บทที่ 614 เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

อันที่จริงก่อนหน้านี้จี้เยียนหรันเคยบอกเขาแล้วว่าเย่หย่งหงก็มาร่วมแข่งขันคัดเลือกของทีมสายฟ้าในครั้งนี้ด้วย ดังนั้นการปรากฏตัวของเย่ย่างโซ่จึงเป็นเรื่องที่เขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว

เมื่อนึกถึงจุดนี้ สายตาของเย่เทียนก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น ถึงแม้กฎของการแข่งขันจะห้ามฆ่าคน แต่ไม่ได้ห้ามทำให้พิการใช่ไหม?

มือเท้าไม่มีตา อย่างมากก็แค่แก้ตัวว่าพรั้งมือไป เชื่อว่าคนอื่นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

เย่เทียนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้เย่หย่งหงชดใช้แทนเย่ย่งเล่ออย่างอนาถ!

โชคดีที่การแข่งในสนามดุเดือด ดึงดูดสายตาของหญิงสาวทั้งสองคน ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตการสนทนาของพวกเขาทั้งสอง และในไม่นาน เซวหมานจื่อก็ได้กลับจากสนามแข่ง ใบหน้าที่หยาบกร้านของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจ เห็นได้ชัดว่าเขาชนะการแข่งขันได้อย่างง่ายดาย!

ไม่ว่ายังไง การแข่งรอบแรกก็ใกล้จะจบลงแล้ว ต่อมาก็เป็นการแข่งรอบที่สอง

ในเวลานี้ เย่เทียนก็ได้เห็นคนรู้จักสมัยก่อนอีกคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผู้ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นสมาชิกของทีมมังกรฟ้า ซึ่งก็คือลูกคนโตของตระกูลผาง ผางติ้งกั๋ว!

ข้างกายของผางติ้งกั๋วยังมีชายร่างเล็กยืนอยู่คนหนึ่ง กล้ามเนื้อที่เป็นมัดๆ เรียงรายอย่างสวยงามของชายผอมคนนี้ ในขณะที่ซ่านหงเลี่ยงประกาศเริ่มการแข่งขันรอบสองเสร็จ เขาก็กระโดดเข้าไปในสนามแข่งทันที แต่ว่า เมื่อชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือชายร่างผอมคนนี้ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ราวกับว่าเขาอมอุจจาระไว้ในปาก ซึ่งดูไม่ได้เลย

หลังจากผู้ตัดสินได้ประกาศเริ่มการแข่งขันแล้ว ชายร่างใหญ่ได้โบกมือและตะโกนใส่ชายร่างผอมที่อยู่ตรงหน้าทันที “หยวนเข่อเหวยข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่คู่แข่งของเอ็ง แต่ว่า……”

“ผมอยากรู้ช่องว่างระหว่างผมกับคุณ ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะไม่ออมมือ ไม่ว่าตอนจบจะเป็นยังไง ผมจะไม่โทษคุณแน่นอน!”

ุถึงอย่างไรแล้วเขาก็เป็นตัวแทนของกองทัพ และบุคลิกนิสัยก็ต้องตรงไปตรงมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!

ผู้ที่ถูกขนามว่าเป็นหยวนเข่อเหวยอย่างชายร่างผอมคนนี้ฟังแล้วก็รู้สึกนับถือและเคารพคู่ต่อสู้เช่นกัน เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “วางใจได้เลย ที่ผ่านมาข้าไม่เคยดูถูกคู่ต่อสู้ของข้าแม้แต่คนเดียว!”

“ขอบคุณ!”

ชายร่างใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งท่าตั้งรับ “เข้ามาเลย!”

“งั้นเริ่มเลยนะ!”

หยวนเข่อเหวยได้เตือนไปครั้งหนึ่ง ทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง เขาได้ขยับเท้าของเขา ด้วยความไวราวกับสายฟ้า และในชั่วพริบตาเดียวเขาก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าชายร่างใหญ่แล้ว จากนั้นหมัดของเขาราวกับสามารถตัดอากาศให้แยกออกจากกันได้ และเสียงหวีดหวิวดังขึ้น มันเหมือนกับพายุที่ซัดเข้ามาอย่างรุนแรง

ทันในนั้น เสียงทุ้มดังสนั่นขึ้น หมัดของหยวนเข่อเหวยก็ได้ซัดเข้าไปที่ไหล่ของชายร่างใหญ่อย่างร้ายความปรานี ถึงแม้ชายร่างใหญ่จะตั้งรับไว้ตั้งแต่แรก แต่ด้วยพลังของหมัดนี้ดูเหมือนว่าการตั้งรับจะไม่มีประโยชน์เลย

ตึบ ตึบ!!

ชายร่างใหญ่ได้ถูกซัดจนถอยหลังไปหลายก้าวถึงจะตั้งหลักยืนนิ่งได้

แต่ว่า โดยที่ไม่รอความเคลื่อนต่อไปของเขา หยวนเข่อเหวยที่ไม่รู้ว่าถึงด้านหลังเมื่อไหร่ก็ได้ซัดหมัดออกมาอีกครั้ง และเหวี่ยงเข้ากลางหลังของชายร่างใหญ่อย่างเลือดเย็น

เมื่อเห็นฉากนี้ เย่เทียนก็ส่ายหัวเบาๆ ได้เวลาตอนจบแล้วสินะ

ตูม!

เป็นไปตามคาด ชายร่างใหญ่ไม่ทันที่จะได้ตอบโต้อะไรเลย ได้แต่ถูกหยวนเข่อเหวยซัดเข้าที่หลังอย่างเต็มแรงอีกหนึ่งหมัด และร่างกายที่กำยำของเขาได้แต่เดินเซไปหลายก้าว สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถยืนนิ่งได้และล้มฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง

ตั้งแต่ต้นจนจบ การต่อสู้ของทั้งสองใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น และสามารถแยกผู้แพ้ชนะได้แล้ว

“พี่ชาย นายเก่งมาก คนทั่วไปถ้าถูกฉันซัดเข้าไปสองหมัด คงสลบตายคาที่ไปนานแล้ว”

หลังจากที่ได้ซัดต่อเนื่องไปสองหมัด หยวนเข่อเหวยไม่มีทีท่าว่าจะจู่โจมอีก ได้แต่ยืนรออยู่กับที่แล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะ “ตอนนี้ คงไม่ต้องสู้ต่อแล้วมั้ง?”

“ไม่ต้องสู้ต่อแล้ว”

ชายร่างได้พลิกตัวกลับมา และไม่ง่ายเลยที่จะพยุงตัวขึ้นมานั่งอยู่กับพื้นอีกครั้ง ในขณะนี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยพร้อมกับยิ้มพูดอย่างขมขื่น “ผมแพ้แล้ว คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าฝีมือของเขาจะต่างกันขนาดนี้”

“ก็ไม่ได้ห่างกันมากขนาดนั้น ขอแค่นายตั้งใจ อนาคตไม่ช้าก็เร็ว ต้องมีสักวันที่จะเทียบเท่าข้าในวันนี้แน่นอน หรืออาจจะเก่งกว่าข้าก็เป็นไปได้!”

หยวนเข่อเหวยได้ยิ้มจนเห็นฟันและยื่นมือออกไปอย่างเป็นมิตร

สิ่งนี้ทำให้ชายร่างใหญ่แปลกใจไม่น้อย เมื่อมองไปที่สายตาของหยวนเข่อเหวยแล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกนับถือ และเขาได้ตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบยื่นมือออกไปจับมือเพื่อให้หยวนเข่อเหวยใช้แรงดึงเขายืนขึ้น

เย่เทียนเห็นได้อย่างชัดเจนและพยักหน้าอย่างครุ่นคิดในใจ หยวนเข่อเหวยคนนี้ก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง อีกทั้งไม่เพียงแต่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่ยังทำให้คู่แข่งแพ้อย่างเต็มใจ ยิ่งกว่านั้นยังทำให้คู่ต่อสู้นับถือตัวเองได้ เชื่อได้ว่าถึงแม้จะเป็นเขาที่ยืนอยู่บนลานประลองก็ไม่ได้ดีกว่านี้สักเท่าไหร่

“คุณชายเย่ คุณก็มาด้วยเหรอ?”

โดยที่ไม่รอให้เย่เทียนได้ครุ่นคิดเสร็จก่อน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังแว่วเข้ามาในหู เมื่อหันหน้ามองไปก็เห็นว่าเป็นผางติ้งกั๋วซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเลย!

คำพูดของผางติ้งกั๋วคนนี้เมื่อดูจากตัวหนังสือแล้วอาจดูเคารพมาก แต่ถ้าฟังจากน้ำเสียงแล้วมันกลับดูเย็นชามาก แล้วเย่เทียนจะไม่รับรู้ถึงการแสดงออกที่ไม่เป็นมิตรของเขาหรือ?

เย่เทียนเข้าใจจุดนี้ดี ยังไงเขาก็เคยสั่งสอนผางอานคางไปถึงสองครั้งติดต่อกันแล้ว ดังนั้นผางติ้งกั๋วผู้ซึ่งเป็นพี่ชายจะไม่มีอารมณ์โกรธเลยก็คงแปลก

“การที่ผมมาเมืองจินก็เพราะตั้งใจจะมาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกนี้ แล้วมันน่าแปลกใจตรงไหนที่ผมอยู่ที่นี่?”

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่เทียนก็ยักไหล่และพูดอย่างติดตลก “แล้วคุณล่ะ ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้คุณเคยพูดกับผมว่าคุณได้เป็นสมาชิกของทีมมังกรฟ้าแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วมางานแข่งขันคัดเลือกของทีมสายฟ้าทำไม?”

“ผมก็มาให้กำลังใจเพื่อนไงล่ะ!”

ผางติ้งกั๋วยิ้มจางๆ และสายตาก็มองไปหยวนเข่อเหวยที่กำลังเดินมาจากสนามแข่งขัน จากนั้นพูดอย่างมีความหมายซ่อนเร้น “คุณชายเย่ มือเท้าไม่มีตานะ ถ้าหากได้เจอกับเพื่อนผมแล้ว คุณต้องระวังไว้หน่อยละกัน!”

“เขาอาจจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่……”

เย่เทียนส่ายหัวแล้วพูดอย่างไม่อ้อมค้อม “เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก!”

ผางติ้งกั๋วนึกไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะพูดแบบนี้ และทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะ นี่มันจะไร้ยางอายเกินไปไหม?

ไม่ง่ายเลยที่จะเก็ยอาการโมโหไว้ และสีหน้าของผางติ้งกั๋วก็ไม่เปลี่ยน “จะเป็นคู่ต่อสู้กันหรือไม่ คงต้องสู้กันก่อนถึงจะรู้!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่ได้ยืนหยุดอยู่ตรงนั้น ได้แต่หันหลังแล้วเดินจากไป เพราะเขาเกรงว่าตัวเองจะทนไม่ไหวจนทะเลาะกับเย่เทียนที่นี่

ต้องรู้ว่าถึงอย่างไรแล้ว เย่เทียนก็เป็นคนของตระกูลเย่ ถ้าทะเลาะกันต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ และหากไปรบกวนตระกูลเย่แล้ว ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

“ไอ้หมอนี่ จะเย่อหยิ่งโอหังเกินไปแล้วมั้ง?”

เซวหมานจื่อที่อยู่ข้างเย่เทียนได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทั้งสองคุยกัน จึงพูดอย่างยุยงว่า “เย่เทียน ถ้าหากได้เจอกับหยวนเข่อเหวยขึ้นมาจริงๆ คุณไม่ต้องไปเกรงใจมัน สั่งสอนมันให้เข็ดไปเลย!”

ก่อนหน้านี้ที่สนามบิน เขาได้เห็นเย่เทียนสั่งสอนผางอานคางกับตา บวกกับเรื่องที่เกิดขึ้น นห้างสรรพสินค้าซินไท่หยางที่เซวฟู่ยี่พูดถึง แล้วเขาจะเดาไม่ออกได้ไงว่าผางติ้งกั๋วมาที่นี่ก็เพื่อจะแก้แค้นให้น้องชายของเขา

“ทำไม? ดูจากสีหน้าคุณแล้ว คุณก็มีความแค้นกับผางติ้งกั๋วเหรอ?” เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็มองเซวหมานจื่อด้วยความแปลกใจ

“จะบอกว่ามีความแค้นก็ยังไม่เชิงหรอกนะ เพียงแต่ฟังจากน้องชายผมเล่าแล้ว นับตั้งผางติ้งกั๋วได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของทีมมังกรฟ้าเมื่อปีที่แล้ว คนของตระกูลผางก็ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาอีกเลย”

เซวหมานจื่อส่ายหัวเบาๆ แล้วแสยะยิ้มว่า “ฉะนั้นอาศัยโอกาสในวันนี้ ปราบความโอหังของพวกมันบ้าง ให้พวกมันรู้ว่าเมืองจินแห่งนี้ยังมีคนที่สามารถต่อกรกับพวกมันได้อยู่!”