บทที่ 6 บทที่ 32 ดุร้าย

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

‘เก็บเกี่ยวอย่างอุดมสมบูรณ์’ 

 

 

สำหรับจูหลัวจื่อแล้ววันนี้เป็นวันที่อุดมสมบูรณ์มาก ไม่ว่าจะนึ่ง ผัดหรือกินสด จำนวนหนูที่จับได้ในครั้งนี้ก็เพียงพอให้จูหลัวจื่อทำอาหารได้หลากหลายอย่าง 

 

 

 “เจ้าหยุดกินจะได้หรือไม่?” ปีศาจกระต่ายถลึงดวงตาสีแดงกว้างขึ้น…ปีศาจกระต่ายนั้นกินมังสวิรัติ 

 

 

 “ข้าไม่สน! ข้าจะกิน!” .จูหลัวจื่อหันหลังกลับไป ริมฝีปากยังมีหางหนูหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย 

 

 

 “พี่เฮยสุ่ย?” หลิงหลิงหันไปมองเฮยสุ่ย 

 

 

ช่วงนี้พี่เฮยสุ่ยเอาแต่นอน…แต่ก็ยังออกหาอาหารให้ปีศาจน้อยทุกวัน แต่ก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์เช่นเมื่อก่อน 

 

 

หลิงหลิงรู้ว่าพี่เฮยสุ่ยเหนื่อยจริงๆ 

 

 

 “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

ในอ้อมอกของเฮยสุ่ยมีลูกอ่อนของปีศาจมากมาย ภายในนั้นมีนกกระทาเพียงตัวเดียวที่ไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้…ยังมีลักษณะของปีศาจมากกว่ามนุษย์นัก 

 

 

มีขานก ปีกนกและปากนก…มีเพียงหน้าและร่างกายเท่านั้นที่เป็นเด็กหญิงอายุราวๆ ขวบสองขวบ 

 

 

ปีศาจนกกระทาน้อยกำลังตัวสั่นเล็กน้อยอยู่ในอ้อมอกของเฮยสุ่ย เป็นลักษณะนิสัยของปีศาจ 

 

 

แผ่นดินไหวเล็กน้อยทำให้ปีศาจนกกระทาน้อยตกใจกลัวขึ้นมา 

 

 

ตอนนี้เฮยสุ่ยไม่กล้าไปจากบรรดาปีศาจน้อยที่นี่ แม้ว่าเธอจะกังวลใจกับเหตุการณ์ด้านนอกมากเพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ไม่นาน มีครู่หนึ่งที่เธอสัมผัสได้ถึง…ความรู้สึกที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับเธอ 

 

 

ดูเหมือน…เหมือนกับอาวุธเทพของแผ่นดินเทพในความทรงจำของเธอ 

 

 

ทันใดนั้นพื้นของโรงแรมก็หยุดสั่น จูหลัวจื่อนอนบนขอบหน้าต่างและพูดขึ้นอย่างผิดหวังว่า “โธ่! หนูหายไปแล้ว!” 

 

 

 “เจ้าก็รู้จักแต่กิน!” หลิงหลิงถลึงตาใส่ 

 

 

 “ดูเหมือนจะหยุดแล้ว” เฮยสุ่ยมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสงสัย 

 

 

… 

 

 

 “ดูเหมือนจะหยุดแล้ว…พี่เริ่น พี่เริ่น? พี่เริ่น! หยุดแล้วๆ ไม่มีแล้ว! ไม่มีแล้ว!” 

 

 

เริ่นจื่อหลิงที่กำลังควงไม้เบสบอลอยู่บนถนนรู้สึกว่ามีคนมาตบบ่าจึงหยุด และพูดด้วยลมหายใจกระชั้นชิดว่า “อะไรนะ ไม่มีอะไร?”  

 

 

 “…” หลีจื่อชะงักสูดลมหายใจและพูดว่า “ไม่มีหนูแล้ว แผ่นดินไหวก็หยุดแล้ว” 

 

 

 “เอ๋..ใช่เหรอ…” เริ่นจื่อหลิงใช้ไม้เบสบอลขวางอยู่บนถนนคอนกรีต สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ไม่มีหนูแล้ว ไม่มีแผ่นดินไหวแล้ว…เดี๋ยวนะ ตะกี้มีแผ่นดินไหวด้วยเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกเลย?” 

 

 

 “น่าจะ…” หลีจื่อมองไปยังผลลัพธ์การรบที่เต็มไปทั่วพื้นของเริ่นจื่อหลิงแวบหนึ่งด้วยความรู้สึกสงสารบรรดาหนูเหล่านี้ ก่อนพูดว่า “พี่เริ่นอาจจะตื่นเต้นมากเกินจนไม่รู้สึกตัวมั้งคะ?”  

 

 

เริ่นจื่อหลิงกลอกตาขาวมองหลีจื่อแล้วก็โยนไม้เบสบอลกลับไปไว้บนรถ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร “ฮัลโหล เหล่าหม่า นายอยู่ที่ไหน?” 

 

 

 “ผม? ผมอยู่ อยู่…” หม่าโฮ่วเต๋อ เซอร์หม่ากวาดตามองรอบด้านแล้วพูดว่า “อยู่ข้างถังขยะ” 

 

 

 “…ทำไมนายไม่ไปอยู่ในถังขยะเลยล่ะ?” 

 

 

 “ด้านใน…ด้านในมันเต็ม” 

 

 

เซอร์หม่าตอบโดยไม่คิด หลังจากปรายตามองถังขยะด้านข้างแวบหนึ่งแล้วเขาก็พูดว่า “ไม่ใช่สิ! ให้ตายเถอะ! ผมกำลังตีหนูอยู่ จะไปทำอะไรในถังขยะ?” 

 

 

 “นายก็กำลังตีหนูงั้นเหรอ?” 

 

 

 “ใช่แล้ว เคลื่อนพลแล้ว เคลื่อนพลออกมาหมดเลย!” 

 

 

 “รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไหม?” 

 

 

 “ไม่แน่ใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน เมื่อกี้ยังมีแผ่นดินไหวด้วย! พูดจริงๆ นะ ผมกำลังตีหนูอยู่จริงๆ ถึงมาอยู่ข้างถังขยะ ไม่ใช่เพราะกลัวแล้วมาหลบอยู่ที่นี่หรอกนะ” หม่าโฮ่วเต๋อพูดอย่างจริงจัง 

 

 

 “เอาล่ะๆ ไม่มีใครหัวเราะเยาะนายหรอก” เริ่นจื่อหลิงกลอกตาขาว “ไม่พูดแล้ว เดี๋ยวถ้านายได้ข่าวอะไรก็อย่าลืมบอกฉันเป็นคนแรกนะ!” 

 

 

 “อา ได้…คุณไม่เป็นไร…ฮัลโหล ฮัลโหล? ฮัลโหล? ผู้หญิงคนนี้นี่!” หม่าโฮ่วเต๋อส่ายหน้าจากนั้นก็มองไปด้านข้างของตนเอง “เหม็นจริงๆ…” 

 

 

เซอร์หม่าบีบจมูกเดินออกไปจากข้างถังขยะ 

 

 

… 

 

 

 “ฮัลโหล ลั่วชิว เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลังจากรองบรรณาธิการเริ่นวางสายหม่าโฮ่วเต๋อแล้วก็โทรไปหาลั่วชิว 

 

 

 “ผมจะเป็นอะไร?” 

 

 

 “…เธอไม่รู้สึกเหรอ? เมื่อกี้นี้มีแผ่นดินไหว! แล้วก็ยังมีหนูตั้งมากมาย!” 

 

 

 “ไม่นี่ครับ” 

 

 

เริ่นจื่อหลิงชะงัก เธอไม่ได้สงสัยสิ่งที่ลั่วชิวพูด พึมพำว่า “หรือจะเกิดเพียงแค่บางส่วนของเมือง? เอาเถอะ เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เมื่อกี้ฉันถามอาหม่าของเธอ…อืม รอมีข่าวอะไรฉันค่อยบอกเธอก็แล้วกัน!” 

 

 

 “ส่งข้อความมาก็พอ ผมเรียนอยู่” 

 

 

 “อา…ดี! งั้นก็ระวังตัวด้วยนะ ตอนนี้ฉัน…ฮัลโหล ฮัลโหล? ฮัลโหล? เจ้าเด็กเหม็น!” 

 

 

เริ่นจื่อหลิงส่ายหน้า หลังจากวางสายแล้วก็ค่อยสบายใจพิงอยู่บนประตูรถ…ในความเป็นจริงถึงหนูจะไม่มีแล้ว และแผ่นดินไหวที่หลีจื่อพูดก็หยุดแล้ว แต่รถก็ยังติดอยู่บนถนน  

 

 

 “หลีจื่อ พวกเราไปเซเว่นเท็นด้านข้างกินอะไรไหม? ดูแล้ววันนี้คงไม่ได้สัมภาษณ์หรอก…งานเปิดตัวคงวุ่นวายแล้วมั้ง? อาจจะยกเลิกชั่วคราว” 

 

 

 “อ้า!” 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

 “พวกเราอยากพบเถ้าแก่!” 

 

 

 “ใช่แล้ว! เรียกเถ้าแก่ออกมา! พวกเราจ่ายค่าเข้าไปแล้ว! มีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกเราไป! ฟ้ายังไม่มืดเลย!” 

 

 

เมื่อกุ่ยอิงมองดูบรรดาปีศาจที่เหมือนดื่มไปมากแล้วเหล่านี้ก็คลี่ยิ้มอย่างเย็นชา หมุนมีดเล็กๆ ในมือ ส่วนด้านหลังก็มีมีดนับสิบเล่มโผล่ออกมากระจายไอเย็นยะเยือก “ใครอยากก่อเรื่อง?” 

 

 

เมื่อแสงมีดวาบผ่านก็ให้ความเมามายของบรรดาปีศาจลดถอยไปไม่น้อย…แล้วถึงนึกขึ้นได้ว่ากุ่ยอิงของเอลิเซียมบาร์ไม่ได้ใจดีสักเท่าไร 

 

 

 “วันนี้เอลิเซียมบาร์ปิด! บัญชีของพวกเจ้าถูกบันทึกเอาไว้แล้ว ครั้งหน้าค่อยมาชดเชย! ใครยังกล้าก่อเรื่องอีกก็อย่าโทษว่าข้าใช้อสุราของข้าบริการพวกเจ้าก็แล้วกัน!” 

 

 

บรรดาปีศาจตัวสั่นงันงก พากันวิ่งออกไปยังประตูบาร์ในทันที 

 

 

และในตอนนี้เองก็มีเสียงดัง ปัง! 

 

 

ประตูเหล็กขนาดใหญ่ของเอลิเซียมบาร์เหมือนถูกบางอย่างชนให้กระเด็นออกไป ชนเข้ากับเหล่าปีศาจจำนวนมากในพริบตา  

 

 

บริเวณทางเข้ามีผู้ชายสวมชุดดำหัวล้าน คิ้วสีม่วงถือหอกยาวขึ้นสนิมเล่มหนึ่งค่อยๆ เดินเข้ามา 

 

 

เซียงหลิ่ว! 

 

 

ร่างกายของเซียงหลิ่วแผ่กระจายกลิ่นอายปีศาจอันเย็นยะเยือกออกมา เพียงพริบตาเดียวก็ให้ปีศาจจำนวนไม่น้อยสั่นสะท้านขึ้น 

 

 

เซียงหลิ่วยิ้มเยาะมองสถานการณ์ตรงหน้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองชั้นบนของบาร์ หรี่ตาเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่า…จะอยู่กันครบขนาดนี้!” 

 

 

และในตอนนี้เอง แสงอันเย็นยะเยือกสายหนึ่งก็ยิงลงมาตรงหน้าของเซียงหลิ่ว เขาทำได้เพียงรีบหลบ…ทำให้ข้างแก้มปรากฏรอยแผลหนึ่งรอย 

 

 

 “ฝีมือไม่เลว” 

 

 

เสียงของกุ่ยอิงดังมาจากที่ไม่ไกลออกไป 

 

 

เซียงหลิ่วขมวดคิ้ว ยื่นมือออกไปเช็ดรอยเลือดบนแก้มออก ก่อนเลียเลือดเหล่านี้ ในขณะที่เขากำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงสายหนึ่งดังมาจากชั้นบนของบาร์ 

 

 

เป็นเสียงของซูจื่อจวิน 

 

 

 “กุ่ยอิง ฆ่าเขาซะ!” 

 

 

 “กุ่ยอิง…” กุ่ยอิงก้าวไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร แสงมีดบนร่างกายกระจายความเย็นยะเยือกออกมา ก่อนที่แสงมีดด้านหลังจะระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง แล้วพูดเสียงเข้มว่า “รับคำสั่ง!” 

 

 

แสงมีดยังมาไม่ถึง แต่กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกก็ตัดเสื้อผ้าของเซียงหลิ่วจนขาดแล้ว…เซียงหลิ่วเห็นดังนั้นก็สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีปีศาจแม่น้ำเลือดซ่อนอยู่ด้วยตนหนึ่ง…ชิ!” 

 

 

ท่าแยกร่างของกุ่ยอิงไม่ได้หยุดเลย หนึ่งกลายเป็นสอง สองกลายเป็นสี่ พริบตาเดียวก็โอบล้อมเซียงหลิ่วเอาไว้ทั้งสี่ด้าน แสงมีดจำนวนมากวาบผ่านอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พวกมันเข้าเซียงหลิ่วอย่างบ้าคลั่ง  

 

 

ได้ยินเพียงเสียง ติง ติง ติง ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง! 

 

 

แสงมีดอันเย็นยะเยือกหยุดลง กุ่ยอิงทั้งสี่ก็รวมตัวเข้าหากันอีกครั้ง สองนิ้วของเขาคีบมีดเล็กๆ มองไปบนพื้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก… 

 

 

บนพื้นมีกองเลือดอยู่กองหนึ่งที่เละจนแยกออกมาเป็นชิ้นไม่ได้แล้ว 

 

 

เวลานี้กุ่ยอิงถึงเงยหน้าขึ้นไปชั้นบนและพูดอย่างจริงจังว่า “ภารกิจเสร็จสมบูรณ์!” 

 

 

 “ไม่…เขายังไม่ตาย” เสียงของซูจื่อจวินดังขึ้นอีกครั้ง 

 

 

กุ่ยอิงขมวดคิ้วหันไปมองกองเลือดบนพื้นที่ค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวรวมตัวกันขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็กลับคืนสู่สภาพเดิม…ฆ่าไม่ตาย!  

 

 

 “เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่…” กุ่ยอิงตกตะลึง โยนมีดเล็กในมือออกไป แล้วมีดก็เพิ่มจำนวนขึ้นนับไม่ถ้วนอีกครั้ง 

 

 

 “ซูจื่อจวินไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือ?” 

 

 

เซียงหลิ่วที่ร่างกายกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งยิ้มเยาะขึ้น เงยหน้าพูดว่า “ซูจื่อจวิน! ทำไมเจ้าถึงไม่ออกมา? ให้แต่เจ้านี่มาต่อสู้กับข้างั้นหรือ? หรือเจ้าฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว? อา ใช่แล้ว ตอนนี้เมืองนี้ก็ยังอยู่ดี แสดงว่าเจ้าควบคุมกระบี่เซวียนหยวนได้สำเร็จแล้วสินะ? แต่…เจ้าคงเหลือพลังไม่มากแล้วใช่หรือไม่?” 

 

 

 “แค่ฆ่าเจ้าต้องถึงมือข้าด้วยงั้นหรือ? กุ่ยอิงทำลายเขาให้เป็นผง ข้าจะดูสิว่าเขายังฟื้นขึ้นมาได้อีกไหม!” 

 

 

แสงมีดเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง! 

 

 

 “ข้าคิดออกแล้ว…กุ่ยอิง…เจ้าคือทายาทของกุ่ยอิ่งอู่ใช่ไหม? ร่างของเจ้าคือ…อสุรา?” เซียงหลิ่วยิ้มเยาะ “เป็นภัยคุกคามจริงๆ” 

 

 

แต่กุ่ยอิงก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แยกร่างอีกครั้ง ครั้งนี้กลายเป็นแปดร่าง! 

 

 

และในตอนนี้เอง กุ่ยอิงก็ร่ายรำมีดอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา แต่ทันใดนั้น…แปดร่างของเขากลับหยุดชะงัก ร่างจริงกระอักเลือดออกมา แล้วล้มลงกับพื้น 

 

 

ส่วนร่างอีกเจ็ดร่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

เซียงหลิ่วยืนเงียบอยู่ที่เดิม ยิ้มเยาะและเอ่ยว่า “ที่ข้าพูดก็คือเป็นภัยคุกคามในยามปกติน่ะ” 

 

 

กุ่ยอิงฝืนเงยหน้าขึ้น ฉับพลันก็มีเสียงดัง ตุ้บๆ ดังตามมา…ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น บรรดาปีศาจที่หลบซ่อนอยู่รอบบริเวณก็พากันล้มลงพื้นเช่นเดียวกัน และเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา 

 

 

 “เจ้า…เจ้าทำอะไร…” สีหน้ากุ่ยอิงดูเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังฉายแววเจ็บปวดอย่างชัดเจน 

 

 

 “เจ้าไม่ต้องรู้หรอก” เซียงหลิ่วยิ้มเบาะ “เจ้าเพียงต้องรู้ว่า อีกหน่อย…พวกเจ้าทั้งหมดก็ต้องฟังคำสั่งข้า!” 

 

 

พูดแล้ว เซียงหลิ่วก็สั่นแขนเสื้อ ระฆังเล็กอันหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของเขา 

 

 

เพียงเซียงหลิ่วเขย่าเบาๆ บรรดาปีศาจก็ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา สูญเสียสติ ดวงตากลายเป็นสีขาวทั้งดวง 

 

 

ในตอนที่ปีศาจเหล่านั้นยืนขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันก็เป็นเหมือนกับหุ่นเชิด สูญเสียความคิดไปโดยสิ้นเชิง