ตอนที่ 25 ค้นพบแล้ว! โดย Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินทางไปทั่วทุกหนแห่งราวกับพระธุดงค์ สำแดงเขตลวงครั้งแล้วครั้งเล่า ความจริงแล้วด้วยความแกร่งกล้าของวิญญาณของเขาและความสูงส่งของระดับขั้น! เดินทางไปทั่วทุกหนแห่งสำแดงเขตลวง… เขาต้องการเพียงแค่หยิบเอาพลังจิตหนึ่งในร้อยส่วนมาจัดการก็เพียงพอแล้ว ความคิดจิตใจส่วนใหญ่ของเขาก็ยังอยู่กับการบำเพ็ญ แม้กระทั่งทุกครั้งที่สำแดงเขตลวงสิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตก็จ่อมจมอยู่ภายในเขตลวง ทุกชีวิตต่างก็ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการวิวัฒน์ที่แตกต่างกันภายในเขตลวง ทั้งยังทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงมีความรู้เกี่ยวกับ ‘วิถีโลกเทียม’ ที่แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น
ความเคร่งครัดก็เป็นการบำเพ็ญชนิดหนึ่งเช่นกัน
……
ณ รัฐเยวี่ยเฟิ่งแห่งโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา
รัฐเยวี่ยเฟิ่งเป็นรัฐที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ประมุขรัฐคนก่อนโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่ได้ใจประชาชน ผู้บำเพ็ญจำนวนมากแอบไม่สบายใจสักเท่าไร แต่ก็จนใจ…ในโลกของผู้บำเพ็ญนั้นผู้แกร่งกล้าเป็นใหญ่ เหล่าผู้บำเพ็ญภายในรัฐก็ได้แต่อดทน ต่อมาประมุขรัฐคนปัจจุบันปรากฏขึ้น เป็นเพราะเขามีความแค้นต่อประมุขรัฐคนก่อน ก็ถึงกับตรงเข้าไปสังหารถึงในพระราชวัง สังหารประมุขรัฐคนก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ถูกแต่งตั้งเป็นประมุขรัฐคนใหม่
จากนั้นเป็นต้นมา วารวันในรัฐเยวี่ยเฟิ่งก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
หนึ่งคือประมุขรัฐมีพลังยุทธ์กล้าแกร่งขึ้น เล่าลือกันว่าเป็นระดับชั้นที่สี่ของเจดีย์ดาวขั้นสุดยอด เพียงพอที่จะทำให้บริเวณโดยรอบพรั่นพรึง
สอง ประมุขรัฐมีอุปนิสัยที่ดี ชมชอบการบำเพ็ญ ไม่มีธุระก็ปลีกวิเวก ประชาชนชาวเมืองบ่อมชมชอบประมุขรัฐเช่นนี้อยู่แล้ว
“ปัง”
ประตูห้องเงียบเปิดออก
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งคนปัจจุบันรูปร่างผอมสูง รูปโฉมหล่อเหลางดงาม นัยน์ตาทั้งสองลึกล้ำ มีเสน่ห์ร้ายกาจ ถึงแม้ว่าจะเป็นบุรุษแต่ก็มีเสน่ห์เหลือล้น
“ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทเพคะ” เมื่อเหล่าหญิงรับใช้ภายในวังมองเห็นประมุขรัฐ แต่ละคนก็ย่อมทักทายอย่างเคารพนบนอบ
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งอมยิ้มพลางพยักหน้าแล้วเอ่ยสั่งว่า “ข้าจะอาบน้ำ จัดแจงให้เรียบร้อยด้วย”
“เพคะ” เหล่าหญิงรับใช้ภายในวังต่างก็ชมชอบกันเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าประมุขรัฐคนปัจจุบันมีอุปนิสัยที่ดีอย่างแท้จริง อ่อนโยนกับพวกนางผู้เป็นสาวใช้เหล่านี้เป็นอย่างมาก
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งเดินมายังที่สูงแห่งหนึ่งของพระราชวังตามลำพัง มองไปยังราวจับ มองไปยังจันทร์แรมกลางผืนฟ้าแล้วเขาก็ยิ้มน้อยๆ
ฟิ้ว
ทันใดนั้นก็เหินบินทะยานสู่ท้องฟ้าแล้วหายลับไป
ในนครเล็กๆ อันไกลโพ้นแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลจากรัฐเยวี่ยเฟิ่งเป็นอย่างยิ่ง ปราการเมืองกินอาณาบริเวณห้าล้านลี้ ขนาดของปราการเมือง…ก็ไม่สามารถบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเมืองได้ เพราะมีเมืองที่ขั้นรวมเป็นหนึ่งปกครองบางแห่งก็อาจหาญสร้างเมืองที่มีอาณาเขตสิบล้านลี้หรือแม้กระทั่งหลายสิบล้านลี้ แต่ถ้าใหญ่โตเกินไป เมื่อใดที่ถูกมารโจมตี ขั้นรวมเป็นหนึ่งก็ไม่มีทางปกป้องได้อย่างสมบูรณ์
ดังเช่นเมืองอลหม่านสิบสามแห่งภายใต้อำนาจของวังทวีสูญ ทุกแห่งล้วนมีอาณาบริเวณเพียงแค่ร้อยล้านลี้เศษเท่านั้น นี่เป็นเมืองที่โลกทิพย์สร้างขึ้น ทั้งยังไม่กล้าสร้างให้ใหญ่โตเกินไป หากสร้างขึ้นมาได้แต่ไม่มีปัญญาคุ้มครองความปลอดภัยก็มิใช่เรื่องน่าขันหรืออย่างไร
สำหรับผู้บำเพ็ญแล้วหากนึกอยากจะสร้างปราการเมืองที่ใหญ่โตกว่านี้ก็มิใช่เรื่องยากแต่อย่างใดเลย แต่สิ่งที่ยากก็คือ…ต้องสามารถรับประกันความปลอดภัยได้
“หืม”
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งปรากฏตัวขึ้นที่ท้องฟ้าเบื้องบนของนครแห่งนี้แล้วมองลงมายังเบื้องล่าง
ปราการเมืองอาณาเขตห้าล้านลี้ จำนวนประชากรภายในปราการเมืองก็ไม่นับว่ามาก มีเพียงแค่ราวๆ หนึ่งในสามของรัฐเยวี่ยเฟิ่งเท่านั้น แต่จำนวนคนนั้นมีหน่วยนับเป็น ‘ร้อยล้าน’ คน
“มิได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสมานานแล้ว” ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งหัวเราะเสียงต่ำ
ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างแผ่ซ่านออกมาแล้วปกคลุมนครเบื้องล่างเอาไว้ทั้งหมดในทันใด
พลังยุทธ์ของประชากรทั้งหมดภายในนครถูกผนึกเอาไว้ มิอาจเอื้อนเอ่ยวาจา อีกทั้งยังไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้อีกด้วย
“มาสิ” ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งยื่นมือออกไป พรึ่บๆๆ… ประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนเหินลอยขึ้นแล้วลอยเข้าไปในแขนเสื้อของประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งจนหมดสิ้น ทั่วทั้งนครเบื้องล่างเปลี่ยนเป็นว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ แปรเปลี่ยนเป็นเมืองที่ว่างเปล่าบริสุทธิ์
……
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งกลับไปถึงพระราชวัง น้ำในบ่ออาบน้ำร้อนอยู่ก่อนแล้ว
“ถอยออกไปให้หมด”
“เพคะ”
เหล่าสาวใช้ต่างพากันถอยออกไปจนหมด
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งเอนกายอยู่ภายในบ่ออาบน้ำคนเดียวตามลำพัง แช่น้ำในสระ ใบหน้าเจือรอยยิ้ม ผ่อนคลายร่างกาย “ในโลกของผู้บำเพ็ญ เป็นประมุขรัฐของรัฐแห่งหนึ่งช่างแสนสบายยิ่งนัก ยังมีอาหารเลิศรสของข้าอีกด้วย” เขาโบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้น ‘คนตัวจิ๋ว’ หลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เขาอ้าปากกว้างแล้วกลืนกินลงไป เกรงว่าเมื่อพลังการกลืนกินปรากฏขึ้น คนตัวจิ๋วเหล่านี้ก็ไม่มีทางต้านทานได้ ทุกคนบินเข้าไปในปากของเขา ‘คนตัวจิ๋ว’ จำนวนมากต่างก็เผยสีหน้าหวาดกลัว หรือแม้กระทั่งกรีดร้อง แต่กลับมิอาจส่งเสียงใดๆ ออกมาได้เลย
เอื้อก เอื้อก เอื้อก…
ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งเคี้ยวกลืนกินตามใจชอบ บนใบหน้าเผยสีหน้าเปี่ยมสุขออกมา
“ถึงแม้ว่าจะควบคุมความกระหายในการทำลายล้างเอาไว้ได้ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังเป็นฝูงมารผลาญทำลาย ความรู้สึกที่ได้กลืนกินผู้บำเพ็ญก็ช่างแสนสบายเหลือเกิน” ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งสุขสันต์อย่างหาใดเปรียบ เขาก็เป็นเช่นนี้ บางครั้งบางคราวก็ออกไปข้างนอกสักครั้งหนึ่งแล้วจับเป็นประชากรของนครสักแห่งมาทั้งหมดแล้วกินบางส่วนเป็นระยะๆ พอกินหมดแล้วก็ออกไปจับมาใหม่อีกครั้ง
ด้วยพลังยุทธ์ของเขาก็ย่อมไม่หลงเหลือร่องรอยหลักฐานใดๆ อยู่เลย
ทางฝั่งผู้บำเพ็ญ…ก็ไม่มีทางมั่นใจได้ว่าเป็นฝีมือของฝูงมารผลาญทำลาย หรือเป็นพญามารของเหล่ากลืนกินสักตนหนึ่งที่เป็นผู้กระทำ
ถึงอย่างไรเขาก็เป็น ‘อ๋อง’ ในบรรดาฝูงมารผลาญทำลาย แข็งแกร่งเหลือเกินสำหรับนครเล็กๆ อันไกลโพ้นเหล่านั้น! แข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้กระทั่งช่องว่างให้ต้านทานสักเล็กน้อยก็ยังไม่มี
“ตำราของระบบทิพย์เล่มนั้นก็ซับซ้อนเกินไปเสียแล้ว การบำเพ็ญเหล่ากลืนกินก็ง่ายดายเกินไป น่าเสียดายที่ไม่เหมาะสมกับพวกเราฝูงมารผลาญทำลายเลย” ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งส่ายศีรษะเงียบๆ ใคร่ครวญตำราที่ปลีกวิเวกบำเพ็ญไปก่อนหน้านี้ สำหรับพวกเขาแล้ว ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์และระบบทิพย์นั้นต่างก็มีส่วนช่วยเหลือเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่สามารถยกระดับการวิวัฒน์พรสวรรค์ได้ ทว่าการบำเพ็ญนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน
……
ณ รัฐเยวี่ยเฟิ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นมาถึงยังสถานที่ที่ห่างไกลจากรัฐเยวี่ยเฟิ่งก่อน หลังจากนั้นค่อยเคลื่อนที่ในพริบตามายังบริเวณใกล้เคียง เขาทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ไปตรวจตราสถานที่ทุกแห่ง! เขาไม่กล้า ‘ส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น’ ไปยังพื้นที่เป้าหมายโดยตรง เพราะการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้น… หากฝูงมารผลาญทำลายพบเข้า ฝูงมารผลาญทำลายก็อาจตกใจจนหนีไปในทันที
การเคลื่อนที่ในพริบตาเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยอย่างยิ่ง
“รัฐเยวี่ยเฟิ่งหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นปราการเมืองของนครแห่งนี้แล้ว เขาก็มิได้ใส่ใจสักเท่าใดนัก ถึงอย่างไรเขาก็ทำการสืบเสาะมากว่าสองพันล้านปีแล้วก็ยังไม่เคยหาฝูงมารผลาญทำลายพบสักตนเดียวเลย! โลกช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน ฝูงมารผลาญทำลายก็ยิ่งมีเพียงน้อยนิด การจะหาพบได้นั้นช่างเป็นเรื่องยากเย็นอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกำลังเดินทางอยู่ แต่ความคิดจิตใจทั้งหมดล้วนอยู่กับการบำเพ็ญทั้งสิ้น
สวบ…
ก้าวยาวๆ ก้าวหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มาถึงยังท้องฟ้าเบื้องบนของรัฐเยวี่ยเฟิ่ง ในขณะเดียวกันก็วางเขตลวงขนาดมหึมาอันหนึ่งลงไปอย่างเชี่ยวชาญยิ่ง
ความใหญ่โตของเขตลวงนั้นสามารถปกคลุมทั่วทั้งรัฐเยวี่ยเฟิ่งได้อย่างง่ายดาย
ในขณะนี้เหล่าประชากรจำนวนนับไม่ถ้วนของรัฐเยวี่ยเฟิ่งต่างก็พากันจ่อมจมอยู่ภายในเขตลวง แม้กระทั่งเหล่าปศุสัตว์ที่ถูกเพาะเลี้ยงเอาไว้เหล่านั้นต่างก็ติดกับอยู่ในเขตลวง เพียงครู่เดียวทั่วทั้งรัฐเยวี่ยเฟิ่งก็เปลี่ยนเป็นเงียบสงบอย่างยิ่ง แม้กระทั่ง ‘พระราชวังรัฐเยวี่ยเฟิ่ง’ ที่มีการรักษาการณ์เข้มงวดอย่างยิ่ง ยามรักษาการณ์พระราชวังและเหล่าสาวใช้นั้นต่างก็ติดกับอยู่ภายในเขตลวงจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน
เงียบสงัดไปหมด
มีเพียงประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งที่นั่งอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว ก่อนหน้านี้ยังให้เหล่าสาวใช้ป้อนสุราชั้นเลิศป้อนผลไม้อย่างผ่อนคลายอยู่ ในยามนี้เหล่าสาวใช้ข้างกายกลับเข้าสู่เขตลวงไปกันจนหมดสิ้น ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองไปในทันใด สายตาทะลุผ่านกำแพงสิ่งกีดขวาง มองไปเห็นชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่อยู่กลางท้องฟ้าเบื้องบนของโลกภายนอก
เช่นเดียวกัน…
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ค้นพบประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งผู้นี้เช่นเดียวกัน เพราะว่านี่คือคนผู้เดียวจากภายในทั้งรัฐเยวี่ยเฟิ่งที่มิได้จมอยู่ในเขตลวง
“เขาเป็นใครกัน อ้างอิงจากข้อมูล ประมุขรัฐเยวี่ยเฟิ่งก็เป็นเพียงแค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งเท่านั้น กระทั่งพลังยุทธ์ระดับชั้นที่ห้าของเจดีย์ดาวก็ยังไม่มีเลยเสียด้วยซ้ำ เหตุใดจึงไม่ได้รับผลกระทบจากเขตลวงของข้าเลยแม้แต่น้อยเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยสีหน้ายินดี เป็นไปได้ว่าในที่สุดก็พบฝูงมารผลาญทำลายเข้าเสียแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะดังขึ้น
ท้องฟ้าเบื้องบนของทั้งรัฐเยวี่ยเฟิ่งมีริมฝีปากขนาดยักษ์สีดำทะมึนอันหนึ่งปรากฏขึ้นมาในทันที ช่องปากนี้ยังใหญ่โตยิ่งกว่าปราการเมืองทั้งหมดเสียอีก ภายในช่องปากนั้นดำสนิทลึกล้ำเสียจนมองไม่เห็นก้น เขาปกคลุมทั่วทั้งปราการเมือง และปกคลุมตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“ค้นพบข้าแล้วหรือ ผู้บำเพ็ญเอ๋ย ยินดีกับเจ้าด้วยจริงๆ นะ” เสียงหัวเราะยังคงสะท้อนก้องอยู่ในหูของตงป๋อเสวี่ยอิง
“เฮือก!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็น‘ปาก’ขนาดมหึมาหาใดเปรียบที่ปรากฏอยู่ที่ท้องฟ้าเบื้องบนแล้วก็หน้าถอดสีโดยไม่รู้ตัว ปากขนาดมหึมาหาใดเปรียบนั้นกลืนกินมุ่งลงมายังเบื้องล่างในทันใด ทั่วทั้งปราการเมืองด้านล่างพลันบิดเบี้ยวแหลกสลาย สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนก็แหลกสลายเช่นเดียวกัน พลังกลืนกินอันน่าหวาดหวั่นขุมนั้นก็ส่งผลต่อร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงเช่นเดียวกัน
“แย่แล้ว เป็นเทพจักรวาล!” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจจนอุทานเสียงดัง
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าฝูงมารผลาญทำลายที่แฝงตัวเข้ามาตนแรกที่ตัวเองพบเข้าจะเป็นเทพจักรวาล!
………………………………………………