดการกับศัตรูของตนอย่างเปิดเผยแน่นอน

….

นอกดินแดนลับโบราณ ความโกลาหลได้เกิดขึ้นแล้ว …

“ดี !! นี่มันวิเศษมากๆ !! มาดูกันว่าตอนนี้เหล่ามหาอำนาจท้องถิ่นจะปกป้องทรัพยากรของตนเองกันได้อย่างไร เมื่อปราศจาก NPC คอยคุ้มครอง !!!”
“ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นผู้เปิดใช้งานแพ๊คเสริมใหม่นี้หรอกนะ แต่ฉันต้องขอขอบคุณจริงๆที่คนๆนั้นทำให้ผู้เล่นสายความมืดอย่างเราทำงานได้ง่ายขึ้นอีกมาก !!!”

เหล่ามหาอำนาจสายความมืดต่างๆเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ขณะที่มหาอำนาจที่แท้จริงในที่สว่างนั้นก็รีบจัดการประชุมเพื่อวางนโยบายรับมือกับแพ๊คเสริมใหม่นี้ทันที

….

ในขณะที่ God domain ทั้งหมดกำลังตกอยู่ในความโกลาหล ซือเฟิงก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนจากบริเวณศิลาจารึกโบราณ

“ในที่สุดมันก็สำเร็จ !!!”

ซือเฟิงยิ้ม เมื่อเขาเห็นศิลาจารึกโบราณค่อยๆจางหายไปต่อหน้าเขา จากนั้นเขาก็เริ่มวาดวงเวทย์ที่เขาจำได้ทั้งหมด ซึ่งมันก็ได้ปล่อยออร่าที่น่ากลัวและสั่นสะเทือนพื้นที่โดยรอบออกมา