ตอนที่ 12

Kill the Hero

Kill the Hero 012

ไอเทมทั้งหมดที่ได้รับจากดันเจี้ยน จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ : ธรรมดา, หายาก, ยูนีค และตำนาน

ในบรรดาไอเท็มเหล่านี้ ไอเท็มระดับตำนานนั้นประมาณค่าไม่ได้

อันที่จริง ไม่มีอะไรสามารถเทียบเท่าไอเท็มระดับตำนานได้ ไม่ว่าจะมีราคาเท่าไรก็ตาม

เนื่องจากไอเท็มระดับตำนานจะไม่ซ้ำกันเลย

นอกจากนี้มันยังเป็นสาเหตุให้บางครั้งผู้เล่นก็ทำสงครามฆ่ากันเองมากกว่ามอนสเตอร์อีก

ไอเทมในตำนานกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับดันเจี้ยนที่มีหกชั้นขึ้นไป

นอกจากนี้ ถ้าผู้เล่นสามารถเข้าสู่ดันเจี้ยนที่สูงกว่าหกชั้นได้ พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในสมาคมของตน

ยิ่งสมาคมเมสสิอาห์โดดเด่นมากขึ้นเท่าไร ความขัดแย้งระหว่างผู้เล่นก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

โดยปกติแล้วสมาคมที่ไม่อยากให้สมาคมเมสสิอาห์ประสบความสำเร็จในการเคลียร์ดันเจี้ยน ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพวกเขา ท้ายที่สุดสมาคมเมสสิอาห์จึงต้องใช้ความรุนแรง

วิธีการใช้ความรุนแรงที่พวกเขาชื่นชอบในชีวิตที่ผ่านมาคือเขาเอง หมาล่าเนื้อ คิมวูจิน

หลังจากดันเจี้ยน 7 ชั้นปรากฏขึ้น คิมวูจินใช้เวลาหลายวันไปกับการล่าผู้เล่นมากกว่ามอนสเตอร์

แต่สถานการณ์ของไอเท็มในตำนานก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับทักษะในตำนาน

คุณสามารถปล้นไอเทมเพื่อได้ แต่ทักษะในตำนาน คุณต้องตกลงกับเจ้าของทักษะ ไม่อย่างนั้น สิ่งเดียวที่คุณทำได้ก็คือฆ่าเจ้าของ

แน่นอนว่าการมีอยู่ของทักษะในตำนานนั้นถูกเก็บเป็นความลับแม้แต่ในหมู่เพื่อนสนิท

คิมวูจินเพิ่งได้รับทักษะที่พูดถึงนี้

 

[ดวงตาแห่งอนูบิส]

– เงื่อนไขที่ต้องการ : ทูตแห่งนรก

– เลเวลทักษะ : Lv 1 หรือสูงกว่า

– เอฟเฟกต์สกิล : ผู้ใช้มองเห็นความทรงจำของคนตายได้

 

ทักษะระดับตำนาน!

‘ดวงตาแห่งอนูบิส’

นอกจากนี้ ในชีวิตก่อน คิมวูจินยังรู้จักเจ้าของทักษะนี้อีกด้วย

‘มันเป็นความสามารถของนักสืบอาร์แซน’

นักสืบอาร์แซน

คนคนนี้ มีความสามารถด้านนักสืบที่น่าทึ่งมาก เขาตามหาสิ่งของลึกลับหรือของที่ไม่รู้จักได้

เขาทำกำไรมหาศาลจากสงครามที่เริ่มขึ้นในปี 2025

ในที่สุด เขาก็กลายเป็นสมาชิกของสมาคมเมสสิอาห์ สาขาที่อยู่ในประเทศจีน เขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสมาคมเมสสิอาห์

คิมวูจินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขามาก

เมื่อนักสืบอาร์แซนติดตามตำแหน่งของไอเทมที่สมาคมเมสสิอาห์ต้องการ หมาล่าเนื้อ คิมวูจินก็ออกตามล่าไอเทม

‘ทักษะนี้ ทำให้ไม่ว่าใครก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่เล่นสนุกกับชีวิตคนอื่นได้’

ความสามารถของนักสืบอาร์แซน ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณทักษะนี้ ‘ดวงตาแห่งอนูบิส’

มันสามารถอ่านความทรงจำของคนตาย นี่เป็นความสามารถที่ดีที่สุดในการทำให้คนเป็นนักสืบที่ยอดเยี่ยม

ปกติแล้ว คิมวูจินไม่ชอบเขา

ตอนแรก เขาเลือกสมาคมเมสสิอาห์ แค่เพราะเขาคิดว่าสมาคมเมสสิอาห์จะให้ผลประโยชน์มากที่สุดในช่วงหลังของเกม

เขาไม่ได้เข้าร่วมสมาคมเมสสิอาห์ เพื่อคุณธรรมหรืออุดมการณ์อันสูงส่ง

‘ฉันพนันได้เลยว่า เขาเป็นชื่อแรกที่ลีเซจุนขีดฆ่าออกจากลิสต์สังหาร’

ในทางกลับกัน คิมวูจินอาจเป็นชื่อแรกที่ถูกจัดให้อยู่ในลิสต์สังหาร

คิมวูจินมีเหตุผลที่ดีมากที่จะเกลียดคนแบบนี้

‘ใครจะไปคิดว่าฉันจะกำจัดเขาแบบนี้’

ไม่ว่ายังไง สำหรับคิมวูจิน นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดคิด

‘สมาคมเมสสิอาห์ ไม่มีคู่หูหมาล่าเนื้อกับนักสืบอีกต่อไปแล้ว’

นักสืบกับหมาล่าเนื้อที่มีบทบาทสำคัญมากต่อความปลอดภัยของสมาคมเมสสิอาห์ได้หายไปแล้ว

‘และ…’

อย่างไรก็ตามเหตุผลหลักที่คิมวูจินยินดีกับทักษะนี้แตกต่างออกไป

‘ปาร์คชินเฮ ตอนฉันฆ่ายัยนั่นได้แล้ว ฉันจะดูความทรงจำของเธอ และเห็นแผนการของไอ้พวกนั้นได้ ‘

จุดประสงค์ และวาระการประชุมของสมาคมเมสสิอาห์คืออะไร และบุคคลนั้นเกี่ยวข้องอย่างไร

วิธีที่สมาคมเมสสิอาห์เข้าถึงโลก และในที่สุดก็กลืนมันเข้าไป

ดวงตาแห่งอนูบิส จะทำให้มันเป็นไปได้

ศักยภาพของดวงตาแห่งอนูบิสนั้นไม่มีที่สิ้นสุด

โลกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่หลบซ่อน ความร่ำรวยที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายจากแผนการคดโกง และอาชญากรรมร้ายแรง

คิมวูจินยิ้ม และขยี้หน้าทักษะออบซิเดียนในมือของเขา

ผงออบซิเดียนเกาะแขนของเขา และรวมเข้ากับดวงตาทั้งสองของคิมวูจิน

หลังจากนั้นดวงตาของคิมวูจินก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท

ตอนนั้นเอง

 

[คุณได้รับ ดวงตาแห่งอนูบิส แล้ว]

[คุณได้รับความสำเร็จ ‘ผู้สืบทอดตำนาน’ ]

[คุณได้รับความสำเร็จ ‘ดวงตาแห่งอนูบิส’ ]

[ผลจากความสำเร็จ ‘ผู้สืบทอดตำนาน’ ช่องเก็บของเพิ่มขึ้น 5 ช่อง]

[ผลจากความสำเร็จ ‘ดวงตาแห่งอนูบิส’ ช่องเก็บของเพิ่มขึ้น 5 ช่อง]

[ทูตแห่งนรกสนใจตัวเล็อกของคุณมาก]

 

คิมวูจินได้แจ้งเตือนว่าเขาได้รับพลังใหม่แล้ว

 

เหมือนกับที่ทุกเมืองมีเขตการปกครอง แต่ละสมาคมก็มีกลุ่มอยู่

ในทางกลับกัน ไม่มีองค์กรไหนมีแนวโน้มว่าจะจัดตั้งกลุ่มมากกว่าสมาคม

โดยทั่วไปผู้เล่นมักจะรวมกลุ่มกันเป็นปาร์ตี้ 4 หรือ 5 คน

กลับกัน มักจะมีผู้เล่นหลายร้อยคนในสมาคม และมากกว่าหนึ่งพันคนในสมาคมขนาดใหญ่อย่างสมาคมฟีนิกซ์

หลายร้อยปาร์ตี้ได้รวมตัวกันอยู่ในสมาคมเดียว และพวกเขาได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถ และประสิทธิภาพของพวกเขา

อย่างไรก็ตามไม่ใช่อุดมการณ์หรือค่านิยมที่รวมพวกเขาเข้าด้วยกัน

มันเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดกลุ่มต่าง ๆ ขึ้น

ทันทีที่ดันเจี้ยนระดับ B ชั้นเดียวปรากฏขึ้นในเมืองซองนัม กลุ่มหรือปาร์ตี้ที่แตกต่างกันสามกลุ่มก็ถูกส่งเข้ามาภายในสมาคม

เป็นเรื่องปกติที่กลุ่มต่าง ๆ จะบ่นเกี่ยวกับความโชคร้าย และความสูญเสีย

และก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน ที่คำตำหนิ และข้อร้องเรียนจะถูกโยนไปให้สมาชิกที่อ่อนแอกว่า

‘ใครก็ได้ ได้โปรดออกมาอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ’

‘แค่อย่าตาย ได้โปรดอย่าตายนะ’

‘ถ้าจะตาย ก็ออกมาแล้วตายเถอะ’

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสมาชิกของทีมสนับสนุนดันเจี้ยนของสมาคมฟีนิกซ์จึงอธิษฐานอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้เล่นกลับมาอย่างปลอดภัย

“ดันเจี้ยนเคลียร์แล้ว!”

พวกเขาได้ยินประกาศที่รอคอยมานาน

เมื่อได้ยินข่าว สมาชิกของทีมสนับสนุนก็ออกจากค่าย และวิ่งเข้าหาเกทอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสมาคมไม่ใช่เพียงหนึ่งเดียวที่ต้องเคลื่อนไหว

“เอ่อ? ดันเจี้ยนเคลียร์แล้ว!”

“จริงดิ? เร็วขนาดนี้เลย? ”

พวกทหารก็ให้ความสนใจเช่นกัน และเริ่มเคลื่อนไหวหลังจากทราบข่าวว่าในที่สุดพวกเขาก็สามารถกลับฐานได้

ในไม่ช้าพวกเขาก็ส่งเสียงเชียร์ชายคนหนึ่งที่เพิ่งข้ามประตูมา

“มันจบแล้ว! “

“เฮฮฮฮ!”

ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ชางยองซู สมาชิกทีมสนับสนุนของสมาคมฟีนิกซ์เดินเข้าหาผู้เล่นที่กลับมาคนแรก และกล่าวว่า

“คุณคิมวูจิน ขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณนะครับ”

คิมวูจินยิ้มให้เขา

“ครับ ขอบคุณสำหรับความพยายามของคุณเช่นกัน ช่วยคืนกระเป๋าให้ผมด้วยครับ”

ชางยองซูพยักหน้า จากนั้นตะโกนบอกชื่อของคิมวูจินไปยังทีมงานอีกคน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่วยเหลือก็นำกล่องพลาสติกที่มีข้าวของของคิมวูจินมาให้ทันที คิมวูจินหยิบกุญแจรถ และสมาร์ทโฟนของเขาออกจากกล่องแล้วพูดกับชางยองซูว่า

“อ่า ขอปากกากับกระดาษโน้ตให้ผมด้วยได้ไหม? ”

“ครับ? ”

ชางยองซูถามคำถามอีกเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็พยักหน้าตกลงให้สิ่งที่คิมวูจินขอ

ในขณะที่ชางยองซูกำลังนำปากกา และกระดาษโน้ตที่คิมวูจินร้องขอมาให้ คิมวูจินก็กำลังถ่ายรูปรถต่างประเทศราคาแพงที่จอดเรียงรายอยู่ในลานจอดรถด้วยสมาร์ทโฟนของเขาทีละคัน

เขาก็ไม่ได้ถ่ายรูปพวกมันเฉย ๆ หรอก

เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ถ่ายรูปพวกมันเพื่อจำเอาไว้ แต่ถ่ายเหมือนกับเขาเป็นพ่อค้ารถมือสองที่กำลังถ่ายรูปเพื่อขายรถมากกว่า

เขาถ่ายแม้กระทั่งรูปล้อรถอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

‘เขาทำอะไรอยู่? ‘

ชางยองซูเอียงศีรษะด้วยความสับสน จากนั้นก็ส่งมอบสิ่งที่คิมวูจินขอให้

“ขออนุญาตครับ ผมเอาของที่คุณขอมาให้ครับ”

“อ่า ขอบคุณครับ”

จากนั้นคิมวูจินก็เขียนบางอย่างในกระดาษที่เขาได้รับ และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่

“นี่มันอะไรเหรอครับ? ”

ชางยองซูถาม และคิมวูจินก็ตอบด้วยรอยยิ้ม

“นั่นคือหมายเลขบัญชีธนาคารของผม”

“ครับ? ”

“คุณแค่ส่งมันให้คนที่ออกมาหลังจากนี้ พวกเขาจะรู้เองว่ามันคืออะไร”

ตอนนั้นเอง

เฮฮฮฮฮ!

เป็นอีกครั้งที่ได้ยินเสียงเชียร์ใกล้ดันเจี้ยนเกท และเสียงเชียร์ก็ยังคงดังอยู่

ผู้เล่นออกมาจากดันเจี้ยนทีละคน

หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้า ชางยองซูหันไปมองผู้เล่นที่ออกจากประตู

ในขณะเดียวกัน ชางยองซูก็ดูประหม่าอย่างมาก

คิมวูจินเป็นแค่ “kkakdugi” ในการโจมตีดันเจี้ยนนี้ และไม่มีความสำคัญถึงเขาจะตายก็ตาม

ในทางกลับกัน ผู้เล่นทุกคนที่ออกมาแต่ละคน ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีเบื้องหลังที่สำคัญ

เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่สนใจคิมวูจิน

‘หนึ่ง, สอง…’

ชางยองซูนับจำนวนคนที่ออกมาทางเกททีละคน อย่างไรก็ตามเขาสังเกตเห็นว่ารถของคิมวูจินเริ่มทำงานแล้ว

Bureung!

ระหว่างเฟอร์รารี และลัมโบร์กีนี ไลท์คาร์ที่จอดอยู่ตรงกลางก็ส่งเสียงคำรามอย่างน่าสมเพช จากนั้นชางยองซูก็รู้สึกตัว

‘รายงาน! ‘

ในฐานะสมาชิกของทีมสนับสนุนที่ได้รับมอบหมายให้เขียนรายงาน เขาไม่สามารถปล่อยให้คิมวูจินจากไปได้

“ดะ เดี๋ยวก่อนครับ!”

ชางยองซู รีบเข้าใกล้ประตูรถพูดอย่างรีบร้อน

“ระ รายงาน เรายังต้องเขียนรายงานนะครับ?”

คิมวูจินตอบคำถาม

“ผมจะไปที่สำนักงานใหญ่ของสมาคม และส่งด้วยตัวเองโดยตรงเอง”

“ครับ?”

ในการตอบกลับนี้ทีมงานฝ่ายสนับสนุนใบหน้าแข็งเกร็งราวกับว่าที่พวกเขาได้ยินคือจุดสิ้นสุดของโลกซะอย่างนั้น

นี่เป็นครั้งแรก รวมถึงในฝันของเขา ที่เห็นผู้เล่นไปสำนักงานใหญ่ของสมาคม เพื่อส่งรายงานด้วยตัวเองโดยตรง

ทีมงานช็อก คิมวูจินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าคุณต้องการ ก็แค่รายงานสิ่งที่ผมพูดกับหัวหน้าทีมจองวูซอก บอกชื่อผม เขาจะเข้าใจเอง โอ้ ใช่”

คิมวูจิน หยิบกระเป๋าเงินของเขาที่ตั้งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับออกมา และหยิบธนบัตรหมื่นวอน และพันวอนออกมา

จำนวนเงินทั้งหมดประมาณหนึ่งแสนวอน

คิมวูจินมอบเงินให้ชางยองซู

“ช่วยมอบมันให้กับผู้เล่นคนอื่น ๆ ตามความเหมาะสมนะครับ”

“เอ่อ นี่มันอะไรกันครับ?”

“ค่าแท็กซี่ครับ”

หลังจากทิ้งคำพูดเหล่านั้น คิมวูจินก็ออกจากเมืองซองนัมทันที

 

ปี 2023 โลกที่คำพูดง่าย ๆ อาจจะกลายเป็นไวรัลได้หลังจากกระจายไปทั่วโลกภายในไม่กี่วินาที

เหตุการณ์ในเมืองซองนัมได้แพร่กระจายในหมู่ผู้เล่นในเกาหลีภายในเวลาไม่นาน

“มีคนฆ่าสไลม์แปลงร่าง? ไม่ใช่ว่าสไลม์แปลงร่างจับตัวยากเหรอ? ใครฆ่ามันได้?”

“นายพูดอะไร? มีคนฆ่าด้วยตัวคนเดียว? เขาชื่ออะไรนะ? “

“คิมวูจิน? สังกัดสมาคมฟีนิกซ์? เขากลายเป็นผู้เล่นยังไม่ถึงเดือนเลย? ”

ตอนนี้เองที่ชื่อของคิมวูจินแพร่กระจายไปในหมู่ผู้เล่นเกาหลี

อย่างไรก็ตาม เรื่องของเขาที่แพร่กระจายไปทั่ว ไม่ใช่เรื่องจริง

แต่ข้อมูลที่บิดเบือนเหล่านี้ เริ่มแพร่กระจายออกไปราวกับไฟป่า

“ฉันได้ยินมาว่า เขาขโมยมอนสเตอร์ในขณะที่มันใกล้จะตายด้วยฝีมือของอีกปาร์ตี้”

“เห็นได้ชัดว่าเขาแย่งมันมาจากดาวรุ่งคิมซุนจอง…”

“ตอนแรก เขาเข้าร่วมในฐานะ kkakdugi เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่เขาก็แทงข้างหลังคนอื่น”

“ไอ้หน้าตัวเมีย”

“ใช่ ไอ้หน้าหนังหมา” (TL : จริง ๆ เขาด่าว่าไอ้เลว แค่อยากได้คำด่าที่ไม่ซ้ำกัน)

คิมวูจินเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะ “คนสารเลว” แทนที่จะเป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งที่จับสไลม์แปลงร่างได้ด้วยตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน…

“คุณยอดเยี่ยมมาก”

“ไม่เลยครับ”

คิมวูจินกำลังคุยกับจองวูซอก หัวหน้าทีมสนับสนุนที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมฟีนิกซ์

การสนทนาของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังจากที่คิมวูจินเขียนรายงานเมื่อเขากลับไปที่สำนักงานใหญ่

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อพูดคุยอย่างเดียว

“ไม่ นี่เป็นความจริง”

“มันเป็นเรื่องใหญ่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดถึงคุณอย่างไร”

“คุณไม่จำเป็นต้องประจบผมมากขนาดนั้น ผมคาดว่าข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวผมคงแพร่กระจายไปทั่วแล้ว”

จองวูซอก หัวหน้าทีมตระหนักแล้วเมื่อได้รับรายงานเกี่ยวกับดันเจี้ยน

มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับคิมวูจินจะแพร่กระจายออกไป

ทุกอย่างผิดปกติตั้งแต่เริ่ม

ตัวหลักในการโจมตีดันเจี้ยนนี้ควรจะเป็นทั้งสามปาร์ตี้

แต่คนที่เข้าร่วมเป็นตัวแถมกลับกลายเป็นตัวนำหลัก

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสามปาร์ตี้ยังมีผู้อยู่เบื้องหลังที่แข็งแกร่ง ในขณะที่คิมวูจินไม่ได้อยู่ในฝ่ายใดเลย

จากมุมมองของทั้งสามปาร์ตี้ พวกเขาต้องกัดคิมวูจิน เพื่อภาพลักษณ์ และความหยิ่งผยอง

ไม่ พวกเขาต้องกัดคิมวูจิน เพื่อปกป้องชื่อเสียงของพวกเขา

จองวูซอก หัวหน้าทีมสนับสนุนได้นัดพบกับคิมวูจินเพื่อปลอบใจเขาในสถานการณ์เช่นนี้ จองวูซอกตาบอดเพราะความลำเอียงของเขา สำหรับเขาแล้ว คิมวูจินน่าดึงดูดมากกว่าผู้เล่นที่ทะเลาะกันเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง นอกจากนี้ยังช่วยให้คิมวูจินช่วยชีวิตผู้เล่นคนอื่น ๆ ด้วยการเข้ามาแทรกแซง

“แต่ผมก็ยังคิดว่ามันจำเป็น ถ้าผมไม่เข้าไปช่วย มันจะนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงต่อผู้เล่นคนอื่น ๆ ”

‘ใช่ ถ้าคุณคิมวูจินไม่สู้ ก็จะมีคนต้องตาย’

เหนือสิ่งอื่นใด ตามรายงานของคิมวูจิน ถ้าคิมวูจินไม่แทรกแซงแบบที่เขาทำ แน่นอนว่าต้องมีคนตายอย่างน้อย 2-3 คน

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเชื่อทุกสิ่งที่คิมวูจินเขียนได้ แต่มันก็ยังชัดเจนว่าคิมวูจินเป็นคนที่ฆ่าสไลม์แปลงร่าง

นั่นคือจุดจบของเรื่องราว

หน้าที่เดียวของผู้เล่นคือเคลียร์ดันเจี้ยน และกำจัดสิ่งที่อยู่ภายใน

“ผมดีใจที่ทุกคนรอด และผมมั่นใจว่าจะจัดการกับคำสบประมาทได้”

คิมวูจินรู้ดีถึงความเป็นจริงของสถานการณ์ และดำเนินการตามนั้น

หัวหน้าทีมจองวูซอกรู้สึกประทับใจอย่างแท้จริงกับท่าทางของคิมวูจิน และวิธีที่เขาจัดการกับสถานการณ์นั้น เขาใจเย็นเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ความสงสัยบางอย่างก็เกิดขึ้น

‘ทำไมคนอย่างเขาถึงเข้าร่วมกับสมาคมเรา?’

ใครก็ตามที่เห็นคิมวูจินแบบนี้ จะต้องคิดว่าเขาเหมาะกับสมาคมเมสสิอาห์มากกว่า ไม่ใช่สมาคมฟีนิกซ์

เป็นเรื่องปกติ เขาไม่ได้คิดถึงคำถามนี้นานนัก

ไม่มีเหตุผลที่ต้องสงสัยผู้เล่นที่จริงใจ เสียสละ ให้ความร่วมมือ มีเหตุผล และมีคุณธรรม

“ผมดีใจที่คุณคิดแบบนั้น อย่างที่คุณพูด จะมีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับคุณแน่นอน แต่จำเอาไว้นะครับ สมาคมฟีนิกซ์อยู่ข้างคุณ”

“ขอบคุณครับ”

คิมวูจินถอนหายใจยาว

มันเป็นการถอนหายใจที่ยาวนานจริง ๆ

“คุณมีเรื่องกังวลเหรอครับ?”

เป็นการถอนหายใจยาว ๆ ที่จองวูซอกรู้สึกว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถาม

คิมวูจินตอบราวกับว่าเขากำลังรอคำถามนั้น

“ผมคิดว่าเวลาจะแก้ปัญหานี้ได้ แต่ผมสงสัยว่ามีอะไรที่ผมสามารถทำได้เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของผมบ้าง”

ตัวเลือกมากมายปรากฏขึ้นในความคิดของหัวหน้าทีม

“ผมไม่อาจพูดได้ว่าไม่มีเลย แต่…”

‘ปัญหาคือมันมีมากเกินไป’

ในความเป็นจริง มีหลายวิธีที่ผู้เล่นสามารถช่วยเหลือสังคม และปรับปรุงชื่อเสียงของพวกเขาได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่กังวล

ทุกคนเคลียร์ดันเจี้ยนเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง พวกเขาเลือกวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองเท่านั้น โดยไม่สนใจคำต่อว่าใด ๆ ของคนอื่น

ถ้าผู้เล่นธรรมดาใช้ชีวิตด้วยความมุ่งมั่นที่จะกอบกู้ และช่วยเหลือโลกนี้ สมาคมเมสสิอาห์คงจะไม่ได้รับความชื่นชมอย่างกว้างขวางหรอก

“การเข้าดันเจี้ยนที่ผู้เล่นคนอื่นปฏิเสธ หรือเข้าดันเจี้ยนเพื่อช่วยเหลือทีมอื่นก็เพียงพอแล้ว”

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เล่นจะเซ็นสัญญากับสมาคมฟีนิกซ์ แต่ก็ยังมีดันเจี้ยนที่ผู้เล่นไม่ต้องการเข้าไป โดยกินเงินของประเทศอยู่

หากดันเจี้ยนดังกล่าวถูกเคลียร์ ชื่อเสียงของคุณก็จะดีขึ้นมาก

“อย่างไรก็ตาม ควรจะหลีกเลี่ยง เพราะมันอันตรายจริง ๆ”

แน่นอนว่า มันหมายความว่าดันเจี้ยนนั้นอันตรายมากพอที่จะกลืนกินผู้เล่นทั่วไปได้

“งั้นผมจะทำ”

ดังนั้น จองวูซอกหัวหน้าทีมจึงแสดงความชื่นชมเมื่อได้ยินคำตอบของคิมวูจิน

คิมวูจินได้ให้ความสำคัญกับหัวใจของจองวูซอกหัวหน้าทีม

“ผมยินดีที่จะทำ ถ้าผมทำได้”

หัวหน้าทีมจองวูซอกคิด

‘ฉันไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่ดี และทำงานหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิตของฉัน’