พวกผู้หญิงแสนจะชาญฉลาด

เบอร์ส่วนตัวของโหลวลั่วดังขึ้นในเวลาอย่างนี้ แสดงว่าต้องไม่ใช่เรื่องงาน

“ลูกหมาน้อยของเธอเหรอ”

โหลวลั่วส่งเสียงตอบในลำคอ ปลายนิ้วจิ้มลงบนขอบมือถือ กดปุ่มอัดเสียงตอบ “ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บริษัท กำลังคุยกับเพื่อน คุณอยากโดนคนมุงดูไหมล่ะ?”

วินาทีถัดมาก็มีข้อความส่งเข้ามาอีก

‘ไม่เป็นไร รู้สึกเป็นเกียรติด้วยซ้ำ’

โหลวลั่วหยักยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคำตอบ พวกเพื่อนๆ พูดไว้ไม่ผิด ลูกหมาน้อยของเธอเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก

แต่หากมองจากมุมการจ้างงาน ใครบ้างที่จะไม่ชอบคนที่พูดจาให้เราชอบใจ

เธอยังรู้สึกอีกด้วยว่าตลาดแรงงานยังขาดคนแบบนี้อีกเยอะ

หากเธอเจอล่ะก็ จะซื้อตัวมาทำงานในบริษัทตัวเองแน่นอน

“ประธานโหลวยิ้มด้วย” แม่หมอแซว “นั่นไง พลังแห่งความรัก”

“พูดอะไรกัน อ้อนเธออีกแล้วใช่ไหม? พวกเด็กหนุ่มตอนแรกๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ท่าทางกับเธอจะอยู่นานหน่อย”

หลังจากแชร์ที่อยู่ให้ผ่านแอพลิเคชัน โหลวลั่วก็เก็บมือถือ สบตาเพื่อนๆ  “เขาจะมารับฉัน เดี๋ยวพวกเธอจะได้เห็นแล้ว”

พวกเธอสี่คนได้รู้จักกันโดยบังเอิญมาสองปีแล้ว

ไม่ว่าชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไร เมื่อพามาพบหน้าพวกเธอ อย่างน้อยสุดก็ได้รับการยอมรับแล้ว

“ได้เห็นตัวจริงหน่อยก็ดีเหมือนกัน ดูซิว่าเจ้าลูกหมาน้อยหน้าตาเป็นยังไงถึงกระชากใจของประธานโหลวได้”

โหลวลั่วหัวเราะเสียงเบา “ก็อยากถามความเห็นพวกเธอเหมือนกัน”

“ฉันรู้น่ะว่าประธานโหลวไม่ทอดทิ้งฉันหรอก” แม่หมอเอียงตัวซบบ่าอีกฝ่าย ก่อนจะ “วางใจได้ ฉันจะวิเคราะห์ให้เธอเป็นอย่างดีเลยละ!”

โหลวลั่วหันมามองอย่างไม่ใส่ใจนัก “เขาเรียนด้านภาษาซี น่าจะเพิ่งจบ”

คนที่นั่งด้วยกันต่างเข้าใจ

ก่อนหน้านี้เวลาพวกเธอคบใครก็ตามก็ล้วนมาเจอหน้ากันเสมอ

ต่อให้มีฐานะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่เยอะมาก

ทว่าหนุ่มของโหลวลั่วคงจะไม่เหมือนกับผู้คนที่พวกเธอรู้จักเมื่อก่อน

เพราะพฤติกรรรมที่ไม่ชอบออกเที่ยว ชอบแค่รอคอยคนกลับบ้าน ไม่มีหนุ่มน้อยที่ไหนทำได้

พวกเธอเคยได้ยินโหลวลั่วรับสายจากฝ่ายนั้นสองสามครั้ง ต่างรู้สึกว่าชายหนุ่มว่านอนสอนง่ายมากอย่างน่าแปลก

แถมโหลวลั่วยังบอกด้วยว่าชายหนุ่มจบด้านภาษา C น่าจะเป็นพวกเด็กเนิร์ดสายวิทย์ที่สวมแว่นตา?

ไม่เพียงแต่พวกเธอที่คิดอย่างนี้

กระทั่งสาวน้อยคนหนึ่งที่เดินมาก็คิดเช่นเดียวกัน

หล่อนกำลังควงแขนชายที่ดูหน้าตาดีคนหนึ่ง ทว่าสายตาของชายคนนั้นเอาแต่จับจ้องที่โหลวลั่ว

และด้วยเหตุนี้ สาวน้อยคนนั้นจึงหัวเราะ “ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าจะได้เจอพี่โหลวและพี่หร่านที่นี่ด้วย เมื่อกี้พี่หร่านกำลังพูดถึงแฟนใหม่ของประธานโหลวเหรอคะ เรียนภาษา C ด้วย?”

แม่สาวคนนั้นเอ่ยพลางย่นหัวคิ้วนิดๆ “ดูไม่เหมาะกับพี่โหลวเลยนะคะ พวกที่เรียนด้านนี้ที่มหาวิทยาลัยพวกเรา ส่วนมากไม่ค่อยมีอนาคตหรอกค่ะ”

โหลวลั่วจึงออกปากบ้าง โดยยังคงถือถ้วยชาไว่ “ฉันรู้สึกว่าเหมาะสมก็พอ”

“เรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่เหมาะหรือไม่เหมาะหรอกนะคะ” สาวน้อยว่าพลางหันไปมอง เห็นสายตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องที่ตัวโหลวลั่ว “ต่อให้หาแฟนใหม่มารักษาแผลใจก็ควรจริงจังหน่อย เพราะพี่โหลวก็อายุตั้งขนาดนี้แล้ว”

“รักษาแผลใจ แผลของใครเหรอ?” บุคลิกของโหลวลั่วยังเป็นเช่นเดิม

แม้เธอจะนั่งอยู่ แต่ออร่าของความเป็นนักธุรกิจยังคงไม่ลดทอน

ราวกับกำลังบอกว่า หล่อนประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปนะ

สำหรับฉันแล้ว หล่อนมันก็แค่ของเล่นเท่านั้น

มีผู้หญิงน้อยคนที่จะสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้คนอื่น

ทว่าโหลวลั่วไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา

…………………………………….

คุณป๋อมารับ

ตัวเธอเองก็ทำให้คนสงสัยใคร่รู้ได้อยู่แล้ว เธอสามารถใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปีทำให้บริษัทรุดหน้าได้อย่างที่น้อยคนจะทำได้

เวลานี้แค่เธอเลิกคิ้ว ก็ทำให้ผู้ชายคนนั้นรู้ตัวว่าไม่เคยได้เข้าใกล้เธอเลยแม้แต่น้อย

กระทั่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ ออร่าของเขายังถูกบดบังไปกว่าครึ่ง

พูดกันตามจริง ถ้าเอาชนะผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้ ความภาคภูมิใจในตัวเองย่อมหายไปแน่

 “คุณไม่เปลี่ยนเลยสักนิดจริงๆ” ใบหน้าของชายคนนั้นหม่นหมอง แม้แต่พูดยังต้องเหน็บแนม “เธอก็แค่เสนอความเห็นเท่านั้นเอง”

สาวน้อยคนนั้นรีบคว้าโอกาส เอ่ยปลอบเสียงเบา “อย่าโกรธเลยค่ะ” พูดแล้วก็หันไปมองโหลวลั่ว “บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจพี่โหลวเลยนะคะ ยอมทิ้งผู้ชายดีๆ ไปอย่างไม่แยแส แต่กลับไปเลี้ยงดูไอ้หน้าอ่อน เดี๋ยวนี้คนที่อายุมากขึ้นชอบคนที่อ่อนกว่าทั้งนั้น หวังว่าพี่โหลวจะไม่โดนผู้ชายหลอก ต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งตัวเหมือนเพื่อนข้างๆ นะคะ”

หร่านจิ่งได้ยินแล้วอยากหยิบไม้ทันที

ทว่าโหลวลั่วตอบโต้อย่างเฉยชา “พวกเราคบกับแฟน ก็เหมือนที่ผู้ชายข้างเธอคบเธอนั่นแหละ ชอบแบบเอ๊าะๆ มันเป็นเรื่องปกติน่ะ”

สาวน้อยคนนั้นได้ยินแล้ว สีหน้าดูไม่ได้ทันที “หมายความว่าไง เอาฉันไปเปรียบเทียบกับผู้ชายที่พวกพี่เลี้ยงงั้นเหรอ?”

หากไม่ใช่เพราะคนบางคนใกล้มาถึงแล้ว ตามปกติโหลวลั่วคงไม่โต้ตอบอีกฝ่าย เพราะเห็นว่ามันน่าเบื่อและไร้สาระมาก

แต่คนบางคนกลับเห็นความสำคัญ ก็เลยคิดว่าคนอื่นต้องเป็นอย่างตัวเอง

นอกจากเพื่อนๆ แล้ว คนที่มามุงดูต่างมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นกันหมด เหมือนกลัวว่าจะไม่มีเรื่องอย่างนั้น

คล้ายจะเอาเรื่องไปเล่าต่อกันเรื่อยๆ

หากเธอไม่ต่อปากต่อคำ ก็โดนกล่าวหาว่าเธอยังอาลัยอาวรณ์ในตัวผู้ชายคนนี้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้แย่งผู้ชายคนนั้นกลับมาจากสาวน้อยก็ตาม

หากเธอต่อปากต่อคำ ก็จะโดนหาว่าไม่สำเหนียกตัวเอง ไปแย่งผู้ชายสู้กับสาวน้อย

ตลก เธอจะไปแย่งชิงอะไร ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอไม่สนใจทั้งนั้น

แม้แต่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าก็เช่นกัน

แต่เพราะช่องว่างระหว่างวัย จึงมีสภาพจิตใจที่ต่างกัน

การที่ยังไม่รู้เรื่องให้ชัดเจนก็อาละวาดจนคนเข้ารู้กันหมด ในสายตาของคนอื่นอาจมองว่านี่คือความกล้าหาญ กล้าที่จะเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ได้

เสียงดังเท่ากับมีเหตุผล ความคิดเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถูกกำจัดไปได้

ส่วนพวกที่ชอบซุบซิบส่งต่อข่าว คนก็ยังรู้สึกว่าไม่เลวและน่าสนุกดีเหมือนกัน

โหลวลั่วกวาดตามองคนที่เดินเข้ามาจากด้านข้าง เธอเห็นพวกนั้นกำลังถ่ายรูป รู้ว่าคนบางคนมีความสุขกับการซุบซิบนินทา กระทั่งเอาความเห็นตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วส่งต่อข่าวสารในทางไม่ดี

เธอหันไปมองพลางเอ่ยเสียงเย็นชาดังเดิม “เธอคิดมากไปแล้ว”

“พี่ไม่ต้องเอาฉันไปเปรียบเทียบ” สาวน้อยส่งเสียงหยัน “ฉันเป็นคนที่เขาเลือก นี่เป็นเรื่องจริง”

โหลวลั่วคิดว่าตัวเองอาจจะอายุมากไปแล้วจริงๆ เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง เธอวางถ้วยชาลง “ไม่มีใครเอาเธอไปเปรียบเทียบหรอกนะ เธอไม่คิดหรือว่าวันนี้เธอพูดอย่างนี้กับฉัน พรุ่งนี้จะมีคนเอาไปลือต่อว่าพวกเราทะเลาะกันใหญ่โตเพื่อจะแย่งผู้ชายคนหนึ่ง? มันใช่เหรอ? ความจริงก็คือฉันกำลังปกป้องแฟนฉัน เขาอายุน้อยก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นไอ้หน้าอ่อน ในสายตาของฉัน เขาดีกว่าผู้ชายข้างๆ เธอมากกว่าสิบเท่าอีกนะ…”

แทบจะทันทีที่โหลวลั่วพูดจบ เสียงจากอีกฝั่งหนึ่งก็ลอยเข้ามา…

…………………………………….