ตอนที่ 1862 พบกับแผ่นชำรุดอีกครั้ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“สมบัติที่แท้จริง! สหายจินกล้าพูดเสียจริง ในมือของข้ามีสมบัติในรายการหมื่นวิญญาณหุ้นตุ้นอยู่สองสามชิ้น มูลค่าเหนือกว่าสมบัติสะท้านฟ้าทั่วไป แต่เจ้าคิดว่าตาเฒ่าจะเอาออกมาแลกกับนมแม่น้ำยมโลกหรือ!” ชายชราหัวเราะอย่างเย็นชาและปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“หึๆ ข้าน้อยก็พูดไปพี่ ซวีหลิงไม่ยอมก็ช่างเถิด ทว่าได้ยินว่าก่อนกักตนสหายดูเหมือนจะได้สมบัติที่ยอดเยี่ยมมาชิ้นหนึ่งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสมบัติสวรรค์ทมิฬ ผู้แซ่จินจึงอยากถือโอกาสนี้เปิดประสบการณ์สักหน่อย” จินเยี่ยนโหวเผยสีหน้าซาบซึ้งออกมา

“สมบัติสวรรค์ทมิฬ” ชิงหยวนจื่อได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

“หึ เจ้าข่าวคราวดีแท้ ทว่าเป็นแค่แผ่นชำรุดของสมบัติสวรรค์ทมิฬ ไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬที่แท้จริง ในเมื่อสหายจินเยี่ยนเอ่ยถึงสมบัติชิ้นนี้ ตาเฒ่ายังซ่อนอยู่ก็จะขี้เหนียวไปหน่อย จะเอาออกมาให้สหายทั้งสองดูก็แล้วกัน” ชายชราซวีหลิงหรี่ตามองจินเยี่ยนโหวและชิงหยวนจื่อ ฉับพลันนั้นก็ตอบรับด้วยรอยยิ้ม

“เป็นจริงดังคาด เช่นนั้นข้าและพี่เจียงก็จะได้เปิดโลกแล้ว แม้ว่าข้าน้อยจะฝึกฝนอย่างหนักจนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยเห็นสมบัติสวรรค์ทมิฬด้วยตาของตนเอง” จินเยี่ยนโหวเอ่ยด้วยความดีใจ

“ในอดีตตาเฒ่าเคยเห็นอานุภาพของสมบัติสวรรค์ทมิฬครั้งหนึ่งแต่ยามนั้นพลังปราณไม่สูงจึงอยู่ค่อนข้างไกล จึงไม่เคยเห็นสมบัติสวรรค์ทมิฬจริงๆ สักที แต่จะว่าไปแล้วเผ่าแมลงเม่าที่มีฐานะเป็นหนึ่งในเผ่าที่ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน น่าจะมีสมบัติสวรรค์ทมิฬประจำเผ่าสินะ!” ชิงหยวนจื่อแววตาเปล่งประกายตื่นเต้น

ส่วนหานลี่เมื่อได้ยินคำว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬก็ใจหายวาบและเลี่ยงสายตาออกจากสมบัติหลากสีสันเหล่านั้นมองไปที่ชายชราเช่นกัน

“เผ่าของข้ามีสมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นหนึ่งจริง แต่สมบัตินี้มอบให้ใต้เท้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าข้ามาไม่รู้ตั้งกี่ปีแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ทำได้เพียงมองภาพของสมบัติชิ้นนี้ในตำรา สมบัติสวรรค์ทมิฬที่แท้จริงทั้งแดนวิญญาณก็มีอยู่แค่สิบกว่าชิ้นเท่านั้น นี่เป็นข้อจำกัดของสวรรค์ทมิฬในแดนนี้!” ชายชราเอ่ยอย่างราบเรียบฉับพลันนั้นก็ถูมือทั้งสองเข้าด้วยกันชั่วขณะนั้นเสียงอึกทึกพลันดังขึ้น ลำแสงสีแดงปรากฏขึ้นระหว่างมือทั้งสอง

ท่ามกลางลำแสงสีแดงของที่ดูเหมือนธูปหอมผิวตะปุ่มตะป่ำมีอักขระสีทองนิรนามอยู่รางๆ ส่วนยอดสลักลวดลายอสูรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเอาไว้บ้างก็เป็นหัวของเหยี่ยวตัวเป็นม้า บ้างก็เป็นหัวสุกรตัวมังกร ทว่าไม่มีแขนขาท่าทางไม่สมบูรณ์

หานลี่และพวกทั้งสามทยอยกันมองสิ่งเหล่านั้นด้วยสีหน้าหลากหลาย

“นี่คือแผ่นชำรุดของสมบัติสวรรค์ทมิฬ!” จินเยี่ยนโหวมองของที่อยู่ในลำแสงสีแดงด้วยแววตาฉงน

ชิงหยวนจื่อเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หึๆ สหายทั้งสองพลังยุทธ์มาอยู่ในระดับนี้อย่างเจ้าและข้าเหตุใดถึงถูกของภายนอกยั่วยวน” ชายชราเห็นทั้งสองมีท่าทีไม่เชื่อก็ไม่ได้โกรธกลับหัวเราะร่ายื่นนิ้วชี้ตวัดไปที่ธูปหอมตรงหน้า

เสียง “เคร้ง” ดังขึ้น ธูปหอมสั่นเทาอักขระสีทองบนผิวเปล่งแสงเจิดจ้า ในเวลาเดียวกันรูปภาพต่างตรงปลายธูปหอมก็เปล่งแสงสีแดงวาววับแผ่นชำรุดถูกลำแสงสีแดงฟื้นฟูกลับมาจนครบ

และในยามนี้ชายชราก็ขยับนิ้วร่ายเป็นครั้งที่สอง

เสียง “ปัง” ดังขึ้น อักขระสีทองที่ปรากฏขึ้นเหล่านั้นสลายหายไปจากผิวของธูปหอมกลายเป็นดวงดาวสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนห่อหุ้มธูปหอมเอาไว้ภาพอสูรประหลาดเหล่านั้นเคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางลำแสงสีแดงราวกับว่าจะออกมาจากธูปหอมได้ทุกเมื่อ

และในเวลาเดียวกันพลังปราณฟ้าดินมหาศาลก็แผ่ออกมาจากธูปหอมกลายเป็นพลังไร้รูปร่างปกคลุมห้องโถงเอาไว้

หานลี่ที่เดิมยืนอยู่ถูกพลังมหาศาลกดทับร่างกายก็สั่นเทาหน้าเปลี่ยนสี

ชิงหยวนจื่อและจินเยี่ยนโหวแม้จะนั่งอยู่แต่เมื่อเห็นความแปลกประหลาดของธูปหอมก็อดที่จะส่งเสียง “จุ๊ๆ” ออกมาไม่ได้

“นี่คือแผ่นชำรุดสมบัติสวรรค์ทมิฬเป็นสิ่งที่ข้าพบในสงครามในส่วนลึกของแดนรกร้างในเขตสงครามโบราณโดยบังเอิญ ต่อมาข้าได้เสียแรงเป็นอย่างมากหลอมขึ้นใหม่ถึงได้กระตุ้นสมบัติชิ้นนี้ได้สิ่งที่แสดงออกมาเมื่อครู่เป็นแค่พลานุภาพหนึ่งในสิบสองส่วนเท่านั้นหากกระตุ้นเต็มอัตราก็ไม่แตกต่างจากสมบัติสะท้านฟ้าสิบอันดับแรกในรายการสมบัติหมื่นวิญญาณหุ้นตุ้นแน่” ชายชราเก็บอาคมมือหนึ่งกวักเรียกดูดธูปหอมเข้ามาในมือ จากนั้นก็เอ่ยอย่างภูมิใจ

“แผ่นชำรุดแผ่นหนึ่งมีอานุภาพเช่นนี้ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าสมบัติสวรรค์ทมิฬที่แท้จริงเหล่านั้นจะน่ากลัวขนาดไหน พี่ซวีหลิงท่านมีวาสนาไม่น้อยเลย! มีสมบัติชิ้นนี้อยู่กับตัวคิดดูแล้วยามที่ฟาดเคราะห์สวรรค์คงจะมั่นใจได้แน่” ชิงหยวนจื่อเอ่ยชื่นชม

“หึๆ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง ทว่าการบรรลุขึ้นไปอีกแดนมันข้ามง่ายที่ไหนกัน ก่อนหน้านี้แดนวิญญาณก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนบรรลุขึ้นไปพวกเขาล้วนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้เฟื่องฟู และมั่นใจว่าจะฟาดเคราะห์ได้แต่ผู้ที่ฟาดเคราะห์ได้นั้นก็มีอยู่แค่หร็อมแหร็ม หากไม่ใช่ตาเฒ่ารู้สึกว่าไม่อาจข้ามเคราะห์สวรรค์ครั้งหน้าได้ก็คงไม่เตรียมการบรรลุที่อันตรายเช่นนี้ ทว่าหากในมือของข้ามีสมบัติสวรรค์ทมิฬสักชิ้นไม่แน่ว่าอาจจะมั่นใจได้สองสามส่วน น่าเสียดายชิ้นที่อยู่ในมือของใต้เท้าเซิ่งฉงถูกหลอมไปแล้วจึงไม่อาจยืมได้” ชายชราซวีหลิงเงียบขรึมแล้วเอ่ยอย่างเสียดาย

“ทว่าข้าดูเหมือนจะได้ยินว่าสองสามร้อยปีก่อนแดนวิญญาณของพวกเรามีสมบัติสวรรค์ทมิฬปรากฏขึ้นชิ้นหนึ่ง” ชิงหยวนจื่อแววตาเปล่งประกาย เอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่ใจเต้นออกมา

“มีเรื่องนี้จริงหรือ เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน! ทว่านั่นย่อมเป็นไปไม่ได้พี่เจียงเข้าใจผิดหรือเปล่า!” จินเยี่ยนโหวได้ยินก็ตกใจจนสะดุ้งโหยงท่าทางไม่เชื่อ

“พี่เจียงได้ข่าวนี้มาจากอาวุโสฮัวของเผ่าข้าสินะ เรื่องนี้เป็นความจริงยามที่ข้าเพิ่งออกจากการกักตนก็ได้ยินอาวุโสในเผ่าพูดถึงสองสามปีก่อนมีสมบัติสวรรค์ทมิฬถูกเพิ่มเข้าไปในรายการหุ้นตุ้นจริงนี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ว่ากันว่าสมบัติชิ้นนี้มาจากแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนของพวกเราแม้แต่เผ่าเขาเดียวและเผ่ามหาสมุทรก็ดูเหมือนจะข้ามแผ่นดินมาตามหาสมบัติชิ้นนี้ แม้แต่วิธีการสำแดงโลหิตก็นำออกมาใช้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไป ต่อมาของสิ่งนี้ก็หายสาบสูญไปไม่ทราบว่ามันเบิกเนตรเองแล้วล่องหนหรือถูกผู้มีอิทธิฤทธิ์คนอื่นแย่งไปและสำแดงความสามารถปกปิดไว้ไม่อาจตัดสินเบาะแสได้ อาวุโสต่างๆ ในเผ่าข้าเสียทรัพย์ไปมากมายก็ไม่อาจทราบข่าวที่แท้จริงของมัน ทำได้เพียงละทิ้งไว้ชั่วคราว” ชายชราซวีหลิงเอ่ยด้วยสีหน้าดำคล้ำ

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ! แต่สมบัติสวรรค์ทมิฬจะอำพรางกายจากพลังที่ยิ่งใหญ่ไปได้อย่างไร หรือว่าสมบัติชิ้นนี้ตกอยู่ในมือของสิ่งมีชีวิตระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้” จินเยี่ยนโหวสั่นศีรษะอย่างต่อเนื่องแล้วเอ่ยอย่างตกตะลึง

“หากตกอยู่ในมือของจิตวิญญาณเที่ยงแท้จริงย่อมเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจิตวิญญาณเที่ยงแท้จะถือกำเนิดในแดนต่างๆ แต่หากโตเต็มวัยก็จะไปจากแดนเดิมหรือไม่ก็ไปยังแดนที่สูงกว่าเช่นแดนเซียน ไม่ก็ไปเที่ยวเล่นตามห้วงมิติเวลาต่างๆ และสร้างที่พักของตนเองแม้กระทั่งไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับสมบัติสวรรค์ทมิฬ มิเช่นนั้นเผ่าต่างๆ อย่างพวกเราจะกราบไหว้จิตวิญญาณเที่ยงแท้เป็นผู้พิทักษ์เผ่าได้อย่างไร ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถือกำเนิดของสมบัติสวรรค์ทมิฬในแดนเราไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬที่ถือกำเนิดในแดนเรา หากจะคาดเดาสักสองครั้งก็พอจะเป็นไปได้แต่หากสมบัติชิ้นนี้เบิกเนตรมีพลังป้องกันตัวมีวิธีต่อต้านการคาดเดาของพลังฟ้าดินก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” ชายชราซวีหลิงแววตาเคร่งขรึมเอ่ยคำพูดที่ใกล้เคียงกับความจริงออกมาอย่างแช่มช้า

“อืม ฟังจากคำพูดของพี่ซวีหลิงก็มีเหตุผลอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ มิเช่นนั้นเผ่าต่างๆ จึงไม่ได้ข่าวคราว ถึงอย่างไรเสียเรื่องโง่เขลาอย่างการงมเข็มในมหาสมุทรก็คงไม่มีใครทำอย่างเปล่าประโยชน์ สหายมีประสบการณ์มากมายเหนือกว่าคนอื่นจริงๆ!” หลังจากที่จินเยี่ยนโหวครุ่นคิดก็เอ่ยอย่างนับถือ

ชิงหยวนจื่อพยักหน้าอยู่ด้านข้างใบหน้าเผยสีหน้าเห็นด้วยออกมา

“ฮ่าๆ ทฤษฎีนี้เป็นผลลัพธ์ที่อาวุโสของเผ่าข้าคิดได้ไม่ใช่สิ่งที่ตาเฒ่าคิดขึ้นมาเอง เอาล่ะเจ้าเด็กน้อยหานเจ้าเองก็ได้ฟังมาเป็นเวลานานแล้วเลือกสมบัติที่ต้องการได้หรือยัง” หลังจากที่ชายชราซวีหลิงหัวเราะฮ่าๆ ก็หันมาเอ่ยถามหานลี่คาดไม่ถึงว่าจะไม่ลืมเรื่องที่เมื่อครู่เกือบจะถูกพวกเขาโยนทิ้งไป

หานลี่ได้ฟังทั้งสามพูดคุยกันหัวใจที่เดิมทีแล่นไปอยู่ที่คอหอยก็ลดลงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราใบหน้าก็อดที่จะเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็ทำได้เพียงตอบอย่างใจดีสู้เสือว่า

“ท่านอาวุโสแม้ว่าสมบัติเหล่านี้จะไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่มีสิ่งที่ชนรุ่นหลังอยากได้ ชนรุ่นหลังอยากเก็บนมวิญญาณแม่น้ำยมโลกเอาไว้ใช้”

“ไม่สนใจ? หรือว่าในมือของเจ้ามีสมบัติสะท้านฟ้าในรายการหมื่นสมบัติหุ้นตุ้น? เอาล่ะหากมีสมบัติระดับนี้จริงตาเฒ่าย่อมไม่บังคับจะแลกสมบัติกับเจ้า แต่หากไม่มีก็เป็นการไม่เคารพตาเฒ่าแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เจ้าลำบากใจสักหน่อย” อยู่นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ ชายชราได้ฟังก็ไม่โกรธแต่มีสีหน้าเคร่งขรึมแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าดำคล้ำ

หานลี่ได้ฟังก็ไม่ได้เอ่ยอันใดที่ไม่มีประโยชน์พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ ไม้สั้นสีเงินปรากฏขึ้น

นิ้วทั้งห้ากำเอาไว้แล้วโบกสะบัดเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงก็แผ่ออกมาในเวลาเดียวกันก็เปล่งแสงสว่างวาบ เงาลวงตาไม้สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นท่าทางมหัศจรรย์

“เอ๋ มีสมบัติสะท้านฟ้าในรายการหมื่นสมบัติหุ้นตุ้นจริงๆ แม้ว่าน่าจะจัดอยู่ในอันดับท้ายๆ ก็ตามดูแล้วสหายน้อยหานคงเป็นผู้ที่ไม่ขาดแคลนสมบัติธรรมดาๆ จริงๆ” จินเยี่ยนโหวพลันตกตะลึงจากนั้นมุมปากก็เผยรอยยิ้มบางๆ เห็นได้ชัดว่ารู้สึกสุขใจบนความทุกข์ของคนอื่น

ชิงหยวนจื่อลูบใต้คางแล้วกลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

ชายชราเห็นตนเองไม่สามารถแลกสิ่งของได้สำเร็จสองครั้งติดก็มีสีหน้าปั้นยาก ถลึงตาทั้งสองข้างมองหานลี่แวบหนึ่งแล้วถึงได้เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“คิดไม่ถึงว่าระดับของเจ้าจะไม่สูงนักแต่มีสมบัติไม่น้อยเลย ในเมื่อเจ้าล้วนไม่ขาดแคลนยาลูกกลอนและสมบัติอาคมตาเฒ่าก็จะใช้ของที่เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้มาแลกกับนมวิญญาณให้ได้”