“ประธานเซียว คุณบอกฉันได้ไหมคะว่าทำไมต้องให้ฉันไปจากเซียวจิ่งสือ” หลินหว่านพอฟังว่าเซียวเฉียงให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือ ก็รู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก เธอถามอย่างสงสัยอยากรู้
เซียวเฉียงฟังแล้ว ปรายตามองหลินหว่านอย่างดูถูก พูดว่า “ทำไมฉันต้องให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือ? ฮึ! เพราะเธอมีอิทธิพลต่อเขามากเกินไปแล้ว! บ้านตระกูลเซียวกำลังปฏิบัติการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ป แต่เขากับยอมละเว้นบ้านตระกูลอันเพราะเธอ ทำให้แผนการทั้งหมดแทบจะล้มเหลว”
“นี่…” หลินหว่านสะดุ้งตกใจ เรื่องนี้…เป็นความจริงงั้นเหรอ เซียวจิ่งสือยอมวางมือกับบ้านตระกูลอันเพราะเธอจริงๆ เหรอ?
“จิ่งสือ เขาเป็นผู้สืบทอดกิจการของบ้านตระกูลเซียว ต่อไปต้องดูแลกิจการทั้งหมดของบ้านตระกูลเซียว รวมทั้งวั่นหย่ากรุ๊ป ฉันไม่อยากเห็นและหวังว่าคราวหน้าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก! ส่วนเธอ…” เซียวเฉียงใช้สายตารังเกียจกวาดมองหลินหว่านแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงเย็นว่า “เธอเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเขา การที่เธออยู่ข้างๆ เขา ถ้าเขายังจะทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้เพราะเธออีก จะช้าเร็วเขาคงต้องถูกเธอทำลายแน่!”
“ฉัน…” หลินหว่านคิดจะอธิบายกับเซียวเฉียงว่าเธอไม่รู้ว่าเซียวจิ่งสือจะปล่อยบ้านตระกูลอันเพราะเธอ “ประธานเซียวคะ ขอโทษค่ะ เรื่องนี้ฉันไม่ทราบเรื่องจริงๆ ”
“งั้นเหรอ?” เซียวเฉียงพอฟังคำอธิบายของหลินหว่านก็มองเธอแล้วพูดอีกว่า “แต่ก็ไม่เป็นไร คุณหลินคงเคยได้ยินคำว่า ‘ชาติตระกูลที่เหมาะสมทัดเทียมกัน’ มาบ้างล่ะมั้ง การแต่งงานของจิ่งสือเขาไม่อาจกำหนดได้เองหรอกนะ ต่อให้เขาไม่ได้แต่งกับคนของบ้านตระกูลอัน ก็ต้องเป็นตระกูลมีชื่อเสียงอื่นๆ สรุปก็คือ ผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ใช่เธอแน่ๆ!”
หลินหว่านฟังคำพูดของเซียวเฉียงแล้ว สีหน้าทุกข์ใจสุดๆ หัวใจตกวูบเหมือนหล่นลงเหวลึกอย่างนั้น ใบหน้ากลายเป็นขาวซีด นิ่งอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วครู่
เซียวเฉียงเห็นว่าหลินหว่านไม่พูดอะไร นึกว่าเธอยังไม่ยินยอมพร้อมใจ จึงตวัดสายตาคมราวกับเหยี่ยวมาที่เธอ แล้วเอ่ยปากว่า “คุณหลิน คุณลองคิดดูให้ดีเถอะ คุณกับจิ่งสืออยู่ด้วยกันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ แถมยังกลับเป็นตัวถ่วงเขาอีก เพียงแค่คุณไปจากเขาจึงจะเป็นการช่วยเขาที่ดีที่สุด”
เขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้มีอิทธิพลต่อลูกชายเขาเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก อิทธิพลเช่นนี้ถ้าหากไม่ตัดขาดเสียก่อน ปล่อยให้แผ่ขยายออกแล้ว จะช้าเร็วเซียวจิ่งสือจะพังด้วยมือของหลินหว่าน
“ค่ะ…ประธานเซียว ฉันรับปากคุณ ฉ…ฉันจะไปจากเซียวจิ่งสือ” แต่คิดไม่ถึงว่า หลินหว่านแค่ชะงักไปครู่หนึ่งก็รีบรับปากตกลง
หลินหว่านรู้ว่าเรื่องนี้ล้วนมีเหตุมาจากเธอ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงไปจากเซียวจิ่งสือ
เซียวเฉียงเห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่อยู่ต่อหน้าเธอ กลับพูดด้วยท่าทางเป็นปกติว่า “ดีมาก คุณหลิน ดูท่าแล้วคุณคงจะรู้ตัวดีนี่”
“ประธานเซียวชมเกินไปแล้วค่ะ” หลินหว่านยิ้มขื่น พูดอีกว่า “งั้น ประธานเซียวคะ ถ้าหากคุณไม่มีเรื่องอื่น ฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
“รอเดี๋ยว” เสียงของเซียวเฉียงยับยั้งหลินหว่านที่กำลังจะจากไป “คุณหลิน ยังไงคุณก็รับนี่ไปเถอะนะ” พูดพลาง เซียวเฉียงก็ยื่นตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้หลินหว่าน
“ฉันทำเรื่องนี้ก็เพื่อรับรองว่าเธอจะไปจากจิ่งสืออย่างเด็ดขาดได้จริงๆ ต่อไปจะไม่มาปรากฏตัวที่ข้างเขาอีก” เซียวเฉียงเอ่ยขึ้น ขณะมองดูหลินหว่านที่นิ่งงันไป
หลินหว่านยิ้มขื่นอยู่ในใจ พูดว่า “ประธานเซียวนี่ ช่างคิดได้รอบคอบจังนะคะ”
พูดจบ เธอก็หยิบตั๋วเครื่องบิน แล้วจากไปอย่างเงียบงัน
เซียวเฉียงนิ่งมองดูเงาหลังที่จากไปของหลินหว่าน คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือจะพูดง่ายขนาดนี้
พอหลินหว่านจากมาแล้ว ก็หยิบตั๋วเครื่องบินขึ้นมาดูอย่างละเอียด เที่ยวบินพรุ่งนี้บ่าย ปลายทางเป็นเมืองเล็กๆ ในต่างประเทศแห่งหนึ่ง
เห็นได้ชัดเลยว่าเซียวเฉียงอยากจะให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือโดยเร็วขนาดไหน
หลินหว่านเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง พอขึ้นรถ คนขับก็ถามเธอว่าจะไปไหน หลินหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็บอกที่อยู่ของบริษัทเซียวจิ่งสือ
ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว เธออยากทำตามใจตัวเองบ้าง พบหน้าเซียวจิ่งสือ บอกลากันด้วยดี ได้อยู่ร่วมกันในโอกาสสุดท้าย
“คุณหนู คุณหนูครับ ถึงแล้วครับ” เสียงของคนขับปลุกให้หลินหว่านตื่นจากความทรงจำที่เธอกับเซียวจิ่งสือเคยมีร่วมกัน หลินหว่านกล่าวขอบคุณ ชำระค่าโดยสารแล้วลงจากรถ
เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านมาหาเขาถึงบริษัท ก็รู้สึกดีใจกับประหลาดใจมาก เขาวางมือจากเอกสารตรงหน้า พูดอย่างดีใจว่า “หว่านหว่าน คุณมาได้อย่างไรน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากจะมาหาคุณเท่านั้นน่ะ” หลินหว่านพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ ยิ้มพลางตอบเขา จากนั้นเธอแอบปรายตามองเอกสารบนโต๊ะ เมื่อครู่เอกสารที่เซียวจิ่งสือดูอยู่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปหรือเปล่านะ? เขายังไม่ยอมทิ้งแผนการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปอีกเหรอ
เซียวจิ่งสือเห็นท่าทีผิดปกติของหลินหว่านทันที ปกติเธอจะไม่เป็นฝ่ายมาหาเขา และไม่มีท่าทีต่อเขาแบบนี้
เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่าน จากนั้นแกล้งทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอผิดปกติ พูดว่า “งั้นดีเลย หว่านหว่าน คุณพักผ่อนที่นี่สักครู่ก่อน เดี๋ยวพอผมดูเอกสารนี้เสร็จ ค่อยไปทานข้าวกับคุณนะ”
หลินหว่านมองดูนาฬิกาติดผนังห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ ยังมีเวลาก่อนเซียวจิ่งสือจะเลิกงานอีกช่วงเวลาหนึ่ง ดูท่าว่าเธอมานี่กะทันหันไปจริงๆ เธอผงกศีรษะ ยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ”
หลินหว่านมองดูใบหน้าด้านข้างของเซียวจิ่งสือที่กำลังอ่านเอกสารอย่างสงบ จู่ๆ หลินหว่านก็ใจเต้นระทึกขึ้นมา นึกถึงเมื่อครู่เซียวเฉียงบีบให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือ เธอถอนใจออกมาเบาๆ
“เซียวจิ่งสือ คุณรู้ไหมคะว่าพ่อแม่ของฉันท่านเป็นคนอย่างไร?” จู่ๆ ในห้องทำงานที่เงียบสงบ เซียวจิ่งสือได้ยินเสียงของหลินหว่านถามขึ้น
เซียวจิ่งสือหยุดพลิกหน้าเอกสาร ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นพูดกับหลินหว่าน “ผมไม่รู้หรอก คุณเป็นอะไรเหรอ หว่านหว่าน?”
เขาเห็นว่าหลินหว่านมองดูเขาอยู่ แต่กลับไม่พูดอะไร สีหน้าหม่นหมอง เขาเดาว่าวันนี้เธออาจจะมาด้วยเรื่องแผนการซื้อเทียนซิงกรุ๊ป เซียวจิ่งสือพูดปลอบหลินหว่าน “หว่านหว่าน ถึงผมจะไม่รู้ แต่คุณบอกผมได้นี่นา ผมอยากจะฟังเรื่องของพ่อแม่คุณมากเลยนะ”
จากนั้น หลินหว่านก็เริ่มเล่าความทรงจำในวัยเด็กของเธอ
“แม่ของฉันคุณก็รู้จัก ตอนยังมีชีวิตเธอเป็นราชินีจอเงินในยุคหนึ่งเชียวนะ แต่หลังจากเธอให้กำเนิดฉันแล้วก็มีชื่อเสียงตกต่ำลงไปมาก อันโฮ่วสยงเห็นว่าฉันกับแม่เป็นความอัปยศของบ้านตระกูลอัน
“ส่วนพ่อของฉัน…”
หลินหว่านเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เหมือนจมอยู่กับความทรงจำในอดีต จากนั้นพูดต่อว่า “ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร แต่ว่าตอนที่ฉันยังเล็กมากๆ นั้น แม่ฉันเคยพูดถึงเขาให้ฉันฟังครั้งหนึ่ง เธอบอกว่า เขาเป็นคนรูปร่างสูงแล้วก็หล่อมากคนหนึ่ง ฉันเป็นลูกของเขา แต่เธอไม่ยอมพูดออกไปหรอก เพราะเธอจะปกป้องเขา…”