ตอนที่ 146 ก็ให้เยี่ยนรับมือแทนนางเถอะ

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]

อวี้เหว่ยเอ่ยออกมาเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรั้งสายตามามองเขา 

 

 

ดวงตาชั่วร้ายคู่นั้นมีความสงสัย สีหน้าดูแล้วอ่อนโยนมาก ทว่ากลับทำให้อวี้เหว่ยรู้สึกชาวาบไปทั้งหนังศีรษะ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถามว่า “ความหมายของเจ้าคือ ปล่อยให้เขามีชีวิตกลับมา ปรากฏกายอยู่ข้างแม่นางเยี่ยเม่ยทุกวัน สุดท้ายก็แย่งแม่นางเยี่ยเม่ยที่เยี่ยนรักไป ถึงไม่เรียกว่าโหดเ**้ยมอย่างนั้นหรือ” 

 

 

อวี้เหว่ยยามนี้ตัวสั่น “เตี้ยนเซี่ย ท่านอย่าได้แตกตื่นเกินไป ข้าน้อยมิได้หมายความว่าเช่นนี้” 

 

 

เมื่อเขาเอ่ยจบ มือของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนวางบนบ่าอวี้เหว่ย น้ำเสียงน่าฟังดังขึ้นเบาสบายว่า “อวี้เหว่ย เจ้าต้องเข้าใจ ใจอ่อนกับศัตรูหัวใจ ก็เท่ากับเ**้ยมโหดกับตัวเอง” 

 

 

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจ ค่อยๆ กล่าว “หากเยี่ยนปล่อยแม่นางเยี่ยเม่ยไป ทำให้จิ่วหุนซาบซึ้งและรู้สึกผิดต่อเยี่ยน เช่นนั้นจะไม่ทำให้ชั่วชีวิตนี้ของเขาไม่อาจเป็นสุขได้หรอกหรือ ดังนั้นเพื่อให้ชีวิตสั้นๆ ของจิ่วหุนผ่านไปได้อย่างไม่ติดค้าง ก็ฆ่าเขาเถอะ เยี่ยมยินยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนอื่นมาตลอด เพื่อให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิดในใจ เยี่ยนได้แต่แบกรับชื่อเสียงโหดร้ายฐานฆ่าคนแล้ว” 

 

 

อวี้เหว่ยเงียบไป 

 

 

อ้อ ดังนั้นท่านคิดออกคำสั่งให้สังหารจิ่วหุน ยังบอกว่าเป็นการดีกับจิ่วหุนด้วยใช่หรือไม่  

 

 

ท่านยังบอกว่าเสียสละตัวเองแล้วใช่ไหม 

 

 

ได้ ท่านหน้าตาดี พูดอะไรก็ถูกไปหมด 

 

 

 “ข้าน้อยจะรีบส่งคนไปจัดการ แต่ว่าเตี้ยนเซี่ย วรยุทธ์ของจิ่วหุนท่านก็รู้ดี คิดจะฆ่าเขาไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้” อวี้เหว่ยพูดตามจริง นอกเสียจากเตี้ยนเซี่ยลงมือเอง ไม่เช่นนั้นคิดเอาชีวิตจิ่วหุน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟัง ก็ไม่ใส่ใจ 

 

 

ท่าทางสง่างามจัดชายเสื้อ ค่อยๆ เอ่ยว่า “หากฆ่าไม่ได้ ก็ทำให้เขาบาดเจ็บหน่อย หาตัวเขาพบช้าไปอีกหลายวันก็ดี จำไว้ ต้องปิดเป็นความลับ เรื่องนี้เยี่ยนไม่ต้องการให้เข้าหูแม่นางเยี่ยเม่ย” 

 

 

อวี้เหว่ย พยักหน้า “ขอรับ เตี้ยนเซี่ยวางใจได้” 

 

 

ถึงเขาจะชอบบ่นเตี้ยนเซี่ย แต่ก็ยังรู้จักขอบเขต  

 

 

อวี้เหว่ยกวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะ ถามว่า “เตี้ยนเซี่ย ท่านยังจะกินต่อหรือไม่” 

 

 

แม่นางเยี่ยเม่ยก็จากไปแล้ว 

 

 

อีกอย่างเขามองออก เตี้ยนเซี่ยมาส่งอาหารนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง เขาตั้งใจมาแทงข้างหลังคนต่างหากที่เป็นเรื่องจริง 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “เยี่ยนอิ่มแล้ว” 

 

 

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เขาพลันคิดอะไรได้ ปรายตามองอวี้เหว่ย “ก่อนเป่ยเฉินอี้มาถึง จับตาดูการเคลื่อนไหวของทุกคนไว้ให้ดี อย่าให้เขายื่นมือมาได้ยาวเกินไป อย่างไรเสียเขาก็ถนัดการก่อเรื่องไม่เป็นเรื่องมาโดยตลอด”  

 

 

อวี้เหว่ยรีบพยักหน้า “ขอรับ ข้าน้อยจะระวังไว้ ตามความเคยชินของอี้อ๋อง เดินหมากก้าวหนึ่งต้องวางแผนล่วงหน้าไว้สามก้าว ก่อนเขาจะมาถึงชายแดน เป็นไปไม่ได้ว่าจะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวก่อนแล้ว” 

 

 

ส่วนที่บอกว่าอี้อ๋องถนัดสร้างเรื่อง ก่อเรื่อง จุดนี้อวี้เหว่ยเห็นด้วย เมื่อคิดถึงคดีที่อี้อ๋องก่อขึ้นมา อวี้เหว่ยพลันตัวสั่น  

 

 

แต่หลังจากเอ่ยจบแล้ว อวี้เหว่ยกลับแปลกใจอยู่บ้าง เขามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “แต่ว่าเตี้ยนเซี่ย ท่านไม่คล้ายคนที่ใส่ใจรายละเอียด ท่านไม่สนใจใต้หล้า ทั้งยังไม่สนใจกำลังทหาร ต่อให้อี้อ๋องสอดมือเข้ามา ท่านก็สมควรไม่ใส่ใจ” 

 

 

เมื่อก่อนเตี้ยนเซี่ยไม่เคยให้เขาระวังเรื่องเหล่านี้ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองอวี้เหว่ย ถอนใจคำหนึ่ง สายตาชั่วร้ายไม่คล้ายมองคนผู้หนึ่ง แต่กำลังมองหมูตัวหนึ่ง 

 

 

เขาอธิบายแช่มช้าว่า “เยี่ยนย่อมไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แต่เวลานี้ผู้นำทัพคือแม่นางเยี่ยเม่ย เมื่อเป่ยเฉินอี้สอดมือเข้ามา จะทำให้แต่ละก้าวของนางถูกจำกัด หากเพราะเหตุนี้ทำให้นางได้รับความลำบาก เยี่ยนจะเสียใจจนนอนไม่หลับ” 

 

 

อวี้เหว่ยถอนใจ “ดังนั้นต่อจากนี้ไป ท่านไม่อาจอยู่อย่างสบายได้แล้ว” 

 

 

 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มจางๆ ตอบว่า “ไม่ผิด อาศัยความสามารถของนางต่อกรกับต้ามั่ว รับมือกับบรรดาแม่ทัพในชายแดนได้ไม่จบสิ้น ดังนั้นเรื่องก่อนหน้านี้ เยี่ยนสอดมือเข้าไปยุ่งน้อยมาก นางก็ไม่หวังให้เยี่ยนเข้าไปยุ่งด้วย แต่เป่ยเฉินอี้ ในเมื่อเขามาแล้วย่อมต้องมีการเตรียมตัว ความเจ้าเล่ห์ของคนผู้นั้น ทั้งใต้หล้าไม่แน่ว่าจะมีคนรับมือได้ ก็ให้เยี่ยนช่วยรับมือเถอะ” 

 

 

อวี้เหว่ยพยักหน้า “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” 

 

 

พูดไปเขายังแอบมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เพียงรู้สึกว่าเตี้ยนเซี่ยช่างใส่ใจแม่นางเยี่ยเม่ยมากเหลือเกิน เมื่อก่อนหากใครพูดเรื่องรับมือกับเตี้ยนเซี่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องทำให้อีกฝ่ายเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกแน่ 

 

 

เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสั่งการ “ไปได้แล้ว” 

 

 

 “ขอรับ” 

 

 

อวี้เหว่ยจากไปอย่างว่องไว 

 

 

   …… 

 

 

ตำหนักหลิงซาน 

 

 

เป่ยเฉินเสียงมารอหน้าประตูตำหนักตั้งแต่เช้าตรู่ 

 

 

เป่ยเจี้ยนเกอเฝ้าอยู่หน้าประตู เห็นเป่ยเฉินเสียงก็ยื่นขวดกระเบื้องใบหนึ่งให้กับองค์ชายใหญ่ จากนั้นกล่าวว่า “การมาขององค์ชายใหญ่ จวินซ่างรู้แต่แรกแล้ว นี่คือยาถอนพิษหนอน ทั่วหล้ามีเพียงขวดเดียว หวังว่าหลังจากองค์ชายใหญ่เสวยยาถอนพิษแล้ว บุญคุณความแค้นที่มีต่อองค์ชายสี่จะมลายหายสิ้น”  

 

 

เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ สายตาของเป่ยเฉินเสียงมีแววโกรธขึง 

 

 

ไม่รีบร้อนรับขวดยาไว้ กลับถามย้อน เป่ยเจี้ยนเกอคำหนึ่ง “ตัวข้าอยากรู้ว่าไฉนจวินซ่างถึงได้เข้าข้างเขาเช่นนี้” 

 

 

เป่ยเจี้ยนเกอมองเป่ยเฉินเสียงอย่างแปลกใจ “คำพูดขององค์ชายใหญ่ผิดแล้ว ทั่วหล้ามียาถอนพิษเพียงขวดเดียว จวินซ่างมอบให้ท่านแล้ว องค์ชายใหญ่ไม่เพียงไม่ซาบซึ้ง ซ้ำยังรู้สึกว่าจวินซ่างเข้าข้างองค์ชายสี่ นี่คือเหตุผลอันใดกัน” 

 

 

 “จวินซ่างมอบยาถอนพิษออกมาเพื่อเป่ยเฉินเสียงจริงๆ หรือว่าเพราะหากข้าไม่ได้รับยาถอนพิษ ภายหน้าจบชีวิตลงเพราะพิษหนอน ราชวงศ์จะไม่ละเว้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกันแน่” เป่ยเฉินเสียงเอ่ยถามเสียงดัง 

 

 

เป่ยเจี้ยนเกอเห็นเขาพูดเช่นนี้ ใบหน้าอ่อนโยนค่อยๆ เคร่งขรึม เอ่ยไปตามหน้าที่ “ในเมื่อองค์ชายใหญ่เข้าใจเหตุผลนี้ ไยต้องถามเล่า หากราชวงศ์เอาผิดลงมา ตามนิสัยองค์ชายสี่ย่อมไม่ยอมให้จัดการ เมื่อถึงเวลานั้นราชสำนักเป่ยเฉินเกิดความโกลาหล นี่คือสิ่งที่องค์ชายใหญ่อยากเห็นอย่างนั้นหรือ”  

 

 

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เป่ยเจี้ยนเกอเสริมขึ้นอีกว่า “ดังนั้น แทนที่จะบอกว่าจวินซ่างทำเพื่อท่านหรือเพื่อองค์ชายสี่ มิสู้บอกว่าจวินซ่างทำเพื่ออนาคตของราชสำนักเป่ยเฉิน” 

 

 

เป่ยเฉินเสียงฟังแล้ว โทสะยังไม่ลดลง แผดเสียงสูง “หากจวินซ่างเห็นแก่ราชสำนักเป่ยเฉินจริง ก็สมควรสังหารเป่ยเฉินเสียเยี่ยนซะ เพื่อป้องกันเภทภัยในภายหลัง” 

 

 

เป่ยเจี้ยนเกอสีหน้าเย็นชา เอ่ยว่า “องค์ชายใหญ่ จวินซ่างจัดการอย่างไร ไม่ต้องให้ท่านสั่งสอน ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของจวินซ่างกับองค์ชายสี่ ท่านไม่ใช่ไม่เข้าใจ คนมิใช่ท่อนไม้ จะไร้หัวใจได้หรือ พวกท่านต้องบีบให้จวินซ่างลงมือกับองค์ชายสี่ให้ได้ หรือว่าเป้าหมายของพวกท่านคือเห็นจวินซ่างลำบากใจ”  

 

 

เป่ยเจี้ยนเกอเอ่ยคำพูดแรงๆ ออกไปแล้ว 

 

 

สีหน้าเป่ยเฉินเสียงในเวลานี้เดี๋ยวเขียวคล้ำเดี๋ยวซีดขาว “ข้า…ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” 

 

 

เป่ยเจี้ยนเกอเสียงเย็นชา “นี่คือยาถอนพิษ องค์ชายใหญ่จะรับหรือไม่ก็แล้วแต่ ข้าน้อยกลับไปรายงานก่อน” 

 

 

เป่ยเฉินเสียงไม่เอ่ยอะไรอีก ยื่นมือออกไปรับยาถอนพิษ เอ่ยปากว่า “ข้าขอพบจวินซ่างสักครั้งหนึ่ง”