ตอนที่ 2641 พลังการต่อสู้ของสภาสิบแปดปีก

การปรากฎขึ้นอย่างกระทันหันของพื้นที่ว่างบนบันไดของแท่นบูชานั้น มันทำให้สมาชิกของไวโอเล็ทซอร์ดและหอการค้าซูเงียบลงไปด้วยความตกตะลึงทันที

“นี่พวกเขายังปกปิดพลังส่วนหนึ่งของตัวเองไว้ตลอดเวลางั้นหรอ ?” หยานเซี่ยว
เฉียนอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสงสัย ขณะที่เธอจ้องมองไปยังไซเร้นวอร์นเดอร์

หลังจากปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของตัวเองได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้ว หยานเซี่ยวเฉียนก็คิดว่าเธอน่าจะตามไซเร้นวอร์นเดอร์ทัน หรือไม่ก็อาจจะเหนือกว่าไปแล้ว เพราะท้ายที่สุดในแง่ของมาตราฐานการต่อสู้นั้น ไซเร้นวอร์นเดอร์พึ่งจะเข้าสู่ขอบเขตอนันต์เมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่เธออยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามตอนนี้ …

“นี่สมาชิกสภาสิบแปดปีกทุกคนเป็นสัตว์ประหลาดกันหมดเลยรึไง ?!” ดวงตาของโฟลตติ้งไลท์เบิกกว้างด้วยความตกใจ ขณะที่เขามองไปยังไวโอเล็ตคลาวด์ และไซเร้นวอร์นเดอร์ที่กำลังทำการเปิดทางให้ทั้งทีม

แค่ต้องรับมือกับไทรออลขั้นสูงพร้อมกันสามตัว เขาก็มีปัญหามากแล้ว แต่ปัจจุบันไวโอเล็ตคลาวด์ และไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นยังคงเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับนักรบไทรออล และไทรออลขั้นสูงหลายร้อยตัว มันไม่มีมอนสเตอร์ในการทดสอบตัวใดที่จะสามารถเข้าไปใกล้ทั้งสองในระยะสามสิบหลาได้เลย ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมันไม่น่าเชื่อเลย

แม้แต่คริมสันสตาร์และไวน์ไฟเตอร์ก็ไม่สามารจะเทียบกับไวโอเล็ตคลาวด์และไซเร้นวอร์นเดอร์ได้ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือหญิงสาวทั้งสองนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“ดี !!! ทุกคนรีบติดตามทั้งสองไปเรื่อยๆเลย !!!” อควาโรสรีบออกคำสั่งทันที โดยไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับความแข็งแกร่งที่ไวโอเล็ตคลาวด์ และไซเร้นวอร์นเดอร์ได้แสดงออกมา

เมื่อได้ยินคำสั่งของอควาโรส สมาชิกของหอการค้าอาซู และไวโอเล็ทซอร์ดนั้นก็ฟื้นคืนจากอาการตกตะลึงอย่างรวดเร็ว และรีบติดตามสมาชิกสภาสิบแปดปีกเข้าไปในระยะปลอดภัยสามสิบหลาที่ทั้งสองสาวสร้างขึ้น

ในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งทีมนั้นสามารถจะเข้าใกล้ลิชโบราณได้เรื่อยๆ เพราะท้ายที่สุดด้วยการประสานงานกันโจมตีของไวโอเล็ตคลาวด์กับไซเร้นวอร์นเดอร์นั้น มันทำให้มอนสเตอร์โดยรอบไม่สามารถเข้าใกล้ทั้งทีมได้เลย

“แน่นอนเลยว่าทั้งสองคนนั้นได้บรรลุมาตราฐานที่สูงมากของขอบเขตจิตวิญญาณแล้ว ดาบเวทย์มนต์ที่ทั้งสองใช้โจมตีทุกเล่มนั้นล้วนถูกผสมผสานเทคนิคการต่อสู้ไว้ทั้งหมด นี่มันราวกับว่าพวกเขาได้หลอมรวมเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเข้ากับจิตวิญญาณของพวกเขาไว้แล้ว” ซินฟูลเฟรมพึมพำอย่างประหลาดใจ ในขณะที่เขามองไปยังดาบเวทย์มนต์ที่บินวนอยู่รอบๆทีม

“พวกเขาได้หลอมรวมเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเข้ากับดาบเวทย์มนต์ของพวกเขาทุกเล่มงั้นหรอ ? มันเป็นไปได้ยังไงกัน ?” หยานเซี่ยวเฉียนอุทานออกมา เมื่อเธอได้ยินคำพูดของซินฟูลเฟรม

เพียงแค่ใช้เทคนิคการต่อสู้ตามปกติมันก็ยากมากแล้ว และการใช้เทคนิคการต่อสู้ติดต่อกันอย่างรวดเร็วนั้นก็ยากยิ่งกว่า นี่ไม่ต้องพูดถึงการใช้เทคนิคการต่อสู้หลายร้อยครั้งพร้อมกันเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่น่ากลัว และบ้าเอามากๆ ….

“อย่างไรก็ตามเท่าที่ฉันเห็นก็คือ พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนในการทำแบบนั้น และในความเป็นจริงพวกเขาก็ทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับการหายใจด้วย” ซินฟูลเฟรมกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น ขณะที่เขาตอบคำถาม และตอบสนองต่อความประหลาดใจของหยานเซี่ยวเฉียน “ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไม่ใช่แค่สองคนจากสภาสิบแปดปีกที่ทำได้ ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าแบล๊คเฟรมนั้นจะสามารถรับมือกับมอนสเตอร์แบบนี้ได้จำนวนมากแค่ไหน ….”

ขณะที่ซินฟูลเฟรมและหยานเซี่ยวเฉียนกำลังพูดคุยกัน ทั้งทีมก็มาถึงในระยะห้าสิบหลาห่างจากลิชโบราณภายใต้การนำของไวโอเล็ตคลาวด์ และไซเร้นวอร์นเดอร์

อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งทีมเข้าใกล้ลิชโบราณมาจนถึงระยะนี้ได้ ดาบเวทย์มนต์ที่ทั้งเรียกออกมานั้นก็ได้เริ่มโปร่งแสงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าระยะเวลาในการใช้งานสกิลนี้ของพวกเขาใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว และเมื่อเห็นแบบนี้ทุกคนในทีมก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความกังวลใจเพิ่มขึ้น

แม้ว่าการเข้ามาใกล้บอสในการทดสอบได้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ตอนนี้จำนวนมอนสเตอร์ในการทดสอบที่อยู่รอบๆบอสนั้นมันก็เกินความคาดหมายของพวกเขาไปมาก ซึ่งหากพวกเขาสูญเสียการป้องกันจากดาบเวทย์มนต์เหล่านี้ไป พวกเขาก็จะไม่สามารถป้องกันมอนสเตอร์ในการทดสอบพวกนี้ได้แน่นอน

“ทุกคน ไปรวมตัวกันรอบๆบอส และโฟกัสไปที่การโจมตีมัน !!! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Summer กับฉันรั้งท้ายเอง !!!” อควาโรสตะโกนผ่านแชททีม เมื่อเธอเห็นว่าดาบเวทย์มนต์กำลังจะหายไป และเธอก็รีบวิ่งไปที่ด้านหลังสุดของทีมทันที

“นี่ …”

ทุกคนนั้นตกตะลึงกับคำพูดของอควาโรส

แม้ว่าบันไดแท่นบูชาจะมีความกว้างเพียงหกสิบหลา แต่ผู้เล่นนักเวทย์หลายร้อยคนก็ยังจะไม่สามารถปิดทางและหยุดการไหลบ่าเข้ามาของมอนสเตอร์พวกนี้ที่มีหลายพันตัวได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นนักเวทย์สองคนเลย ซึ่งหากพวกเขาไปทำแบบนี้ มันจะเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

โดยปกติวิธีการทั่วไปที่ทีมผู้เชี่ยวชาญมักจะใช้ในสถานการณ์นี้ก็คือ การส่งผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดจำนวนหนึ่งไปหยุดมอนสเตอร์จำนวนมากไว้ สำหรับเรื่องผลลัพธ์นั้นมันก็ต้องวัดใจกันไปอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามตอนนี้อควาโรสกับคิดจะทำสิ่งนี้ด้วยผู้เชี่ยวชาญเพียงสองคน เธอต้องบ้าไปแล้วแน่นอน !!!

อย่างไรก็ตามก่อนที่คริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์จะทันได้ตอบรับข้อเสนอของอควาโรส อควาโรสก็ได้เริ่มร่ายเวทย์ไปแล้ว โดยวงเวทย์สีน้ำเงินเข้มขนาดมหึมา ซึ่งทำมุมเล็งไปทางบันได้ก็ปรากฎขึ้นเหนือหัวของเธอทันที

และเมื่อเธอเคาะไม้เท้าของเธอลงกับพื้น กระแสน้ำก็ไหลทะลักออกมาจากวงเวทย์ และซัดลงจากบริเวณที่วงเวทย์อยู่เข้าท่วมและกวาดมอนสเตอร์ทั้งหมดกลับลงไปด้านล่างของบันไดทันที

หลังจากที่กระแสน้ำกวาดมอนสเตอร์ทั้งหมดให้กลับลงไปด้านล่างของบันไดแล้ว Alluring Summer ที่ยืนอยู่ข้างอควาโรสก็ได้ร่ายเวทย์ของเธอเสร็จสิ้น โดยมันก็มีบาเรียสายฟ้าปรากฎขึ้นบริเวณด้านบนของบันไดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าถึง

อย่างไรก็ตามในขณะที่บาเรียไฟฟ้าหยุดการรุกคืบของมอนสเตอร์ในการทดสอบได้ แต่มันก็ไม่ได้ปิดกั้นการโจมตีของมอนสเตอร์ในการทดสอบที่กำลังเข้ามา ในช่วงเวลาหนึ่งมอนสเตอร์ในการทดสอบทุกตัวก็สามารถจะยิงธนูเข้าโจมตีอควาโรส และ Alluring Summer ได้

ทุกคนนั้นรู้สึกว่าขนหัวพวกเขานั้นลุกเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นห่าฝนลูกธนูหลายพันดอกกำลังพุ่งเข้ามา อย่างไรก็ตามก็ราวกับว่าทั้งสองเป็นผีเสื้อที่สง่างาม อควาโรส และ Alluring Summer ก็ได้ทำการโบกคทาของเธอ และหยุดการโจมตีที่เข้ามาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย โดยมันก็ไม่มีลูกธนูดอกใดเลยที่สามารถโจมตีโดนทั้งสองได้

“อึก !! นี่สภาสิบแปดปีกเป็นกิลแบบไหนกัน ?!”

โฟลตติ้งไลท์อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นอควาโรส และ Alluring Summer หยุดการโจมตีของมอนสเตอร์ในการทดสอบหลายพันตัวได้

ในขณะนี้ไม่ต้องพูดถึงโฟลตติ้งไลท์เลย แม้แต่โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนที่อยู่ฝึกร่วมกับสมาชิกสภาสิบแปดปีกมาระยะหนึ่งก็ยังตกตะลึงกับฉากนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รู้จักสภาสิบแปดปีกอีกครั้ง

ทุกคน หยุดตกตะลึงกันได้แล้ว !!! เราต้องช่วยหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจัดการกับบอสโดยเร็วที่สุดนะ !!!” คริมสันสตาร์กล่าวผ่านแชททีม หลังจากที่เธอหายจากอาการงุนงงและตกตะลึง

เมื่อได้ยินคำเตือนของคริมสันสตาร์ สมาชิกของไวโอเล็ตซอร์ด และหอการค้าอาซูก็ฟื้นตัวจากอาการตกตะลึงและงุนงงกันในทันที อันที่จริงตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาดูฉากที่อควาโรส และ Alluring Summer แสดงเลย การจัดการกับลิชโบราณซึ่งเป็นบอสในการทดสอบให้ได้นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

จากนั้นทุกคนในทีมก็พุ่งเข้าใส่ลิชโบราณทันที และพวกเขาก็เริ่มช่วยเหลือซือเฟิงกับเสวี่ยเหวินโหรวจัดการบอสในการทดสอบ
แม้ว่าโซล๊อคจะทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว บอสตัวนี้นั้นมันก็ยังเป็นบอสที่เน้นไปทางด้านสายเวทย์มนต์ และหลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามของมันอยู่ในระยะประชิดของมันแล้วนั้น มันก็จะจัดว่าโชคดีมากแล้ว หากสามารถแสดงพลังในการต่อสู้ออกมาได้สักครึ่งหนึ่งจากปกติของมัน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการก่อกวนอย่างต่อเนื่องของซือเฟิงและเสวี่ยเหวินโหรว มันก็ทำให้โซล๊อคนั้นไม่สามารถที่จะร่ายเวทย์ขั้นสี่แบบ AOE ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงคำสาปขั้นสี่เลย

HP ของลิชโบราณลดลงอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าซือเฟิงจะกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์แล้ว แต่โซล๊อคก็ยังคงถูกลด HP ให้น้อยลงไปอย่างต่อเนื่อง และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง HP ของลิชโบราณก็ลดลงเหลือยี่สิบเปอเซ็นต์แล้ว

“มนุษย์ที่น่ารังเกียจ !!! ฉันจะทำให้พวกแกต้องจ่ายอย่างสาสมที่กล้ามาขัดขวางการสังเวยเพื่อเทพปีศาจ !!!” โซล๊อคตะโกนลั่น

หลังจากนั้นปริมาณมานาที่น่าสะพรึงกลัวมันก็ระเบิดออกมาจากร่างของโซล๊อค ซึ่งมันก็ทำให้เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงจนทำให้ทุกคนปลิวกระเด็นไปไกลกว่าสามสิบหลา

“ไม่ดีแล้ว !!! มันจะใช้สกิลตามธรรมชาติของลิช !!!” คริมสันสตาร์จ้องมองไปยังโซ
ล๊อคที่กำลังเข้าสู่สถานะบ้าคลั่งด้วยสีหน้ามืดมน “ทุกคนรีบถอยห่างออกจากบอสเร็วเข้า !!!”

ใน God domain ทุกเผ่านั้นล้วนมีสกิลที่ทรงพลังที่เป็นต้นกำเนิดจากเผ่าตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นลมหายใจมังกร ของเผ่ามังกร ขณะเดียวกันลิชนั้นก็มีสกิลโลกน้ำแข็งที่เป็นสกิลต้นกำเนิดจากเผ่าของตัวเอง ซึ่งสกิลนี้ไม่เพียงแต่จะทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันยังไม่สามารถถูกขัดจังหวะได้อีกด้วย

ซึ่งตราบใดที่สกิลโลกน้ำแข็งถูกเปิดใช้งานนั้น ใครก็ตามที่อยู่ในระยะของสกิลที่ไม่มีค่าความต้านทานน้ำแข็งมากเพียงพอก็จะได้รับความเสียหายจากน้ำแข็งมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป แถมยังจะโดนดีบัฟลดความเร็วในการเคลื่อนที่ด้วย

โชคดีที่สกิลโลกน้ำแข็งนั้นเป็นเพียงสกิล AOE ขนาดเล็กที่มีรัศมีสี่สิบหลาเท่านั้น ซึ่งมัก็ทำให้ผู้เล่นระยะไกลนั้นสามารถจะโจมตีจากนอกเขตสกิลได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามการโจมตีระยะไกลเข้าใส่บอสที่เน้นไปทางด้านเวทย์มนต์นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องดีมากนัก

“อย่าคิดว่ามันจะจบง่ายๆนะเว้ย !!!!” ซือเฟิงตะโกน ขณะที่เขาเปิดใช้งานสกิลโดเมนต้องห้ามของแหวนเจ็ดลูมินาลี่

ชั้นหมอกสีเทาเริ่มเข้าปกคลุมไปทั่วแท่นบูชา และมานาที่น่ากลัวที่อยู่รอบๆโซล๊อค
นั้นก็เริ่มกระจายตัวกันและหายไป เป็นผลให้ลิชโบราณไม่สามารถจะรวบรวมมานาได้เพียงพอที่จะเปิดใช้งานสกิลโลกน้ำแข็ง

ในท้ายที่สุดโซล๊อคนั้นไม่เพียงแต่จะไม่สามารถใช้สกิลได้เท่านั้น แต่มันยังอ่อนแอลงด้วย และด้วยการปราบปรามของโดเมนต้องห้าม ลิชโบราณตัวนี้ก็ร่ายได้แค่เวทย์ขั้นสามเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้มันลดความยากในการโจมตีของมันลงไปมากเลยทีเดียว

20%… 15%… 10%…

ในขณะเดียวกัน ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไปนั้น โซล๊อคก็เริ่มหมดหวังมากขึ้น และมันก็ได้เริ่มแลกพลังป้องกันพร้อมกับ HP ของมันเพื่อใช้เวทย์ขั้นสี่อย่างต่อเนื่องในการฆ่าผู้เล่น

เมื่อ HP ของลิชโบราณลดลงเหลือห้าเปอเซ็นต์ มันก็มีผู้เล่นน้อยกว่าหนึ่งร้อยคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่อย่างไรก็ตามโชคดีที่ค่าความเสียหายที่ทุกคนทำต่อลิชโบราณได้นั้นมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นลิชตัวนี้ยังคงผลาญ HP ของตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้เวทย์ที่รุนแรง เป็นผลให้ HP ของมันลดลงอย่างรวดเร็ว

“เร็ว !!! โจมตีด้วยทุกอย่างที่มีเลย !!! บอสใกล้จะตายแล้ว !!!” คริมสันสตาร์ตะโกนอย่างกังวล เมื่อเธอเห็นว่ามีผู้เล่นในทีมเหลือน้อยกว่าเจ็ดสิบคน

ในขณะนี้เธอสามารถบอกได้เลยว่าอัตราการลดของ HP ของโซล๊อคนั้นมันช้าลงมาก และแม้ว่าลิชโบราณจะมี HP เหลือเพียงสามเปอเซ็นต์ แต่มันก็ยังคงมี HP มากกว่าหนึ่งร้อยล้าน และเพื่อให้เรื่องแย่ลง ตอนนี้เวทย์และสกิลทั้งหมดที่แข็งแกร่งที่สุดของทุกคนล้วนอยู่ในคูลดาวน์ ซึ่งพวกเขาก็ไม่เหลืออะไรที่จะใช้เพิ่มค่าความเสียหายได้เลย

2%…

1%…

เมื่อ HP ของโซล๊อคลดลงเหลือต่ำกว่าหนึ่งเปอเซ็นต์ ณ จุดนี้มันก็เหลือผู้เล่นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้น้อยกว่ายี่สิบคนแล้ว ขณะเดียวันนอกจากโคล่า ตอนนี้ HP ของคนอื่นๆก็อยู่ในระดับวิกฤตแล้ว ตอนนี้ชีวิตของทุกคนกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายอย่างชัดเจน

ซือเฟิงได้ตัดสินใจที่จะระดมโจมตีต่อไปอีกสองถึงสามครั้ง ก่อนที่เขาจะยก Abyssal Blade ของเขาขึ้น

“ตายไปซะ !!!”

ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้ว !!!

หนึ่งการโจมตี … สองการโจมตี … สามการโจมตี …

ทุกครั้งที่ซือเฟิงใช้ดาบที่หนึ่ง ไลท์ชาโด้ว เขาจะสามารถลด HP ของลิชโบราณได้มากกว่าสามล้านต่อการโจมตีหนึ่งครั้ง และท้ายที่สุดหลังจากซือเฟิงใช้เทคนิคมานาไปสามครั้งติดกัน ใบหน้าของเขาก็ซีดลงอย่างน่ากลัว

อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังทน และเลือกจะใช้ไลท์ชาโด้วต่อไป ….

ห้าการโจมตี …

หกการโจมตี …

เจ็ดการโจมตี …

ในที่สุดหลังจากซือเฟิงใช้ไลท์ชาโด้วต่อเนื่องเป็นครั้งที่แปด HP ของโซล๊อคก็ลดลงไปเหลือศูนย์ จากนั้นลิชโบราณก็ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดออกมา ก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง ….