ตอนที่ 1865 เคล็ดวิชาลับในการบ่มเพาะแมลง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะราชาแห่งแมลงนี้ น่าจะต้องการแมลงกลืนทองจำนวนมากเพื่อมากลืนกันเองถึงจะเกิดสำเร็จจงได้” หานลี่เกิดประกายในแววตา ก่อนเอ่ยอย่างมีความนัย

“เห็นได้ชัดว่าสหายฉลาดหลักแหลมเกินผู้ใด ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกทั้งหมดแต่ก็ไม่ผิดจากนี้มาก นอกจากผู้อาวุโสสองสามท่านจากเผ่าแมลงเม่าของพวกเราแล้ว คนจากโลกภายนอกที่ทราบเรื่องนี้ก็มีจำนวนน้อยมาก เมื่อครู่สหายรู้สึกไม่ประหลาดใจเลยสักนิดกับเรื่องที่ข้าพูดถึงราชาแห่งแมลง คงทราบเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วไม่มากก็น้อย คนที่บอกเรื่องนี้กับเจ้าน่าจะเป็นชิงหยวนจื่อกระมัง ก็มีเพียงเขาและอาวุโสสูงสุดในเผ่าข้าที่เป็นมิตรกัน สามารถทราบเรื่องได้นิดหน่อย” อาวุโสซวีหลิงชื่นชมไป ก่อนเอ่ยหัวเราะเสียงเย็นชา

“ผู้น้อยได้ทราบเรื่องจากรุ่นพี่เจียงครั้งหนึ่งจริงๆ ได้ยินมาว่าเมื่อราชาแห่งแมลงกลืนทองเกิดขึ้นสำเร็จ แม้แต่โลกแห่งเซียนเองก็ยังต้องถอยห่างสามฉื่อ คำกล่าวนี้เป็นจริงหรือ?” หลังจากที่หานลี่เงียบไปครู่ใหญ่ จึงค่อยๆ เอ่ยถามออกมา

“แม้ว่าจะพูดเกินจริงไปมาก แต่ราชาแห่งแมลงก็เก่งกาจไม่เป็นรองผู้ใด อย่างน้อยๆ หากข้าได้พบแล้ว ก็คิดอยากต่อกรแน่” อาวุโสซวีหลิงหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ แต่ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสหากได้รับหนอนวิเศษของผู้น้อยแล้ว มีความมั่นใจเพียงใจว่าจะสามารถบ่มเพาะราชาแห่งหนอนออกมาได้” หานลี่พยักหน้า ก่อนถามอีกครั้งด้วยการเปลี่ยนหัวข้อกะทันหัน

“มั่นใจเพียงใดรึ” อาวุโสหรี่ตาลงก่อนพึมพำอยู่ครู่ใหญ่ ถึงจะยื่นนิ้วออกมาให้หานลี่ดูในที่สุด

“เพียงสองส่วนหรือ ความเป็นไปได้นี้ไม่ถือว่าสูงเท่าใดนักนี่” หานลี่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนตอบอย่างเคร่งขรึม

“หึ สหายน้อยคิดว่าราชาแห่งหนอนกลืนทองคืออะไรกันแน่ มั่นใจสองส่วนนี่เป็นข้าที่บ่มเพาะมาหลายปีอย่างยากลำบากนะ อีกอย่างยังมีวิธีอื่นที่ถือเป็นกำลังเสริมอีกถึงจะสำเร็จได้ หากเป็นคนอื่น แม้แต่โอกาสหนึ่งส่วนก็คงไม่มีกระมัง เอาล่ะ สิ่งที่ควรถามเจ้าก็ถามแล้ว และการถามนี่มันก็ออกจะเกินจากที่เราสัญญาเอาไว้มาก ต่อไปก็ได้เวลาทำตามคำสัญญาแล้ว หากเจ้ามีเงื่อนไขอะไร ตอนนี้ก็เอ่ยออกมาตรงๆ เถิด” เมื่อได้ยินว่าหานลี่ประหลาดใจเล็กน้อย อาวุโสเฒ่าก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ผู้น้อยจะกล้ามีเจตนาดูถูกท่านผู้อาวุโสได้อย่างไร ในส่วนการแลกเปลี่ยนนั้น ผู้น้อยรับปาก แน่นอนว่าต้องทำตามแน่นอน ในส่วนของเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนนั้น ผู้น้อยมีสองข้อ” หานลี่ที่ราวกับได้ตัดสินใจในใจแล้ว เวลานี้เมื่อได้ฟังซวีหลิงเฒ่าเอ่ยอย่างนี้ ก็เอ่ยอย่างไม่ไตร่ตรองเพิ่ม

“สองเงื่อนไขใดรึ ลองว่ามาเถิด” อาวุโสเฒ่าเมื่อได้ฟังคำหานลี่ สีหน้าก็ผ่อนคลายลง ก่อนพยักหน้าพลางเอ่ย

“ข้อแรก ผู้น้อยไม่ต้องการของมีค่าใดของท่านอาวุโส ขอเพียงน้ำนมวิเศษจากแม่น้ำมากขึ้นเป็นพอ ผู้อาวุโสเมื่อครู่ได้เอ่ยแล้ว หากมีแมลงกลืนทองเพียงพอ น้ำนมวิเศษก็ไม่มีประโยชน์สำหรับท่านอีก คิดว่าข้อนี้คงไม่ได้ทำให้ท่านลำบากใจนัก ข้อสอง ข้าน้อยเองก็มีความรู้เรื่องเคล็ดวิธีการบ่มเพาะแมลง และในมือข้ายังมีแมลงกลืนทองที่ไม่สมบูรณ์หลงเหลืออยู่ ข้าน้อยเองก็อยากทดลองบ่มเพาะราชาแห่งแมลงกลืนทองดูบ้าง แม้ว่าการรวบรวมสะสมแมลงกลืนทองให้เพียงพอในจำนวนที่ต้องการจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องในอีกกี่ปีข้างหน้า แต่ข้าผู้น้อยยังอยากที่จะลองดูดังนั้นจึงอยากขอเคล็ดลับในการบ่มเพาะแมลงกลืนทองที่สมบูรณ์สักหนึ่งเล่มจากท่านผู้อาวุโส” หานลี่เอ่ยทีละข้อด้วยสีหน้าจริงจัง

หลังจากฟังคำพูดของหานลี่ อาวุโสซวีหลิงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม รูม่านตาของเขาหดเล็กลง และเขาก็ตกอยู่ในห้วงความคิดลึกล้ำ

“เงื่อนไขแรกยังพอเจรจาได้ แม่ว่าข้าไม่อาจมอบน้ำนมวิเศษให้เข้าได้ทั้งหมด แต่หากมอบให้สี่ห้าขวดยังพอได้อยู่ เงื่อนไขข้อที่สองนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากหน่อย วิชาการเพาะเลี้ยงราชาแห่งหนอนนั้น เป็นเคล็ดลับเฉพาะตัวของเผ่าแมลงเม่าของพวกเรา แม้แต่ผู้อาวุโสในเผ่าบางคนก็ไม่แน่ว่าจะทราบเลย ตอนนี้หากนำมันออกมาเผยแพร่แก่คนภายนอก ก็ดูจะไม่เหมาะสมกระมัง” กว่าครู่ใหญ่ คิ้วของผู้อาวุโสก็ขมวดขึ้นก่อนเอ่ย

“เพียงแต่จะยุ่งยากหน่อยแต่ผู้อาวุโสคงทำได้แน่ ผู้น้อยไม่ได้พูดผิดใช่ไหม และท่านผู้อาวุโสน่าจะชัดเจน ไม่ว่าจะเทียบกับหนอนวิเศษแห่งโชคชะตาหรือว่าของล้ำค่าผุพังของสวรรค์ทมิฬแล้ว เงื่อนไขของผู้น้อยน่าจะถือว่าเล็กน้อยจนไม่ต้องเอ่ยถึง” หานลี่อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“เหอะๆ ที่สหายน้อยกล่าวก็มีเหตุผล เอาล่ะ อาวุโสสามารถตอบรับเงื่อนไขของเจ้าได้ แต่เกี่ยวกับเคล็ดลับของราชาแห่งหนอน เจ้าต้องสาบานด้วยสัตย์ต่อหน้าข้าด้วยใจมาร และอย่าบอกกล่าวเคล็ดลับนี้ให้บุคคลที่สองทราบ อย่างไรเสียการบำเพ็ญพรตระดับเยี่ยงเจ้านี้ พลังยับยั้งของมารภายในนั้นน่ากลัวที่สุด เมื่อผิดคำพูด ก็จะตกต่ำลงระหว่างการก้าวข้ามระดับชั้นได้ หากเป็นเยี่ยงนี้ ข้าก็สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอนวิชาลับนี้ได้” ชายชราเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที

“ไม่มีปัญหา นี่ควรแล้ว ผู้น้อยยินดีสาบาน” หานลี่เมื่อได้ยินก็แสนจะยินดี สีหน้าเคร่งขรึมครู่หนึ่ง เขาใช้ใจมารของตนในการลั่นคำสาบานที่รุนแรงและทำให้ผู้อาวุโสไม่อาจจับผิดได้ออกมา

“เอาล่ะ มาเริ่มแลกเปลี่ยนกันเถอะ น้ำนมวิเศษสองสามขวดนี้ สหายน้อยจะรับไปก่อน” ชายชราพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แขนเสื้อของเขาสะบัด และทันใดนั้นขวดสีเขียวขนาดเล็กห้าขวดก็ปรากฏขึ้นและบินตรงไปยังหานลี่

หานลี่สีหน้าเคร่งเครียด เขาหงายมือคว้าไว้ ก่อนจะคว้าขวดเล็กๆ ทั้งห้าไว้ในมือตน

หลังจากนั้นก็กวาดดวงจิตเพ่งทีละขวด ก่อนปรากฏสีหน้าพึงพอใจ

“ท่านผู้อาวุโส ด้านในนี้คือหนอนกลืนทองระดับตัวเต็มวัยทั้งหมดห้าพันตัว ขอได้โปรดตรวจสอบให้ละเอียด” หานลี่หยิบเอากำไลสัตว์วิเศษออกมาหนึ่งวง เพียงแค่สะบัดมือ มันก็ถูกโยนออกไปเช่นกัน

อาวุโสเพียงม้วนแขนเสื้อรับเอา ก็เก็บกำไลนั้นไว้ในมือแล้ว

แต่เขากลับไม่ได้เปิดกำไลสัตว์วิเศษออกทันที เพียงแต่ใช้นิ้วสองสามนิ้วกดไปเบาๆ ที่กำไลกลมนั้น

ชั่วครู่ สีหน้าของอาวุโสเฒ่าก็ปรากฏแววตาแห่งความยินดีออกมา

“ไม่เลวนี่ นี่มันเป็นแมลงกลืนทองที่เป็นตัวเต็มวัยจริงๆ อีกอย่างยังมีการเพาะเลี้ยงได้ดีมากกว่าที่ข้าคาดเดาเอาไว้หลายส่วนนัก ดีมาก ม้วนคัมภีร์หยกอันนี้เจ้าเก็บเอาไว้ให้ดีอย่าได้ให้บุคคลที่สองคนใดเห็นเขาเป็นอันขาด” อาวุโสเฒ่าลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนเบิกตาทั้งสองข้างพลางเอ่ยขึ้น

คำพูดเพิ่งเอ่ยจบ ม้วนคัมภีร์หยกที่เตรียมไว้นานแล้วก็ลอยออกมาจากแขนเสื้อเขา มันกะพริบอยู่สองสามครา ก่อนจะลอยไปอยู่เหนือศีรษะของหานลี่อย่างน่าประหลาด

“ผู้น้อยจะจำไว้” หานลี่เอ่ยตอบอย่างสุภาพด้วยความปีติยินดี ก่อนจะคว้าม้วนคัมภีร์หยกเอาไว้ในมือของเขาแล้ววางลงบนหน้าผากของเขา

เพียงเวลาชั่วขณะ ตัวอักขระมากมายในม้วนคัมภีร์หยกและภาพวาดที่สมจริงภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

หลังจากที่อาวุโสซวีหลิงได้เก็บกำไลสัตว์วิเศษที่เต็มไปด้วยหนอนกลืนทองนั้นไปแล้ว ก็เริ่มวางใจไปมากโข แต่กลับใช้สายตาที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจดจ้องมาที่หานลี่ ราวกับเริ่มสนใจในตัวหานลี่มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างนั้น

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด หานลี่เริ่มรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะขยับคัมภีร์หยกออกจากหน้าผาก และน้อมนำดวงจิตทั้งหมดกลับมา

“เป็นอย่างไรบ้าง เคล็ดวิชาของข้านั้นไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม” อาวุโสเฒ่าหัวเราะเบาๆ ก่อนถามออกมา

“ผู้น้อยจะกล้าคิดอย่างนั้นได้อย่างไร เคล็ดวิชาเพาะเลี้ยงหนอนที่ท่านอาวุโสให้มาลึกลับและมหัศจรรย์หาใดเทียบได้ การได้เสวนากับท่านทำให้ข้อสงสัยหลายประการของผู้น้อยได้รับการคลี่คลายไปไม่น้อย” หลังจากที่หานลี่เก็บคัมภีร์หยกเข้าแขนเสื้อไปแล้วก็ตอบอย่างนอบน้อม

“โอ้ เจ้าคงมีความเข้าใจบางอย่างได้ทันทีเพียงแค่ดูมัน จะเห็นได้ว่าสหายทำสำเร็จจริงๆ ในวิชาการกำจัดแมลง อย่างไรก็ตาม อย่างไรข้าเองยังคงแนะนำสหาย แม้ว่าราชาแมลงจะมีพลังมหาศาล แต่หากต้องการเพาะเลี้ยงออกมาได้จริงๆ โอกาสและกำลังทั้งกายและใจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เลย” อาวุโสซวีหลิงกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง

“ขอบพระคุณท่านอาวุโสสำหรับคำแนะนำ ผู้น้อยจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง” หานลี่สีหน้าเป็นประกายก่อนเอ่ย

“อืม เจ้าทราบก็ดีแล้ว ในเมื่อการแลกเปลี่ยนของพวกเราสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าก็ออกจากหอวายุทมิฬไปก่อนเถิด ข้าค่อยตามออกไป อย่าให้สหายจินเยี่ยนทั้งสองต้องรอนาน” อาวุโสเฒ่าพยักหน้า ก่อนกำชับโดยไม่เผยสีหน้าที่แท้จริง

“ขอรับ อย่างนั้นผู้น้อยก็ขอลาก่อน” แน่นอนว่าหานลี่ไม่ได้มีข้อเห็นต่างอันใด หลังจากที่คำนับแล้วก็กลายร่างเป็นรุ้งสีเขียนก่อนทะยานออกไปจากห้องโถง พริบตาเดียวก็หายไปท่ามกลางไอสีดำด้านนอก

“เหอะๆ ราชาแห่งแมลงรึ เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญพรตระดับผสานอินทรีย์เท่านั้นเองยังกล้าไปคิดเรื่องนี้จริงๆ หรือ หากบ่มเพาะมันง่ายอยู่เทียบได้กับการมีอยู่ของเซียนที่แท้จริงอย่างนั้นจริง เผ่าแมลงเม่าของข้าจะมิครอบครองทั้งโลกวิญญาณนี้ไปแล้วรึ เผ่าข้าได้รับวิชาบ่มเพาะแมลงมาหลายปีเพียงนี้ ยังมิเคยเห็นผู้ใดทำได้สำเร็จเลย ช่างน่าเสียดายน้ำนมหลายขวดนั้นจริงๆ แต่เมื่อได้แมลงกลืนทองมามากมายเพียงนี้ กับฉัตรหมื่นวิญญาณที่ข้าใช้เมื่อตอนผ่านภัยพิบัติ น่าจะมีโอกาสสำเร็จแปดเก้าในสิบส่วนเลยทีเดียว แมลงกลืนทองระดับตัวเต็มวัยเดิมทีก็เป็นร่างที่เหมือนกับทองคำไม่บุบสลาย หากใช้มันกลั่นฉัตรหมื่นวิญญาณก็จะแข็งแกร่งยากที่จะทะลวง เมื่อต้องผ่านภัยพิบัตินั้นก็จะมีความมั่นใจมากขึ้นหนึ่งส่วนแล้ว” หลังจากที่อาวุโสเห็นว่าหานลี่หายไปตามลำแสงก็หัวเราะเสียงดูถูกออกมาก่อนจะพึมพำออกมาหลายประโยค

ต่อมาอาวุโสซวีหลิงก็พลิกฝ่ามือ กำไรสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุแมลงกลืนทองเอาไว้ก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง อาวุโสเฒ่าบีบมันด้วยมือเดียว ก่อนเคาะมันเบาๆ

ทันใดนั้น แสงสว่างแห่งจิตวิญญาณก็วาววับ และมีเมฆหมอกสีดำทะลักทลายออกมาจากปลายนิ้ว หลังจากที่กำไลกลมถูกหมุนวน กำไลสัตว์วิเศษทั้งร่างก็กลายเป็นน้ำแข็งทมิฬสีดำสนิท ปลดปล่อยไอเย็นที่น่าอัศจรรย์ออกมา

เกิดเสียง “ปัง ปัง” สองครั้ง

ภายใต้การขยับของฝ่ามืออีกข้างของชายชรา เขาได้แปะยันต์สีน้ำเงินเอาไว้บนน้ำแข็งทมิฬในทันที จากนั้นจึงเก็บน้ำแข็งทมิฬอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย

……

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง สายรุ้งประหลาดสองสายพุ่งออกมาจากม่านแสงสีขาวของเกาะ เส้นหนึ่งสีทอง อีกเส้นหนึ่งสีเขียว หลังจากมันหมุนเคว้ง ก็ครุ่นคิดทิศทางก่อนจะแหวกอากาศออกมา

ท่ามกลางแสงที่หมุนวน แน่นอนว่านั่นคือหานลี่และชิงหยวนจื่อทั้งสองคน

หลังจากที่หานลี่และอาวุโสซวีหลิงได้ออกมาจากหอวายุทมิฬ ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุที่รู้เช่นเห็นชาติกันดีแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นจินเยี่ยนหรือว่าชิงหยวนจื่อต่างล้วนไม่ได้เอ่ยถามหานลี่ถึงเรื่องอันใดที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนกับอาวุโสซวีหลิงเลยแม้แต่นิด

หลังจากที่พูดคุยเรื่องอื่นๆ และลิ้มลองสุราวิเศษชั้นสูงที่จินเยี่ยนบ่มแล้ว เมื่อดื่มหมดจอกต่างก็แยกย้ายสลายตัวกันไป

ตลอดทาง ทั้งสองไม่ได้กล่าวอะไรมาก ต่างพุ่งตัวไปยังถ้ำที่ชิงหยวนจื่อพำนักอาศัยอยู่

สิบกว่าวันหลังจากนั้น ในที่สุดหานลี่ก็มองเห็นเทือกเขาสูงยักษ์ที่คุ้นเคยที่อยู่ห่างไกลแล้ว

ตอนนี้ แสงของชิงหยวนจื่อกลับหยุดลงกะทันหัน หานลี่ที่ตกตะลึง แน่นอนว่าก็หยุดอยู่กับที่เช่นกัน

“สหายหาน การเดินทางครั้งนี้ท่านน่าจะได้ทุกสิ่งที่ต้องประสงค์แล้ว อีกทั้งยังได้อะไรอีกเล็กน้อยด้วย ข้าก็ถือว่าได้ตอบแทนท่านแล้ว ดังนั้นหลังจากกลับไปแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะรั้งท่านไว้ในที่แห่งนี้อีก ข้าเองตัดสินใจที่จะปิดผนึกหุบเขาเสีย เพื่อเตรียมตัวรับมือกับเคราะห์สวรรค์ครั้งหน้า เหยาเอ๋อร์นั้นมีพลังวิเศษที่จะเข้าสู่ขั้นผสานอินทรีย์ จึงจะช่วยข้าได้อีกแรงในการเผชิญภัยพิบัติ ดังนั้นข้าจะนำนางไปเก็บตัวบำเพ็ญด้วย ตัวยาที่นางต้องใช้ในการพิชิตนั้น ข้าได้ตระเตรียมไว้ให้นางหมดแล้ว นอกเสียจากว่านางจะสามารถเข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ได้อย่างราบรื่น ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่มีทางปล่อยจากออกจากหุบเขาได้อย่างง่ายๆ แน่ สหายหาน เจ้าเข้าใจในเจตนาข้าใช่หรือไม่” จู่ๆ ชิงหยวนจื่อก็เอ่ยต่อหานลี่ด้วยเสียงเรียบ