ในใจของเจียงเจิ้นยังโอนเอียง ของแบบนี้ซีเหมินจินเหลียนยังต้องการอยู่อีกไหม? แน่นอนว่าถึงเธอไม่ต้องการ สำหรับเขาแล้วความเสี่ยงนี้ก็เท่ากับศูนย์อยู่ดี อย่างไร…นี่ก็ไม่ได้เป็นหินหยกของเขา เขาไม่ได้จ่ายสักหยวนก็ย้ายมันมาจากบ้านของน้องสาวแล้ว
“ราคาเท่าไหร่คะ” ซีเหมินจินเหลียนหันกลับมาถามเจียงเจิ้น
“แปดล้านครับ” เจียงเจิ้นยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ใช่ว่าคุณซีเหมินตกลงราคากับน้องสาวผมเรื่องราคาแล้วเหรอครับ?”
“ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าหินหยกก้อนนี้เป็นของคุณ?” ซีเหมินจินเหลียนสาวปอยผมยาวที่อยู่บนเนินอก เฮ้อ ช่วงนี้ผมของเธอยาวขนาดนี้แล้วเหรอ ตอนแรกอยู่ราวๆ ช่วงอกได้ แต่ตอนนี้ก็ยาวถึงเอวแล้ว หรือกลับไปเซี่ยงไฮ้คราวนี้เธอจะไปตัดผมสักหน่อย?
“แค่กๆ…” เจียงเจิ้นกระแอมออกมาเสียงแห้ง
ซีเหมินจินเหลียนสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ยิ้มกริ่มแล้วพูดว่า “ราคาที่ฉันคุยกับคุณแม่หนิงไว้จะเอามานับไม่ได้แล้ว เพราะคุณแม่หนิงไม่รู้เรื่องธุรกิจหยก แต่คุณเจียงเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ราคาจะเท่ากันได้เหรอคะ?”
จู่ๆ จ่านป๋ายก็อยากหัวเราะออกมา ซีเหมินจินเหลียนก็มีด้านร้ายด้วย?
“เอ่อ…เอ่อ…เอาตามราคาเดิมเถอะครับ” เจียงเจิ้นกระแอมไอออกมาและปิดบังความกระอักกระอ่วน ฝืนยิ้มแล้วพูดต่อว่า “อย่างไรเธอก็เป็นน้องสาวผม เธอเปิดมาราคานี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
“ราคาเดิมที่เธอเสนอมาก็คือราคาก่อนที่หินหยกก้อนนี้จะชำแหละออกมาค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณเจียงไม่มีคุณธรรมเลยนะคะ”
“ผมแค่สงสัยชั่วนิดหน่อย เลยไม่ได้คิดถึงน่ะครับ!” เจียงเจิ้นยิ้ม
“พูดความจริง ที่ฉันชอบหินหยกก้อนนี้ก็เพราะว่ามันใหญ่ดี ถึงผิวหินจะด้อยไปบ้าง แต่ในใจก็ยังคงมีความหวังเล็กๆ ไว้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคุณเจียงจะทำให้ฉันผิดหวังมาก” ซีเหมินจินเหลียนกระโดดขึ้นไปบนหินหยกก้อนนั้นและยิ้มแผ่วเบา
จ่านป๋ายเริ่มเป็นห่วง เธอใส่รองเท้าส้นสูงอยู่นะ หินหยกก้อนนี้ก็ลื่นมาก หากไม่ระวังขึ้นมาข้อเท้าแพลงจะทำอย่างไร?
ซีเหมินจินเหลียนนั่งย่อตัวลงบนหินก้อนใหญ่และเอื้อมมือไปแตะมันพลางถอนหายใจพูด “ตัดออกมาขนาดนี้ แถมยังตัดรอบด้านทั่วไปหมด…คุณเจียงก็ใช้ได้เหมือนกันนะคะ สามารถตัดได้สวยเนียนราบเท่ากันเลย? แต่รอยเปิดมันก็ไม่สวยเลยนี่นา เรื่องหยาบกร้านก็ช่างมันเถอะ แต่นี่ไม่มีร่องรอยเผยสีเขียวเลยสักนิด น่าเสียดายจัง! ก้อนใหญ่ขนาดนี้แต่เป็นแค่หินก้อนหนึ่ง…” เธอพูดพลางส่ายหน้าไม่หยุด
“เอ่อ…” เจียงเจิ้นกระวนกระวาย “ถ้าอย่างนั้นผมลดราคาลงดีไหมครับ?”
“ของแบบนี้ ราคาขนส่งกลับไปคงต้องแพงมากแน่ๆ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “คุณเจียงเห็นฉันโง่เหรอไงกันคะ ขนหินจากเจียหยางกลับไปเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนี้ จะให้ฉันเอาไปขายในเขตพื้นที่ก่อสร้างเหรอ?” เธอพูดจบก็ขยิบตาให้จ่านป๋าย
“คุณเจียง ลดได้เท่าไหร่ครับ?” จ่านป๋ายเจตนาถาม
“เอ่อ…สามล้านล่ะกันครับ!” ตอนที่เจียงเจิ้นพูดประโยคนี้ ในใจก็รู้สึกผิดเล็กน้อย หินใหญ่ก้อนนี้เคยมีคนมากมายมาดู แต่เพราะว่าลักษณะมันไม่ดีจริงๆ เลยทำให้แม่ของหนิงชุ่ยฉินลดราคาลง แต่ก็ยังไม่มีใครต้องการ
ซีเหมินจินเหลียนให้ราคาแปดล้าน มันก็เป็นราคาที่เกินความเป็นจริง ถ้าเป็นเขาแปดหมื่นยังไม่เอาเลย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องให้ราคาสูงขนาดนั้น?
ได้ยินว่าเวลาเดิมพันเจ้าหญิงหยกคนนี้มักจะเป็นม้ามืด เดิมพันชนะต่อเนื่องจนได้หยกชั้นดีอยู่ตลอด เขาเลยอดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ รีบตัดชำแหละออกมา ในเวลาเดียวกัน…ก็ยังกลัวว่าจะดูตกหล่นเลยตัดหินออกมารอบด้าน
จ่านป๋ายส่ายหน้าออกมาติดๆ กัน “หากคุณเจียงขายราคาถูกหน่อย ผมก็ยังพอพิจารณาได้บ้าง ผมแค่สงสัยอยากจะเอากลับไปตัดเล่นๆ เท่านั้น แต่ถ้าคุณให้ราคานี้ผมคงซื้อไม่ไหว”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจ่านก็บอกราคามาเถอะครับ!” เจียงเจิ้นยิ้มกล้ำกลืน
“สามแสน! ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ยังไงก็แค่ซื้อกลับไปตัดเล่นๆ!” จ่านป๋ายยิ้ม
“สามแสน มันต่ำเกินไป…” เจียงเจิ้นส่ายหน้า “ถ้าราคานี้ ไม่สู้ผมวางไว้ตรงนี้ดีกว่า…และคิดว่าน้องสาวคงไม่ยอมขายแน่”
จ่านป๋ายค่อยๆ เพิ่มราคาทีละนิด ส่วนซีเหมินจินเหลียนก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ เดินไปดูหินหยกก้อนอื่นๆ ในโกดังและถามขึ้นมาว่า “คุณเจียง สินค้าอื่นๆ ฉันดูได้ใช่ไหมคะ?”
“เชิญตามสบายครับคุณซีเหมิน!” เจียงเจิ้นพูด
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ไม่สนใจจ่านป๋ายอีก ถึงซื้อด้วยราคาแปดล้านเธอก็ไม่ขาดทุน แต่อย่างไร…เธอก็มั่นใจว่าจ่านป๋ายคงได้ราคาที่พึงพอใจและเหมาะสมมา
ธุรกิจของเจียงเจิ้นใหญ่โตกว่าหนิงซั่งฮวาที่เป็นอาของหนิงชุ่ยฉิน หินหยกหลากหลายสีและรูปแบบมีพร้อมในโกดัง และโกดังด้านหลังนี้ก็ใหญ่มากพอสมควร มีเครื่องเจียระไนหลายเครื่องตั้งอยู่ ทำให้ซีเหมินจินเหลียนอดคิดถึงห้องใต้ดินของเธอไม่ได้ มันคงเล็กไปจริงๆ
เห็นแบบนี้แล้วเธอคงต้องสร้างโกดังใหญ่ขึ้นบ้างแล้ว หลังจากที่เธอซื้อหุ้นจากบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่และมีโรงงานแปรรูปหลังเล็กๆ เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเธอ แต่เรื่องระบบความปลอดภัยของโรงงานเธอยังไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่
หยกของเธอเป็นหยกชั้นดีหายากทั้งนั้น แค่ก้อนเล็กก้อนเดียวตามตลาดราคาก็พุ่งสูงแล้ว…ถ้าถูกขโมยจนสูญหาย เธอคงได้เจ็บใจเจียนตาย
หินหยกก้อนใหญ่นั้น หากขนย้ายกลับไปคงต้องหาโกดังใหม่ให้อยู่
ซีเหมินจินเหลียนคิดไปเรื่อยและอีกด้านก็เริ่มมองหินหยกในโกดังของเจียงเจิ้นไปทั่ว เหมือนกับนักค้าหยกคนอื่นๆ หินหยกส่วนมากต่างเปิดช่องหน้าต่างให้แล้ว และช่องนี้ก็น่าดูมาก
ซีเหมินจินเหลียนสนใจช่องรอยตัดของหินหยกสีเขียวมรกตอ่อนๆ ก้อนหนึ่ง มองจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นชนิดเนื้อแก้วแน่นอน และยังเผยสีเขียวออกมา หากเป็นสีเขียวสด ถ้าอย่างนั้น…หินหยกก้อนนี้ก็คุ้มค่าที่จะเดิมพันสักตั้ง
ผิวสีเทาขาว เม็ดทรายละเอียดยิบ ช่องหน้าต่างถูกตัดตรงเส้นลายหยก ตัดออกมาแค่รอยเดียวเท่านั้น และบริเวณผิวข้างๆ ยังมีจุดหยกหนาแน่น
ซีเหมินจินเหลียนยื่นมือเข้าไปแตะและสามารถวิเคราะห์แล้วว่านี่มาจากเหมืองหยกที่ดีที่สุด แม้ว่าเหมืองเหล่าพะกันจะมีหยกชั้นดีอยู่บ่อยๆ แต่คุณภาพหยกส่วนมากก็ไม่ได้เป็นดั่งใจคนที่คาดไว้
ฝ่ามือด้านขวาทั้งหมดแนบไปบนหินหยกดิบ ผิวสีขาวเทาค่อยๆ เลือนหายในดวงตา และดูจากช่องหน้าต่างหยกข้างในเป็นหยกสดโปร่งใสสีเขียวมันวาว ทำให้คนมีความสุขเมื่อได้เห็น
แต่หลังจากที่สีเขียวหายไป ข้างในก็กลายเป็นหินขาวๆ ก้อนหนึ่ง เมื่อใช้พลังทะลุผ่านหินทั้งก้อนแล้ว ซีเหมินจินเหลียนก่นด่าในใจ สีเขียวติดเปลือกนี่มันก็น่ากลัวจริงๆ
หินหยกดิบแบบนี้ ลักษณะดูโดดเด่น แต่ข้างในมัน…อืม ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง!
จากนั้นมองหาไปเรื่อยจนไปเจอหินหยกสองก้อน ในนั้นมีก้อนหนึ่งเป็นชนิดฝูหรง อีกก้อนเป็นชนิดโหยวชิง ลักษณะดีใช้ได้ แต่ไม่ใช่อย่างที่เธอชอบ จึงทำได้แค่ปล่อยทิ้งไป
ประจวบเหมาะกับที่จ่านป๋ายเดินเข้ามาหาเธอพอดี ซีเหมินจินเหลียนจึงถามขึ้นว่า “เป็นไงบ้าง?”
“แปดแสนครับ! พวกเราซื้อกลับไปตัดเล่นๆ เถอะ ผมไม่อยากตกงาน” จ่านป๋ายยิ้ม
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนมองเจียงเจิ้นที่อยู่ข้างๆ และเจตนาส่งเสียงขึ้น “นี่เป็นของที่คุณซื้อมาเอง ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมก็แค่ยืมเงินคุณก่อนเท่านั้นเอง!” จ่านป๋ายพูด หากทั้งๆ ที่หินหยกก้อนนี้ถูกตัดออกมาแบบนี้แล้ว แต่ซีเหมินจินเหลียนยังคงต้องการอยู่ เจียงเจิ้นคงได้สงสัยไม่หยุดแน่ แม้จะตกลงราคาไว้ดิบดี แต่ก่อนที่หินหยกยังไม่ได้ขนย้าย พวกเขาก็วางใจอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
แม้ในเจียหยาง ธุรกิจหินหยกจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องคลองธรรมตามกฎหมาย แต่ภายใต้ผลประโยชน์ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ใครจะไปรู้ว่ากฎหมายพวกนั้นอาจจะมีผลบีบบังคับใครก็ได้
“จริงๆ เลยคุณน่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนเปิดกระเป๋าควานหาเช็คและปากกา และเขียนจำนวนเงินลงไป เพราะว่าพกเงินสดค่อนข้างลำบาก และตอนที่ดูสินค้าเป็นเวลากลางคืน ธนาคารเลยไม่สะดวกโอนเงิน เธอจึงจงใจสมัครบริการที่สามารถถอนเงินจากที่อื่นได้ ลูกค้ารายใหญ่อย่างเธอ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านี้แน่นอนว่าธนาคารย่อมเต็มใจที่จะบริการ
“รู้ทั้งรู้ว่าเสียเงินเปล่าๆ คุณยังซื้ออีก? คุณไม่เชื่อสายตาฉันแล้วหรือไง?” ซีเหมินจินเหลียนเขียนเช็คเงินสดแปดแสนเสร็จแล้วส่งไปให้จ่านป๋าย พร้อมรอยยิ้มซ่อนเร้น
เจียงเจิ้นอยู่อีกฝั่ง ได้ยินแล้วก็ได้แต่ยิ้มเก้กัง จ่านป๋ายก็เช่นกันรับเช็คเงินสดส่งไปให้เจียงเจิ้นและยิ้ม “ธุรกรรมเสร็จสิ้นแล้ว ผมเรียกคนมาขนย้ายได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“ได้ครับ ได้แน่นอนอยู่แล้ว!” เจียงเจิ้นพยักหน้า ในใจรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก รู้อย่างนี้เขาก็ไม่น่าตัดตั้งแต่แรก มีดสิบครั้งที่ลงไปเป็นเงินทั้งนั้น หากไตร่ตรองดู ลงมีดหนึ่งครั้งเท่ากับห้าหกแสนเชียว ความสงสัยทำร้ายให้แมวตายชัดๆ!
จ่านป๋ายเริ่มออกไปติดต่อกับรถฟอร์คลิฟท์ให้มาช่วยลากหินหยกขนาดใหญ่มหึมาก้อนนี้ ซีเหมินจินเหลียนเบื่อหน่ายเริ่มมองดูหินหยกในโกดังต่อ หวังว่าจะได้เจอสินค้าที่ดูดีสักก้อน
“คุณซีเหมิน คุณลองดูพวกนี้สิ ของดีทั้งนั้นเลยนะครับ!” เจียงเจิ้นเห็นซีเหมินจินเหลียนสนใจหินหยกของตน เลยรีบแนะนำ
“ฉันขอดูหน่อยล่ะกันค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด
จ่านป๋ายและคุณลุงคนขับรถฟอร์คลิฟท์นำหินหยกขนย้ายไปวางบนรถเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นมีรถขนสินค้าคันเล็กจอดตรงหน้าปากประตู
ประตูถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนแต่งกายสะอาดสะอ้าน ดูแลร่างกายอย่างดิบดีเปิดประตูรถลงมาและทักทายกับเจียงเจิ้น “พี่เจียง วันนี้ทำธุรกิจใหญ่อีกแล้วเหรอ”
“ไม่ถึงขั้นใหญ่หรอก แค่ขายสินค้าออกไปนิดหน่อย น้องจาง ทำไมวันนี้แกถึงว่างมาได้?” เจียงเจิ้นคุยกับน้องชาย
“ช่วงนี้ไปทางฝั่งพม่าและได้หินหยกหลายก้อนกลับมา ก็เลยอยากมาตัดหินที่โรงงานพี่ ไม่รู้ว่าสะดวกหรือเปล่า?” น้องจางพูดพลางมองไปทางซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋าย
“ดูแกพูดเข้าสิ พวกเราเป็นพี่น้องกัน มีอะไรที่ไม่สะดวกล่ะ? อีกอย่างเครื่องเจียระไนของฉันก็ตั้งอยู่เฉยๆ ไม่เจียระไนจะเอามันมาให้ขี้ฝุ่นเกาะหรือ?” เจียงเจิ้นหัวเราะชอบใจ
ทางนี้ในที่สุดหินก้อนใหญ่ก็ถูกย้ายขึ้นมาบนรถคันใหญ่ น้องชายจางมองไปที่จ่านป๋ายพร้อมยิ้ม “ยุคนี้เด็กวัยรุ่นใจกล้าเหลือเกินนะ หินหยกก้อนใหญ่ขนาดนี้? จ่ายไปไม่น้อยเลยใช่ไหม”
จ่านป๋ายยิ้ม “ไม่หรอกครับ อีกอย่างผมก็ยังเป็นแกะโดนต้มที่แท้จริง คุณลองดูหินหยกดิบของคุณเจียงพวกนั้นสิ ก้อนหยกดิบก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ ทำไมถึงตัดแบบนี้ได้!”
น้องชายจางมองไปยังหินหยกที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆ ก็อดเปล่งเสียงหัวเราะไม่ได้แล้วพูดกับเจียงเจิ้นว่า “พี่ตัดมันเหรอ? ทำไมถึงได้ตัดแบบนี้ล่ะ