บทที่ 2307 ฝ่าวงล้อม 4 / บทที่ 2308 ฝ่าวงล้อม 5

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2307 ฝ่าวงล้อม 4

เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของฝูงชน องค์หญิงย่วนย่วนย่อมไม่สามารถออกคำสั่งให้แย่งชิงได้ นางมองนางกำนัลเย่ที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง ส่งสายตาให้

นางกำนัลเย่ผู้นั้นก็หัวไว มองไปที่กู้ซีจิ่วอย่างคล้ายว่าพอจะเข้าใจอะไรแล้ว เอ่ยเสียงแหลม

“ลูกเซี่ยจื้อตัวนี้องค์หญิงทรงซื้อมาจากชายแซ่หลัวคนหนึ่งในยามเที่ยงที่เหลาสุรา เรื่องนี้มีประชาชนในเหลาสุราหลายสิบคนเห็นเองกับตา ต่อให้ลูกเซี่ยจื้อเคยเป็นของเจ้า แต่ในเมื่อขายพ้นมือไปแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ใช่ของเจ้าแล้ว! เจ้าขโมยกลับไปอีกด้วยเหตุผลใด? หรือเป็นเล่ห์กลของเจ้ากับชายแซ่หลัวผู้นั้น เพื่อหลอกเอาเงินจากจวนองค์หญิงกระมัง?!”

องค์หญิงย่วนย่วนถอนหายใจคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า

“องค์หญิงอย่างข้าชื่นชมเซี่ยจื้อน้อยตัวนี้อย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ถึงได้ซื้อมาในราคาหนึ่งแสนกษาปณ์มาร ค้าขายกันอย่างเป็นธรรมไร้เล่ห์ ไม่เคยเอาเปรียบคนค้าขายเลย หากว่าหนนี้จ่ายเงินไปเพียงเล็กน้อยก็แล้วกันไปเถิด องค์หญิงอย่างข้าถูกพวกเจ้าหลอกเอาเงินก็ไม่นับว่าเป็นอย่างไร ถือเสียว่าทำทานสงเคราะห์พวกเจ้า แต่เงินหนึ่งแสนกษาปณ์มาร…เป็นเงินขวัญถุงที่องค์ราชันย์ประทานให้ข้าใช้ในวันเกิด ไหนเลยจะยอมถูกเจ้าหลอกเอาไปหมดได้?”

“รู้ตัวได้แล้ว คืนลูกเซี่ยจื้อมาให้พวกเราซะ! องค์หญิงของพวกเราทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณาหาใดเทียม อาจทรงยอมละเว้นชีวิตของเจ้าก็ได้…”

นางกำนัลคนอื่นก็เอ่ยประณามอย่างขุ่นเคืองเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงย่วนย่วนเตรียมการมาแล้ว นางกับข้ารับใช้พูดจากลับดำให้เป็นขาว โยนข้อหารวมหัวกันฉ้อฉลเอาเงินผู้อื่นใส่หัวกู้ซีจิ่ว

ส่วนเรื่องที่ตอนเที่ยงองค์หญิงจ่ายเงินหนึ่งแสนกษาปณ์มารเพื่อซื้อหมาป่าเงินก็ร่ำลือกันในหมู่ผู้สัญจรไปนานแล้ว ฝูงชนพากันพยักหน้าคล้อยตาม

รูปการณ์ไม่เป็นผลดีต่อกู้ซีจิ่วยิ่งนัก!

หลัวเจิ้งก็ไปจากอาณาจักรมารแล้ว ย่อมไม่สามารถเป็นพยานให้เธอได้ ส่วนฝั่งขององค์หญิงน้อยกลับมีพยานมากมายนัก

องค์หญิงน้อยต้องการแสดงความยุติธรรม จึงสั่งการให้นางกำนัลไปเชิญเถ้าแก่เหลาสุรามาเป็นพยานให้…

ที่อาณาจักรมารองค์หญิงย่วนย่วนเป็นที่นิยมชมชอบนัก และได้ใจประชาชนยิ่ง ต่อให้นางพูดปากเปล่าเลื่อนลอยก็มีคนเชื่อถือนางอย่างสมบูรณ์แล้ว นับประสาอะไรกับตัวนางในตอนนี้ที่มีพยานมากมายเล่า? ฝูงชนย่อมเชื่อนางอยู่แล้ว ยามที่มองกู้ซีจิ่วเสมือนมองพวกต้มตุ๋นน่ารังเกียจ…

“พวกต้มตุ๋น! ไม่เชื่อเลยว่าจะหลอกลวงองค์หญิงของพวกเราได้!”

“ใช่ หน้าไม่อายเกินไปแล้ว! นางต้องรวมหัวสมคบกับพ่อค้าแซ่หลัวเป็นแน่!”

“จับกุมนาง! เผานางให้ตาย! สิ่งที่ชาวอาณาจักรมารอย่างพวกเรารังเกียจที่สุดก็คือพวกต้มตุ๋น!”

“ใช่! ใช่แล้ว! เผานางเพื่อมิให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างซะ!”

….

ประชาชนเข้ามามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาเพียงเท่านี้ก็รวมตัวกันได้หลายร้อยคนแล้ว

ฝูงชนคับแค้นเดือดดาล พากันประณามด่าทอ ถึงขั้นที่มีคนเริ่มถลกแขนเสื้อขึ้น คิดจะเข้ามาจับคนแล้ว…

เซี่ยจื้อน้อยย่อมมองออกเช่นกันว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ยิ่งมองออกว่าองค์หญิงผู้นี้ทำตัวเป็นตือโป๊ยก่ายกระทบคราด![1] มันโกรธจนเส้นขนสีเงินลุกชันขึ้นมาจนดูเหมือนสิงโตน้อยแล้ว! มันอยากจะแก้ต่างให้กู้ซีจิ่วยิ่งนัก เพียงน่าเสียดายที่มันพูดไม่ได้…

ถึงแม้สีหน้าขององค์หญิงย่วนย่วนจะเรียบเฉย ทว่าดวงตากลับฉายแววได้ใจแวบหนึ่ง

อันที่จริงตอนนางค้นพบว่าลูกเซี่ยจื้อกับเด็กคนนั้นถูกคนลักตัวไป ก็ได้ทำการไต่สวนคนดูแลไม่กี่คนนั้นแล้ว คาดเดาได้รางๆ แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร!

อย่างไรเสียผู้ที่สามารถทำลายค่ายกลในจวนองค์หญิง เข้าออกตามอำเภอใจได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน ประกอบกับท่าร่างของอีกฝ่ายที่ไปมาได้โดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็นรวมถึงวิชาแปลงโฉมที่สามารถพลิกปลอมให้เป็นจริงได้ ด้วยความเฉลียวฉลาดขององค์หญิงย่วนย่วนย่อมคาดเดาได้ง่ายดายยิ่งว่าเป็นกู้ซีจิ่ว…

ดังนั้นนางจึงวางแผนการทุกอย่างนี้อย่างรวดเร็ว!

รวมถึงไปหยิบยืมคนและของวิเศษมาจากตำหนักมารด้วย…

เดิมทีนางวางแผนว่าจะใช้ตาข่ายฟ้าดินจับกุมกู้ซีจิ่วอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตัดสินประหารทันทีเพื่อตัดปัญหาที่จะตามมาในอนาคต ถึงอย่างไรนางก็เป็นฝ่ายมีเหตุผล ประหารโจรไปก็ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว

ต่อให้ตี้ฝูอีทราบเรื่องนี้ในภายหลัง แม้ว่าเขาจะปวดใจสักเพียงใดก็ไม่อาจย้อนเวลาได้อยู่ดี…

————————————————————————————-

บทที่ 2308 ฝ่าวงล้อม 5

นางนึกไม่ถึงเลยว่ายามที่กู้ซีจิ่วถูกปิดล้อมจะส่งเสียงตะโกนดึงดูดคนให้มามุงดู…

เฮอะ มุงดูแล้วอย่างไรเล่า? นางคิดแผนรับมืออันยอดเยี่ยมมาล่วงหน้าแล้ว ดึงดูดคนเข้ามาก็มีแต่จะถูกประชาชนชาวมารมุงดูแล้วประณามหยามหยันเท่านั้น!

นางก็จะมีเหตุผลในการสังหารอีกฝ่ายมากขึ้น!

วันหน้าหากตี้ฝูอีถามถึงขึ้นมา นางก็มีชาวมารพวกนี้เป็นพยานให้ได้…

แน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องยืดยาวบานปลาย นางยังคงอยากจัดการกู้ซีจิ่วโดยเร็ว

ปะโคมเรื่องไปพอสมควรแล้ว นางพลันโบกมือสั่งการ

“จับกุมนาง!”

นางกำนัลและองครักษ์เหล่านั้นก็รอประโยคนี้จากนางอยู่ คำรามขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไป

กู้ซีจิ่วหรี่ตานิดๆ ลากเซี่ยจื้อน้อยเคลื่อนย้ายออกไปร้อยจั้งในทันใด

ย่วนย่วนตะลึงไปแวบหนึ่ง นึกว่านางคิดหลบหนี ต่อมาพอเห็นนางปรากฏตัวขึ้นไม่ไกล ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เดิมทีนางคิดจะใช้ความปลอดภัยของเด็กคนนั้นมาข่มขู่กู้ซีจิ่ว ทำให้อีกฝ่ายยอมให้จับแต่โดยดีหรือไม่กล้าหลบหนีไป แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางสายตาประชาชน นางก็ไม่คิดจะทำลายชื่อเสียงของตน ย่อมไม่สามารถใช้เด็กน้อยมาบีบคั้นได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากนางยังพะวงถึงวิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วอยู่ จึงถอยร่นไปหลายก้าวตามสัญชาตญาณ ถอยกลับไปยังตำแหน่งที่ซ่อนตัวทารกน้อยคนนั้นไว้ เหลือบมองแวบหนึ่ง

และแล้วความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในวินาทีนี้เอง!

กู้ซีจิ่วที่ถูกเหล่าองครักษ์ปิดล้อมโจมตีด้วยสารพัดศาสตราวุธ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่คำนึงถึงอันตรายเลย เคลื่อนย้ายเข้าไปใกล้ย่วนย่วนในทันใด!

ประกายกระบี่ส่องเจิดจ้า ฟันลงที่มุมกำแพงจุดหนึ่ง!

ย่วนย่วนสะดุ้งโหยง คิดจะปัดป้องตามสัญชาตญาณ แต่ความเร็วของอีกฝ่ายรวดเร็วเกินไป นางป้องกันไม่ทันเลย

ได้ยินเพียงเสียงดังปัง คล้ายลูกโป่งระเบิด

ตรงมุมกำแพงมีแสงทองส่องวาบ เขตแดนเล็กๆ ถูกทำลาย เผยให้เห็นตาข่ายผืนใหญ่ที่อยู่ด้านใน และเด็กน้อยคนนั้นที่ยังคงถูกขังไว้ในตาข่าย…

กู้ซีจิ่วพุ่งเข้าไปคว้าอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หยิบทั้งตาข่ายและเด็กน้อยมาด้วยกัน…

เธอชิงเด็กกลับมาได้อีกครั้งแล้ว

แต่ว่า เธอกลับหลบกระบี่ที่องค์หญิงย่วนย่วนแทงเข้ามาไม่ทัน

ประกายกระบี่ดุจอสรพิษ แทงเข้าที่ชายโครงซ้ายของกู้ซีจิ่ว

สีหน้ากู้ซีจิ่วพลันซีดเซียว วิถีกระบี่ขององค์หญิงย่วนย่วนมีรูปแบบของหนึ่งจุดโลหิตแห่งจงหยวนยิ่งนัก ยามที่แทงร่างคน ถึงแม้จะไม่ทำให้หลั่งโลหิตมากมาย ทว่าเจ็บปวดกว่าบาดแผลจากกระบี่ธรรมดาถึงสิบเท่า! เจ็บจนทำให้เธอซวนเซ ใบหน้าซีดเผือดในชั่วพริบตา

แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยยอมเสียเปรียบเลย ประกายเยียบเย็นวาบผ่านนัยน์ตา อาศัยจังหวะที่เซ หยัดร่างหมุนคว้าง

มิถอยห่างแต่กลับเข้าใกล้ โผทะยานไปด้านหน้า!

กระบี่ล้ำค่าในมือจ่อตรงไปที่ลำคอย่วนย่วน!

ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นนักฆ่า คาดคะเนได้แม่นยำเฉียบขาด

การประจันหน้าระหว่างเธอกับองค์หญิงย่วนย่วนนับว่าเป็นตาต่อตา ฟันต่อฟัน ย่วนย่วนทำเธอบาดเจ็บสาหัสได้ เธอก็บั่นคอย่วนย่วนได้เหมือนกัน!

เมื่อคำนวณเช่นนี้ เธอก็ไม่เสียเปรียบแล้ว! ได้กำไรด้วยซ้ำ!

สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือคมกระบี่ของเธอที่มองเห็นว่ากำลังจะฟันลำคอระหงของย่วนย่วนได้แล้ว จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวสายหนึ่งวาบขึ้นมา มีเส้นไหมรัดรึงกระบี่ของเธอไว้ ทำให้กระบี่ของเธอไม่อาจเคลื่อนเข้าไปได้อีกเลยสักชุ่น!

ย่วนย่วนรอดพ้นจากความตาย ฉวยโอกาสนี้กลิ้งตัว ถอยห่างออกไปสองจั้ง จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นมา มองไปยังทิศทางหนึ่ง ตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน

“พี่ใหญ่!”

กู้ซีจิ่วก็ชะงักไปเล็กน้อยเช่นกัน

เธอเข้าใจแล้ว เส้นไหมที่ขัดขวางไม่ให้เธอบั่นคอของย่วนย่วนเมื่อครู่นี้คือไหมเชิดหุ่น เธอเคยเห็นอานุภาพของมันมาแล้ว…

ยามนี้มองแล้วอานุภาพก็ยังคงมหาศาลอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าไหมเส้นเดียวจะสามารถหยุดยั้งการโจมตีอันสะท้านสะเทือนเมื่อครู่ของเธอได้ ฝ่ามือเธอก็ชาหนึบเช่นกัน แทบจะกุมกระบี่ไว้ไม่อยู่แล้ว

มือหนึ่งเธอถือตาข่ายไว้ อีกมือหนึ่งใช้กระบี่ยันพื้น หันไปมองเช่นกัน

เห็นเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นไม่ไกล อาภรณ์แดงเกศาดำ สวมหน้ากากบดบังหน้า ยามที่ยืนอยู่ตรงนั้นดุจภาพวาดทิวทัศน์อันงดงาม

ตี้ฝูอีราชันย์มารองค์ปัจจุบันมาถึงแล้ว

————————————————————————————-

[1] ตือโป๊ยก่ายกระทบคราด หมายถึง ตัวเองทำผิดแต่ไม่ยอมรับ กลับหยิบยกความผิดไปให้ผู้อื่นหรือหาทางเล่นงานผู้อื่นแทน