บทที่ 1289 ลอบเข้าฐานบัญชาการ / บทที่ 1290 ปากหัวเราะฮ่าๆ ใจ MMP

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1289 ลอบเข้าฐานบัญชาการ

ปัญหาคือเยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจสักนิดเดียว ชีซิงนี่กับแบดเจอร์มีความสัมพันธ์ยังไงกันแน่ เป็นพี่น้องแท้ๆ หรือว่าญาติพี่น้องฝั่งแม่…หรือเป็นญาติพี่น้องฝั่งพ่อ

พันธมิตรอู๋เว่ยก็ดี แบดเจอร์ก็ดี เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจสักนิดเดียว ถึงตอนสุดท้าย เกรงว่าเธอต้องเผยพิรุธแน่นอน

เยี่ยหวันหวั่นเค้นสมอง คิดหาวิธีแอบชิ่งหนีกลางทาง แต่น่าเสียดาย ชีซิงไม่เปิดโอกาสให้เธอสักนิดเดียว รถมุ่งหน้าไปตลอด ไม่หยุดจอดสักครั้งเดียว…

ผ่านไปราวๆ ครึ่งวัน ทิวทัศน์ตรงหน้าก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ รถราขวักไขว่ ผู้คนเดินไปมาไม่ขาดสาย

มองทิวทัศน์ความเจริญฐในเมืองใหญ่ บวกกับตามคำบรรยายของคนตระกูลโจว เยี่ยหวันหวั่นคาดเดาว่าที่แห่งนี้ก็คงจะเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของรัฐอิสระ…เมืองอวิ๋น!

สำนักงานใหญ่ของเนี่ย จี่ เสิ่น หลิงสี่ตระกูลใหญ่ล้วนอยู่ที่เมืองอวิ๋น รวมถึงสมาคมสหพันธ์วิทยายุทธ และโรงเรียนทหารรับจ้าง…

ระดับความเจริญนี้เทียบกับเมืองหลวงประเทศจีนยังถึงขั้นว่าไม่ด้อยไปกว่ากัน อีกทั้งพื้นที่เมืองอวิ๋นยังกว้างขวางกว่า ใหญ่โตกว่าเมืองหลวงประเทศจีนมากโข

“ไม่ได้กลับเมืองอวิ๋นนานเท่าไรแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปากอย่างวางท่า

แต่ชีซิงกลับไม่เอ่ยปาก หลับตานิ่งเงียบ

บหหอดกระอักกระอ่วนไม่ได้ เด็กนี่ ทำไมจัดการยากขนาดนี้…

ผ่านไปสักพัก ขบวนรถก็หยุดหน้าตึกระฟ้าแห่งหนึ่ง ตึกระฟ้าทั้งตึกนี้ เป็นสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ย

ไม่นาน คนขับรถเปิดประตูรถแล้วชีซิงก็ลงจากรถ

“พี่ครับ ถึงแล้ว” มองเยี่ยหวันหวั่นที่ยึกยักไม่ลงจากรถ ชีซิงก็เอ่ยปากเสียงเย็น

“อืม” เยี่ยหวันหวั่นได้แต่ลงรถตามชีซิงภายใต้ความจนใจ

“ผู้นำพันธมิตร พอทุกคนเห็นคุณ…จะต้องตื่นเต้นหัวใจวายแน่ครับ!” ชายชรามองเยี่ยหวันหวั่นพลางอ้าปากหัวเราะเอ่ย

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

สมาชิกพันธมิตรอู๋เว่ยจะตื่นเต้นหัวใจวายหรือเปล่านี่เธอไม่รู้ ยังไงก็ตามตอนนี้ตัวเธอก็อยากตายสุดๆ แล้ว

ตัวเองแอบอ้างเป็นใครไม่แอบอ้าง ต้องมาแอบอ้างเป็นแบดเจอร์ที่ทรงอำนาจชั่วช้าของพันธมิตรอู๋เว่ยซะได้…

แต่คิดดูดีๆ แล้ว ว่าตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลโจว ถ้าตัวเธอไม่ฉวยโอกาส ยอมรับว่าตัวเองเป็นแบดเจอร์ ไม่เพียงตระกูลโจวจะจบสิ้น ตัวเธอเองก็จะไม่มีจุดจบที่ดีด้วย

นี่เป็นวิธีที่ช่วยไม่ได้แล้ว เธอไม่มีตัวเลือกโดยสิ้นเชิง

“ไปกันเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นเค้นรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า ตามชีซิงกับชายชราเดินเข้าตึกระฟ้าไป

จำต้องพูดว่า พันธมิตรอู๋เว่ยนี้มีกำลังทรัพย์แข็งแกร่งจริงๆ ในสถานที่อย่างเมืองอวิ๋นกลับสร้างตึกระฟ้าสูงหลายสิบชั้นเป็นสำนักงานใหญ่ได้ ถ้าตัวเองเป็นแบดเจอร์จริงๆ …คงจะรู้สึกไม่เลวเลยทีเดียว…

แต่พ่อแม่เธอตายแล้วทั้งคู่ ติดตามคุณตาตั้งแต่เล็ก เธอกับคุณตาล้วนเป็นคนจีน ส่วนแบดเจอร์กลับเป็นคนรัฐอิสระ พ่อแม่ล้วนแข็งแรง พูดยังไงเธอกับแบดเจอร์ก็ไม่มีทางใช้คนเดียวกัน

อีกทั้งเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าก่อนตัวเองเสียความทรงจำ จะเป็นแบดเจอร์ที่โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างนั้น เธอไม่เคยคิดว่าเมื่อก่อนตัวเองจะเป็นคนที่ชั่วช้าถึงกระดูกคนหนึ่งได้

ในตึกระฟ้าแทบเต็มไปด้วยสมาชิกหัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ย หลังเห็นชีซิงก็พากันเรียกคุณชายเจ็ดหนึ่งเสีย

ดูชีซิงผู้นี้ อายุไม่มากแต่กลับมีตำแหน่งแบบนี้ในพันธมิตรอู๋เว่ย เยี่ยหวันหวั่นก็แปลกใจ เด็กหนุ่มคนนี้แท้จริงมีเสน่ห์กับความสามารถอะไรกันแน่

“พี่รออยู่ตรงนี้เดี๋ยว” ผ่านไปชั่วครู่ ชีซิงก็พาเยี่ยหวันหวั่นมายังโถงประชุมไร้ผู้คน แล้วเอ่ยปากกับเธอ

——————————————————————————-

บทที่ 1290 ปากหัวเราะฮ่าๆ ใจ MMP[1]

“นายไปทำงานเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นโบกมือ เฝ้าหวังให้ชีซิงไปยิ่งไกลยิ่งดี ตัวเองจะได้ชิ่งหนีสะดวก

วิ่งหนีใต้จมูกชีซิง ไม่มีทางทำได้แน่นอน

สู้ก็สู้ไม่ได้ หนีก็หนีไม่พ้น…รสชาตินี้ ยากกล้ำกลืน

หลังชีซิงจากโถงประชุมไปก็เรียกสมาชิกหัวกะทิหลายคนมาเอ่ยสั่ง “ดูคนด้านในไว้ ถ้าคนหายไปต้องรับผิดชอบ”

ชีซิงพูดจบก็หันตัวจากไป

เวลานี้เยี่ยหวันหวั่นในโถงประชุมขมวดคิ้วแน่น ที่นี่คือตึกยี่สิบกว่าชั้น หนีทางหน้าต่างชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ ประตูก็มีนักสู้หัวกะทิของพันธมิตรอู๋เว่ยเฝ้าอีก…

เยี่ยหวันหวั่นเก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเองใจเย็นลงแล้วเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ยามนี้

ชีซิงคนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนไม่เคยเชื่อว่าเธอเป็นแบดเจอร์ผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ย…แต่ถ้าไม่เชื่อเธอแม้แต่น้อย ทำไมชีซิงต้องพาเธอกลับมาสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ยด้วย…ฆ่าเธอตรงนั้นแก้ปัญหาทุกอย่างทีเดียวไม่ใช่ว่าดีกว่าเหรอ

ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็แน่ใจ ชีซิงน่าจะกึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งตัวตนผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยของเธอ ถึงไม่เชื่อเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเธอเต็มร้อย ไม่งั้นก็ไม่มีทางพาเธอมาสำนักงานพันธมิตรอู๋เว่ย

คำนวณตามหลักตรรกะทางความคิดทั่วไป การกระทำถัดไปของชีซิง อาจจะเป็นการเริ่มใช้วิธีของเขามาพิสูจน์ตัวตนของเธอ…

ไม่มีทางเลือก เยี่ยหวันหวั่นเดิมก็ไม่รู้จักแบดเจอร์และพันธมิตรอู๋เว่ยขนาดนั้น เป็นเสือกระดาษฟันฉับเดียวขาดของแท้ ถ้าถูกฟันขาด ชีวิตน้อยๆ ของเธอก็คงไม่เหลือแล้ว

ตอนนี้ชีซิงอยากพิสูจน์ตัวตนของเธอยังไงก็ไม่อาจล่วงรู้ เธอก็ไม่มีวิธีไหนมาป้องกันได้ ได้แต่ต้องคำนวณก้าวต่อก้าว ดูท่าแกะท่า เป็นหรือตายก็ดูที่วันนี้แล้ว…

เยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้ได้แต่จินตนาการตัวเองเป็นแบดเจอร์ที่อำมหิตโหดเหี้ยม อีกทั้งต้องทำให้ตัวเองเข้าถึงบทบาทนี้ แถมยังต้องเป็นธรรมชาติ ห้ามเกินจริงเกินไป…

โชคดีที่ทักษะการแสดงของเธอยังคงไม่เลว ยังไงเสียเธอก็เคยดูแลราชินีจอเงินหนึ่งคนราชาจอเงินมาก่อน

ที่ต่างอย่างเดียวคือการแสดงของลั่วเฉินกับกงซวี่แสดงให้ผู้ชมดู แสดงไม่ดี อย่างมากก็ถูกก่นด่าไม่กี่ประโยค ส่วนตัวเธอแสดงให้พันธมิตรอู๋เว่ยของรัฐอิสระดู ถ้าแสดงไม่ดี ชีวิตก็ม่องเท่ง!

หลังทำใจตั้งสมาธิแล้ว เวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเยี่ยหวันหวั่นก็เข้าสู้บทบาทแบดเจอร์เต็มตัว คิดให้ตัวเองชั่วช้าโหดเหี้ยม หว่างคิ้วแผ่กลิ่นอายเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด

ในที่สุดผ่านไปชั่วครู่หญิงสาวแต่งตัวทันสมัย หน้าตางดงามอ่อนหวานผู้หนึ่งก็ย่างก้าวเข้าโถงประชุม

“กรี๊ดดด เฟิงเฟิงน้อย เธอกลับมาแล้ว! หลายปีนี้วิ่งไปอยู่ไหนมายะ!”

หญิงสาวตรงดิ่งมาด้านหน้าเยี่ยหวันหวั่น ไม่ปล่อยโอกาสให้เยี่ยหวันหวั่นตอบสนองแม้แต่น้อย กอดเธอไว้ในหมับเดียว

เยี่ยหวันหวั่นที่ถูกกอดกะทันหันมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเรียบนิ่ง หัวเราะเสียงเบาไม่พูดมากความ

ภายนอกหัวเราะฮ่าฮ่า ในใจกลับเต็มไปด้วยคำสบถด่า แม่มเอ๊ย ใครอีกเนี่ย…

“รีบบอกมา หลายปีมานี้ไปอยู่ไหน ทำเอาพวกเราหาเธอตั้งนานขนาดนี้!” หญิงสาวปล่อยเยี่ยหวันหวั่นรีบเอ่ยปากถามในทันที

เยี่ยหวันหวั่นตอบอย่างสั้นกระชับ “ตอนนั้นที่ฉันกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันบางอย่างขึ้น แต่เรื่องคลี่คลายแล้ว”

เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางมองประเมินหญิงสาวตรงหน้านี้อย่างเงียบๆ ดูออกได้ว่าหญิงคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับแบดเจอร์ ไม่งั้นด้วยตัวตนผู้นำพันธมิตรอู๋เว่ยของแบดเจอร์ เธอไม่น่ากล้าทำเช่นนี้ เยี่ยหวันหวั่นจึงอ่อนน้ำเสียงลง

สังเกตคำพูดดูท่าทาง นี่เป็นอาวุธรักษาชีวิตของเยี่ยหวันหวั่นในตอนนี้

—————————

[1] MMP คือคำด่าที่นิยมใช้กันบนอินเตอร์เน็ต ย่อมาจากคำว่า 妈卖批 (มาม่ายพี) หมายถึง แม่แกขายตัว