มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 590
เมื่อเห็นว่าสองสามคนแรกที่ทำการเคลื่อนไหวประสบความสูญเสีย จู่ ๆ ก็มีคนร้องตะโกนเพื่อเตือนเพื่อนของพวกเขา

บางคนไม่เชื่อในความร้ายกาจ พวกเขาบินขึ้นไปในอากาศด้วยพละกำลังทั้งหมด แต่ยิ่งเร่งความเร็วเท่าไร ก็ยิ่งล้มหนักขึ้นเท่านั้น บางคนถึงกับกระอักเลือดและหมดสติไปทันที

ผู้คนนับสิบตกลงมาในพริบตา แต่พวกที่ผลการฝึกตนค่อนข้างแข็งแกร่ง สามารถจ้องมองที่ความกดดันจากอากาศ ค่อย ๆ ดึงตัวเองให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เข้าใกล้กับตำแหน่งของแท่นบัวเพลิงอัคคี

ช่องว่างของพลังผลการฝึกตน ในเวลานี้ประจักษ์ชัดที่สุด แรงกดดันจากเบื้องบนนั้น นอกจากจะต้องใช้ผลการฝึกตนจำนวนหนึ่งเพื่อต่อต้าน ต้องมีความเข้าใจในขอบเขตของโลกยุทธ์เอง ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากอีกด้วย

ร่างหนึ่งสวมชุดสีแดงเพลิง ดูเหมือนว่าแม่หญิงประหลาดคนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันจากอากาศเลย ในไม่ช้านางก็บินไปที่แท่นบัวเพลิงอัคคีที่ใกล้ที่สุด

“องหญิงเล็กเซวียนเซวียนแห่งตำหนักอัคคีนภา!”

มีคนรู้จักตัวตนของแม่หญิงประหลาดคนนี้ และตำหนักอัคคีนภา ก็คือหนึ่งในห้าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรใต้

“ทำไมความแตกต่างถึงได้มากเช่นนี้?”

หนุ่มสาวหลายคนที่มาประลองยุทธ์ด้วยความมั่นใจย่อมเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นในใจ ในบรรดากองกำลังที่พวกเขาเป็นสมาชิก อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาได้ถือรัศมีของอัจฉริยะตั้งแต่เด็กยันโต แต่เมื่อเทียบกับอัจฉริยะเหล่านั้นจากแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่มีทางเทียบได้เลย

การรวมตัวกันแข่งขันของเหล่าอัจฉริยะ จะทำให้อัจฉริยะหลายคนถูกกระตุ้นเป็นสองเท่าตัว

“ซางหลัน กล้าแข่งกับข้าเสียหน่อยหรือไม่?”

ชายหนุ่มชุดดำ ใบหน้านิ่งเรียบพูดขึ้นด้วยความเย็นชา

ณ บริเวณใกล้ ๆ ชายหนุ่มชุดดำ ซางหลันสวมชุดสีม่วงที่เคยปรากฏตัวที่ภัตตาคารเทียนอีมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเขายิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“หยางเสวียน ในเมื่อเจ้าอยากแข่ง แข่งเสียหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร” ซางหลันพูดพร้อมรอยยิ้ม

ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ทั้งสองออกตัวพร้อม ๆ กันความเร็วราวกับปีศาจ สองหรือสามลมหายใจ พวกเขาได้ปรากฏบนแท่นบัวเพลิงอัคคีแล้ว

อัจฉริยะรุ่นเยาว์ได้ครอบครองแท่นบัวเพลิงอัคคีทีละคน ๆ มีหลายคนที่ค่อนข้างโดดเด่นออกมา

หลัวซิวเมื่อบินขึ้นไปถึงกลางอากาศ ก็รับรู้ได้ถึงความกดดันนั้น และความแข็งแกร่งของความกดดันนี้ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์แดนมกุฎยุทธ์ก็ยังยากต่อการทรงตัว

อย่างไรก็ตาม ความกดดันระดับนี้ สำหรับหลัวซิวแล้วไม่ได้ถือเป็นปัญหาอะไร ในตอนนั้นที่เดินขึ้นไปบนสำนักหลัวเทียนเขาได้เดินต้านพลังลมปราณของอนาคินพรีเมี่ยมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ขึ้นไปด้วยซ้ำ

“รอบแรกนี้เพิ่งเริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบไป”

หลัวซิวไม่ได้ไปอย่างเร็วที่สุดเพื่อครอบครองแท่นบัวเพลิงอัคคีก่อน และไม่มีความคิดที่จะเป็นจุดเด่นในเวลาเช่นนี้

เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็วมาก แต่ดูเหมือนไม่รีบร้อน ลักษณะการเดินเหมือนเดินชมทิวทัศน์ในสวนหลังบ้าน มันทำให้คนรู้สึกคาดเดาไม่ได้

มีชายหนุ่มรุ่นเยาว์มากมายที่อยู่ไม่ไกลจากแท่นบัวเพลิงอัคคีแล้ว แต่ร่างกายเหมือนเต็มไปด้วยตะกั่วและเคลื่อนไหวลำบาก ที่หลังเหมือนถูกกดทับด้วยภูเขา หายใจยากลำบาก สีหน้าหน้าแดงก่ำ

เมื่อหลัวซิวเดินผ่านหญิงสาวที่มีใบหน้าแดงก่ำ และก้าวไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก หญิงสาวเบิกตากว้าง “สบายเช่นนี้เลยหรือ? เจ้าหมอนี่ใช่คนหรือเปล่า?”

เมื่อจิตใจแปรปรวน ทันใดนั้นหญิงสาวก็ทนความกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี้ไม่ได้ ร่างกายตกลงไปที่ด้านล่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อหลัวซิวเดินขึ้นไป แท่นบัวเพลิงอัคคีร้อยแท่นยังเหลืออีกมากมาย เขาเหลือบมองแท่นหนึ่งโดยการสุ่ม จากนั้นก็สาวเท้าเดินบนอากาศตรงไปยังเป้าหมาย