บทที่ 792 กองทหารผ่าวิญญาณชนะ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

“ผนึกพลังทลายวิญญาณของข้ารึ” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้จะพอเดาได้แต่แรก แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเมื่อเกิดขึ้นจริง

แต่เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ เพราะว่าโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลการุ่นแรกนั้นไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป และด้วยอำนาจของกองทหารปลาคุนสีเขียว ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะได้โล่มาครอบครองและหาทางหยุดพลังของมันได้ในระยะเวลาอันสั้น

ทว่า…พวกเขาทำได้เพียงผนึกพลังทลายวิญญาณที่สร้างจากวิธีซ้อนอักขระเท่านั้น หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะอยู่ในใจ โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลการุ่นใหม่ของเขาใช้วิธีการรื้อสร้างที่เจ้าอู๋น้อยมอบให้ ซึ่งแปลว่าตัวเขาไม่ได้รับผลกระทบจากผนึกนี้ และมันจะเป็นไพ่ตายของเขา!

แม้ในตอนนี้สีหน้าของหวังเป่าเล่อจะดูอารมณ์เสีย แต่ในใจกลับปลอดโปร่งถึงขีดสุด เขาเงยหน้าขึ้นมองเรือบินรบสีเขียวที่เหาะตามกันออกมาจากรอยแยกในห้วงอวกาศด้วยสายตาเย็นชา

เรือบินรบเหล่านี้มีหน้าตาเหมือนค้างคาวยักษ์ ขณะที่บินออกมาอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนจำนวนมากก็พุ่งทะยานออกจากตัวเรือบินมาด้วย พลังปราณของพวกเขาไม่สูงนัก ส่วนมากอยู่ที่ขั้นกำเนิดแก่นใน มีขั้นจุติวิญญาณบ้างประปราย พวกเขาดูแข็งแกร่งเพราะมีจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีผนึกรวมพลังบางอย่างที่เสริมพลังของพวกเขาให้สูงขึ้นและรวมกันเป็นหนึ่งอีกด้วย ผู้ฝึกตนเหล่านี้มีอยู่ประมาณพันคน แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว ความรู้สึกที่พวกเขาปล่อยออกมา…ก็ราวกับว่าชายหนุ่มกำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่แข็งแกร่งสิบคนอย่างไรอย่างนั้น!

ใช้วงแหวนปราณเพื่อรวมพลังเข้าด้วยกันโดยการซ้อนขั้นพลังรึ รูม่านตาของหวังเป่าเล่อหดลงเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าภายในเรือบินรบเหล่านั้นมีพลังปราณที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ เป็นชายสามคนที่หน้าตาเหมือนกันและมีปราณอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ และกำลังจะได้ปราณขั้นแสร้งอมตะมาไว้ครอบครอง!

เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนนี้…คือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเมฆาปฐพี ทั้งสามทะยานเข้าหาหวังเปาเล่อเหมือนดาวหางสามดวง นัยน์ตาลุกโชนด้วยความตื่นเต้นและความกระหาย

ดวงตาของหวังเป่าเล่อตวัดผ่านทั้งสามและกลุ่มผู้ฝึกตนที่ซ้อนพลังกันไปทางอื่น เขาจดจ่ออยู่ที่อีกสองร่างซึ่งเพิ่งออกมาจากรอยแยกในตอนนั้นเอง!

ร่างหนึ่งผอมแห้ง ส่วนอีกร่างอ้วนพี ชายที่ผอมแห้งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า ส่วนอีกคนมีรอยยิ้มที่ทำให้ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย ทั้งสองยืนอยู่ที่ขอบรอยแยก จ้องมองลงมาที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณเบื้องล่าง ดวงตาตวัดผ่านความเวิ้งว้างกว้างไกลมาหยุดอยู่ที่หวังเป่าเล่อ

“มีพวกแสร้งอมตะแค่สองคนเองรึ” ชายหนุ่มเบื้องล่างเลิกคิ้ว รู้สึกเคลือบแคลงใจแปลกๆ เขาลองตรวจตราบริเวณโดยรอบดูอีกครั้ง หลังจากที่ยืนยันกับตนเองแล้วว่ามีผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะเพียงสองคนและขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์อีกสามคนเท่านั้น เขาก็หัวเราะออกมา

“พวกเจ้ามั่นใจในผนึกของตนเองมากหรือประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปกันแน่นะ” หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบ และพูดเพื่อยืนยันความคิดของตนเองอีกครั้ง ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามใกล้มาถึงตัวเขาแล้ว ตอนนั้นเองคนหนึ่งก็พลันระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง

“หลงหนานจื่อ อย่าคิดว่ากองทหารวิหคน้ำแข็งจะมาช่วยเจ้าได้เชียว ศิษย์พี่อี้เหนียนจื่อเดินทางไปขัดขวางพวกนั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณของเจ้าเห็นทีจะเสียตำแหน่งในสำนักหลักไปเสียแล้วในวันนี้!”

ทั้งสามระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังขณะเพิ่มความเร็วขึ้นอีก จนเข้ามาใกล้หวังเป่าเล่อในพริบตา ทั้งสามดูราวกับเป็นมังกรชั่วร้ายสามตัวที่กำลังพุ่งตรงมาหา พลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ที่แข็งแกร่งดูราวกับว่าจะบีบอัดความว่างเปล่าโดยรอบได้ ทำให้พลังกดดันมากมายพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อจากทุกทิศทาง และเหมือนต้องการบีบอัดเขาให้แหลกสลาย!

“น่ารำคาญ!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ ชายหนุ่มก็ไม่ได้รีบโต้กลับแต่อย่างใด หลังจากที่ยืนยันกับตนเองเรียบร้อยว่ามีผู้ฝึกตนขั้นขั้นแสร้งอมตะเพียงสองคนเท่านั้น ประกายเย็นก็วาบเข้ามาในแววตา เขาทำท่าฮัดฮัดขณะตัดสินใจว่าจะไม่ระเบิดเรือบินรบตน แต่กลับไหวตัวกระโจนเข้าไปในห้วงอวกาศด้วยความเร็วราวกับเป็นดาวหางแทน!

เขาไม่ได้พยายามหลบหรือหนี แต่กลับ…พุ่งตรงเข้าหาทั้งสามซึ่งๆ หน้า การกระทำของชายหนุ่มทำให้ทั้งสามตกใจเป็นอันมาก เริ่มรู้สึกได้ถึงลางร้ายที่คืบเข้ามาใกล้ แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบได้ทันเสียแล้ว!

“นี่น่ะหรือคือบทเรียนที่กองทหารปลาคุนสีเขียวอยากมอบให้ข้า…อ่อนหัดสิ้นดี!” ทันทีที่เสียงของหวังเป่าเล่อกระจายออกไป ร่างของเขาก็ชนเข้ากับทั้งสามพอดิบพอดี!

ภาพนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครตอบโต้ทัน เสียงกรีดร้องแหลมสูงด้วยความเจ็บปวดกังวานไปทั่วสนามรบ จากจุดที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าปะทะผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเมฆาปฐพี ทั้งสามมีสภาพราวกับพุ่งเข้าชนภูผาแข็งแกร่ง เลือดสดๆ สาดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ร่างปลิวกระเด็นไปข้างหลังด้วยความเร็วที่มากเสียยิ่งกว่าขามา แขนระเบิดออกดังโพละกลายเป็นเศษเลือดเนื้อ ที่ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นตกใจถึงขีดสุดราวกับถูกลมพายุร้ายพัดสติให้จากร่างไปอย่างไรอย่างนั้น

“พลังสะท้อนรึ โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของมันถูกผนึกไว้แล้วมิใช่หรือ!”

“เป็นไปไม่ได้!”

หวังเป่าเล่อทะยานผ่านเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่บาดเจ็บเจียนตายโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเสียด้วยซ้ำ ความจริงแล้วชายหนุ่มออมมือให้ เนื่องจากมองว่าทั้งสามเป็นสมบัติส่วนตัวของเขา จึงไม่ได้ปล่อยพลังทั้งหมดของโล่ออกมา มิเช่นนั้นแล้วทั้งสามคงไม่เพียงบาดเจ็บหนัก แต่คงตายคาที่อย่างแน่นอน!

ทันทีที่สำนักเล็กพ่ายแพ้ในการประลองให้สำนักใหญ่ คนของสำนักเล็กก็จะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสำนักใหญ่ไปโดยปริยาย นี่เป็นกฎที่ยึดถือปฏิบัติกันภายในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ และไม่มีใครมีอำนาจเหนือกฎนี้ไปได้ แม้แต่กองทหารปลาคุนสีเขียวก็…ไม่มีทางหยุดเรื่องนี้ได้!

ชายหนุ่มไม่สนใจซากที่นอนร้องโอดโอยของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามและบรรดาศิษย์ที่รวมพลังกันแม้แต่น้อย แต่กลับพุ่งตรงไปหา…ผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะทั้งสองนอกรอยแยกทันที! ทุกคนในที่แห่งนั้นจ้องมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา รวมถึงชายอ้วนผอมสองคนนั้นด้วย!

“เจ้ากล้าโจมตีดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณของข้าด้วยพวกแสร้งอมตะเพียงสองคนรึ เจ้า…คิดว่าตนเองน้ำยาพอหรืออย่างไร!” ชายหนุ่มพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง เสียงของเขาสะท้อนไปทั่วบริเวณ ร่างเข้ามาประชิดตัวคนทั้งสองเป็นทีเรียบร้อย พลันปล่อยหมัดใส่คนทั้งคู่ทันที

สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ประกายความโหดเหี้ยมวาบเข้ามาในแววตาของชายร่างผอม เขาเองก็ปล่อยพลังเต็มที่ในการต่อสู้เช่นกัน ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อว่าโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของหวังเป่าเล่อจะใช้การได้หลังจากที่ถูกผนึกไปแล้ว เขาคิดว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุผลอื่น และไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ตราบใดที่ไม่ใช่อำนาจของโล่ ก็ไม่ยากที่เขาจะสยบผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายด้วยพลังปราณของตัวเองได้!

ดวงตาของผู้ฝึกตนอ้วนที่อยู่ข้างกายเป็นประกายวาบ เขาขยับตัวหนีในทันที หมายจะออกจากที่แห่งนี้ผ่านรอยแยกเบื้องหลัง หวังเป่าเล่อมองภาพตรงหน้า หลังจากที่ควบคุมโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาเรียบร้อยแล้ว เขาตัดสินใจไม่สนใจผู้ฝึกตนอ้วนและพุ่งเข้าชนผู้ฝึกตนร่างผอม

เสียงที่เกิดจากการปะทะนี้ดังสนั่นไปทั่วสนามรบ แต่เสียงกรีดร้องแหลมสูงน่าสยองขวัญของผู้ฝึกตนร่างผอมกลับดังเสียยิ่งกว่า แขนขาของเขาระเบิดเละเทะ ร่างถูกซัดไปด้านหลังพร้อมเลือดที่สาดกระจายไปทุกหนแห่ง หวังเป่าเล่อพุ่งตามไปทัน ชายหนุ่มจับศีรษะอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจับโยนไปที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณเบื้องล่าง

มาอยู่กับบิดาเจ้าเสียดีๆ !

ภาพนี้ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์แบบทั้งสามตกใจเป็นอันมาก ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่อยู่รายรอบก็เช่นกัน ทุกคนมองมาที่หวังเป่าเล่อด้วยสายตาราวกับเห็นผี

มีเพียงผู้ฝึกตนอ้วนเท่านั้นที่หลบหายนะไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด หน้าของเขาซีดเผือด ดวงตามืดมนด้วยความกลัว ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังรอยแยกและกำลังจะหนีออกไปได้แล้ว แต่หวังเป่าเล่อไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ ชายหนุ่มกำลังจะขยับตัวไล่ตามไป แต่พลังขั้นจิตวิญญาณอมตะก็ระเบิดออกมาจากรอยแยกเสียก่อน แขนยักษ์ก่อตัวขึ้น ยืนออกมาสู่โลกภายนอก มันพุ่งผ่านผู้ฝึกตนอ้วนไป มุ่งหน้าเข้าหาหวังเป่าเล่อ!

เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสพลังของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะจากมือยักษ์ ดวงตาของชายหนุ่มก็เป็นประกาย เขากดความต้องการสู้ลง ขยับตัวหนี พร้อมเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบนและตะโกนก้อง

“กองทหารปลาคุนสีเขียว เจ้ากลัวพ่ายแพ้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าส่งพวกจิตวิญญาณอมตะมาต่อกรกับข้าเพราะอยากจะยึดกองทหารเล็กๆ ของข้ารึ ถ้าเช่นนั้นจะมอบสิทธิ์ในการตั้งกองทหารมาให้ข้าทำไมกัน ในอนาคตเจ้าจะหาใครอยากมาร่วมมือกับเจ้าได้อีก แล้วการโกงซึ่งๆ หน้าเช่นนี้จะทำให้คนอื่นอยากต่อสู้เพื่อเลื่อนอันดับตนเองได้อย่างไร ท่านปรมาจารย์ ข้ายอมรับว่าแอบซ่อนกลเม็ดการหลอมโล่เอาไว้เพื่อป้องกันตัวเอง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเวทชั้นดีทุกคนก็ทำเช่นนี้มิใช่หรือ ข้า หลงหนานจื่อคนนี้ ไม่มีวันยอมรับการกระทำของกองทหารปลาคุนสีเขียวเด็ดขาด!”

คำพูดของหวังเป่าเล่อทำให้มือยักษ์ชะงักงัน ในตอนนั้นเองเสียงชราก็ดังกังวานไปทั่วห้วงอวกาศ

“กองทหารผ่าวิญญาณชนะ!”

ทันทีที่ผลแพ้ชนะถูกประกาศ แขนนั้นก็สั่นเล็กน้อย ก่อนจะหยุดควานหาตัวหวังเป่าเล่อ แขนยักษ์คว้าร่างของผู้ฝึกตนอ้วนที่รอดตายหวุดหวิดไปแทน และหายไปจากรอยแยกในห้วงอวกาศ

การต่อสู้ได้ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อย ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามจากสำนักเมฆาปฐพีตัวสั่นสะท้าน ดวงตาหมดสิ้นซึ่งความหวัง พวกเขารู้ดีว่าชะตากรรมใดกำลังรอผู้แพ้อยู่ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ และผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะที่ถูกหวังเป่าเล่อเหวี่ยงลงบนดาวเคราะห์จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ต่างพากันกระอักเลือดออกมาด้วยความอาดูร

ส่วนชายหนุ่มที่เป็นผู้กำชัย บัดนี้กำลังมองไปที่เรือบินรบสีเขียวและผู้ฝึกตนจำนวนมากด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้ารวยเละแล้ว!” เสียงพึมพำของชายหนุ่มเบาราวเสียงกระซิบ

………………..