บทที่ 220

การก่อตัวของจิตสำนึก

“น่าสนใจ ข้าอาจจะเสียวิญญาณแท้จริงไปถึงครึ่งเพื่อยึดครองร่างของเจ้า แต่แล้วมันอย่างไร? ร่างกายของเจ้าถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่แท้จริง” เงาเริ่มหัวเราะและส่งกำปั่นขนาดใหญ่ออกไป

กำปั่นดูเหมือนมันจะครอบคลุมพื้นที่ในจิตใจทั้งหมด

บูม!

ดาบยาวแตกออกและหลี่ฟู่เฉินก็บินกลับออกไปด้านหลัง

“ทรงพลังยิ่ง” หลี่ฟู่เฉินหายใจหอบ

ดาบยาวถูกสร้างขึ้นด้วยจิตสำนึกของเขาและเมื่อมันแตกออก จิตสำนึกของเขาก็ได้รับความเสียหายไปด้วย

“ดับไปซะ!”

เงาร่างมนุษย์ขยายตัวและสูงขึ้นราวกับท้องฟ้า หลังจากนั้นไม่นาน มันก็ส่งกำปั่นมาที่เขาซ้ำแล้วซ้ำอีก หลี่ฟู่เฉินถูกกระแทกด้วยแรงอันมหาศาล

หลี่ฟู่เฉินดูราวกับมด ถูกทุบตีทั่วทุกที่และไม่มีทางใดที่จะต่อต้านได้เลย

“ก่อนที่ข้าจะเสียจิตวิญญาณของข้าไป ข้าจะไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะต้องตาย​!”

หากเป็นคนอื่น พวกเขาอาจยอมแพ้ไปแล้วสำหรับการต่อต้านทุกรูปแบบ

และเมื่อความตั้งใจที่จะต่อต้านได้หายไป​ จิตวิญญาณก็จะอ่อนแอ​ลง

ตัวตนของหลี่ฟู่เฉินยังคงดำรงอยู่ การดำรงอยู่นี้ดูแล้วคล้ายกับดาบที่สง่างาม

ปิสสส!

หลี่ฟูเฉินฟันลงไปหนึ่งครั้งที่กำปั้นของเงารูปร่างมนุษย์

“เจ้าสามารถสร้างบาดแผลให้ข้าได้จริงๆ?!” เงาร่างมนุษย์คำราม

หากจิตวิญญาณแท้จริงของใครคนหนึ่งหมดลง มันก็จะค่อยๆ ฟื้นคืนมาอย่างช้าๆ แต่ถ้าวิญญาณแท้จริงของใครเสียหาย มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะกู้คืนมา และจะส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะในอนาคต

แม้มันอาจจะเป็นเพียงแค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่มันก็ทำให้เขาโกรธมาก​

“เจ้ามีดาบ งั้นแล้วข้าก็ทำได้เช่นกัน”

ดาบขนาดยักษ์สูงตระหง่านปรากฏอยู่ในมือของเงาร่างมนุษย์ จากนั้นดาบก็ผ่าลงมาที่หลี่ฟู่เฉิน

ซึบ!

หลี่ฟูเฉินรู้สึกราวกับว่าจิตใจของเขาถูกแยกออกจากกัน พลังงานดาบนี้ถูกควบแน่นจนถึงขีดสุด

ฉับ!

ดาบที่เกิดจากจิตสำนึกของเขาและร่างของหลี่ฟู่เฉินกลับกลายเป็นพร่ามัว และกระจายออกไปเหมือนหมอก​

นี่เป็นสัญญาณว่าจิตสำนึกกำลังจะแตกสลาย

“ข้าไม่ยอม! ข้าไม่ต้องการยอมแพ้!”

หลี่ฟู่เฉินคำรามเสียงต่ำ

“ความสามารถของข้าอาจไม่แข็งแรงพอ แต่ทำไมจิตวิญญาณของข้าถึงจะต้องอ่อนแอตาม…”

“งั้นแล้วต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถต่อกรผู้เชี่ยวชาญเทพยุทธ์วิญญาณได้? ข้า หลี่ฟู่เฉินไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าข้าจะต้องเผชิญกับความตายก็ตามที”

จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้ง

แต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่ร่างของหลี่ฟู่เฉิน มันยังมีดาบที่ทีพลังฉีหนาแน่นที่ก่อขึ้นมาด้วยอีกเล่ม

ภายในดาบนั้นบรรจุจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินเอาไว้ จิตสำนึก รวมถึงความไม่ยอมแพ้

ดาบนี้เป็นทุกสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินสามารถใส่ลงไปได้ เขาลืมตัวตนของตัวเองไปแล้วรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างด้วย ความคิดเดียวของเขาในตอนนี้ คือการต่อสู้จนจบและตายอย่างไม่เสียใจ

ฉับ!

ด้วยการรวมกันระหว่างมนุษย์และดาบ หลี่ฟู่เฉินพุ่งเข้าหาเงาร่างมนุษย์ตนนั้น

เงานั้นชักดาบกลับมาและป้องกันเอาไว้

ปิสส!

เมื่อมนุษย์กับดาบรวมเข้าด้วยกัน ทักษะต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินก็คล่องแคล่วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาสามารถหลบดาบฟันสวนกลับของเงานั้นได้อย่างง่ายดาย เพียงไม่นาน เข้าก็พุ่งเข้าไปและเจาะเงาร่างนั้นได้

เงามนุษย์ร่างนั้นคำรามขึ้นฟ้า หน้าอกของเขามีรูขนาดยักษ์ วิญญาณแท้จริงทั้งหมดที่อยู่ในหลุมนั้นได้หายไป

ความเสียหายครั้งนี้คือสิบเท่าหรือมากกว่าการโจมตีครั้งก่อน

สิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิมคือความจริงที่ว่าเขาเป็นวิญญาณแท้จริงที่เหนือกว่าการคงอยู่ของขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ และเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากเด็กเหลือขอนี้จริงๆ มันเป็นความอัปยศที่ราวกับถูกมือมาตบหน้า

“เจ้าทำให้ข้าโกธร!”

ร่างเงามนุษย์หดตัวลงจากนั้นก็ปล่อยสภาวะพลังวิญญาณที่น่าหวาดกลัวออกมา ซึ่งมันได้ไปห่อหุ้มดาบที่หลี่ฟู่เฉินได้สร้างขึ้น

สภาวะพลังวิญญาณแท้จริงต้องการการเผาไหม้จากวิญญาณแท้จริงถึงจะปลดปล่อยออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันต้องเป็นเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณแท้จริงที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้

สภาวะพลังวิญญาณแท้จริงมีความสามารถในการตรึงความว่างเปล่าเอาไว้และมีกฎบางอย่างที่ขัดต่อสวรรค์และโลก

ภายใต้การสกดข่มของสภาวะพลังวิญญาณแท้จริง ดาบของหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว

ฉึบ!

ด้วยการกวัดแกว่งดาบเพียงครั้งเดียว ดาบของหลี่ฟู่เฉินก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ นี่ก็หมายความว่าจิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินเองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเช่นกัน

“ฮึ่ม เป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอแต่ก็ยังกล้าแสดงอาการท้าทายต่อหน้าข้า? อย่าโทษข้าที่ต้องทำให้การคงอยู่ของเจ้าหายไป” เงารูปร่างมนุษย์เยาะเย้ย สำหรับร่างแรกๆ เขาเพียงแค่ยับยั้งสติของพวกนั้น ก็ในเมื่อเขาต้องการสำรวจความทรงจำของพวกเขาอย่างช้าๆ แต่จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินนั้นถูกทำลายโดยเขาและแม้แต่เหล่าเทพเจ้าก็ไม่สามารถช่วยหลี่ฟู่เฉินได้

มองไปยังจิตวิญญาณสีฟ้าอ่อน เงารูปร่างมนุษย์ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่อ้าปากค้าง

หากเขาดูดซับจิตวิญญาณที่ดูน่าหวาดกลัวดวงนี้ได้ เขาคงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าระดับการรับรู้ของเขาจะประสบความสำเร็จในระดับใด เมื่อถึงตอนนั้น คงจะไม่มีใครสามารถกำจัดเขาได้​

เงาที่มีรูปร่างมนุษย์ส่องประกายและเงาตนนั้นก็ล่องลอยไปยังจิตวิญญาณสีฟ้าอ่อน

ตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน เขาไม่สามารถเห็นการดำรงอยู่ของเครื่องรางทองคำได้

เครื่องรางทองคำเป็นสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินมองเห็นได้คนเดียวเท่านั้ย

บูม!

เมื่อเขากำลังจะเข้าสู่จิตวิญญาณสีฟ้าอ่อน แสงสีทองก็ถูกปล่อยออกมาทันที มันเข้ามาต้านทานเงาร่างมนุษย์​ตนนั้น

จิตวิญญาณสีฟ้าอ่อนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโปร่งใส ในขณะที่เครื่องรางทองคำปลดปล่อยแสงสีทองไร้ขอบเขตออกมา ภายใต้แสงสีทองเหล่านี้ จิตสำนึกที่แตกสลายไปแล้วของหลี่ฟู่เฉินค่อยๆ เริ่มก่อตัว ในเวลาเดียวกัน เงาร่างมนุษย์ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

“เครื่องรางทองคำ? นี่มันอะไร?” เงาร่างนั้นกลายเป็นหวาดกลัว

เขาเป็นวิญญาณแท้จริงที่อยู่เหนือขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณ แต่เขาก็ถูกสกดข่มและไม่สามารถแม้แต่จะขยับนิ้วได้

“มดปลวกที่อ่อนแออย่างเจ้ากล้าที่จะแทรกซึมอยู่ในจิตวิญญาณของร่างที่ข้าเลือก? เจ้าถามหาความตายแล้ว” นี่เป็นครั้งแรกที่เครื่องรางทองคำกล่าว

“เจ้าเป็นใคร?” เงาร่างมนุษย์สั่นเทา

ความรู้สึกนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความกลัวที่จะเผชิญกับมหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลก

มหาเต๋าแห่งสวรรค์และโลกคือการดำรงอยู่ที่สูงที่สุดที่รู้สึกได้แต่ทว่ามองไม่เห็น

แต่เครื่องรางทองคำอันนี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่กว่ามหาเต๋าผู้ยิ่งแห่งสวรรค์และโลก

“มดปลวกที่อ่อนแอเช่นเจ้า ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าข้าดำรงอยู่จริง ไปให้พ้น!”

แสงสีทองทวีความรุนแรงขึ้นและเริ่มกัดเซาะเงาร่างมนุษย์

“นี้มัน ไม่จริง!”

ชั่วพริบตาเดียว เงาของมนุษย์กลายเป็นของเหลวหยดหนึ่งซึ่งส่องประกายออกมาเล็กน้อย

ของเหลวหยดนี้บริสุทธิ์มากและถึงแม้มันจะถูกขยายโดยพันล้านเท่า ก็จะยังไม่มีร่องรอยของสิ่งปนเปื้อน

ทันทีที่เงาถูกกัดเซาะ จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินก็ได้นรับการก่อตัวใหม่

“ทำไมจิตสำนึกของข้าถึงยังไม่แตกสลายหายไป?”

เมื่อจิตสำนึกของเขาถูกทำลาย หลี่ฟู่เฉินรู้สึกเหมือนทุกสิ่งจมอยู่ในความมืดและในไม่ช้าเขาก็สูญเสียประสาทสัมผัสทั้งหมดไป

หลังจากปรับขนาดร่างกายที่เกิดขึ้นจากจิตสำนึกเสร็จสิ้น หลี่ฟู่เฉินพบว่ามันมีความข้นมากกว่าเดิมสิบเท่า สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากเจตจำนง แต่รู้สึกเหมือนกับมันเป็นอะไรที่มีมาแต่เดิมอยู่แล้ว

เจตจำนงและจิตสำนึกไม่มีความสัมพันธ์ที่ตายตัว

เมืือวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น ก็ยิ่งมีสติมากขึ้น​ นี้ถึงจะถูกต้อง

แต่ยิ่งมีสติมากขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าวิญญาณจะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินอาจจะไม่ได้ด้อยไปกว่านักสู้ขอบเขตสวรรค์ แต่จิตวิญญาณของเขาอาจจะด้อยกว่านักสู้ขอบเขตสวรรค์

“หยดของเหลวนี้คือ?”

เบนความสนใจของเขาออกไปจากจิตสำนึกในร่างของตนเอง หลี่ฟู่เฉินมองดูของเหลวในใจของเขา

ของเหลวหยดนี้บริสุทธิ์มากและมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ มันส่งผลทำให้หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถระงับการบริโภคมันเข้าไปได้จริงๆ

หลี่ฟูเฉินก้าวเข้าใกล้การหยดของของเหลว

ในขณะที่ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินอยู่ห่างจากของเหลวเพียงก้าวเดียว มันก็วิ่งเข้าสู่ร่างกายเข้าไปจิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินโดยอัตโนมัติ

ในช่วงเวลาต่อไป จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินก็แตกออกและกลับมารวมตัวอีกครั้งจากนั้นก็แตกและก็กลับมารวมตัวอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา

เวลาไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะหลี่ฟูเฉินไม่รู้สึกถึงการไหลของเวลาอีกต่อไป

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าใด ในที่สุดร่างจิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินก็หยุดแตกออกและก่อตัว

ร่องรอยของสติที่ไม่ชัดเจนก็ส่องออกมาจากตัวของหลี่ฟู่เฉิน

“สติของข้าควบตัวเข้าหากันต่างจากเดิมอย่างน้อยร้อยเท่า” หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นตกตะลึง

ร่างจิตวิญญาณของเขารู้สึกว่าได้รับการยกระดับโดยสมบูรณ์รวมถึงเทคนิคการปรับแต่งร่างกายระดับสูงเองก็เช่นกัน มันเข้มข้นยิ่ง และสัญชาตญาณของเขาก็บอกเขาว่าตอนนี้จิตสำนึกของเขาเหนือกว่านักสู้ขอบเขตสวรรค์หรือแม้แต่กระทั่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนกำเนิดเสียอีก