บทที่ 684 โลกแห่งการแข่งขัน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ภายในถิ่นพำนักแห่งธรรมชาติ

แอนนิค ไฮดี้ จูรีเซียน และพรรคพวกที่เหลือเดินทางกลับถึงบ้านต้นไม้ และแคทริน่า สปรินต์ และนักเวทคนอื่นๆ ก็รีบพากันกลับมา เพราะแอตแลนต์จะปกป้องพวกเขาได้ดีกว่า ถ้าอยู่รวมตัวกัน

การล่อลวงให้ดรูอิดชั้นตำนานกลายเป็นปีศาจเป็นเรื่องคอขาดบาดเจ็บร้ายแรงที่สุดสำหรับเอลฟ์ในรอบหลายร้อยปี มันน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าการทำให้ต้นไม้เอลฟ์บางส่วนแปดเปื้อน ฉะนั้น พวกเขาต้องเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านเฟอร์รากอนด์ ดรูอิดตำนานระดับสอง ถูกปีศาจสิงสู่ อาจารย์เคยบอกไหมว่าปีศาจบรรพกาลทั้งเจ็ดตนไม่อาจแข็งแกร่งกว่าชั้นตำนานระดับสูงสุด? ไฮดี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึงและตื่นเต้น เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านต้นไม้

แอนนิควิเคราะห์อย่างใจเย็น “อาจารย์สรุปเอาจากเอกสารและการปรากฏของปีศาจ เขาไม่เคยเจอปีศาจบรรพกาลทั้งเจ็ดกับตาตัวเอง และยังไม่รู้ด้วยว่าปีศาจบรรพกาลมีจริงไหม บางที พวกมันอาจเป็นเพียงตัวแทนความรู้สึกชั่วร้ายใจของคนเรา และแต่ละคนก็ต่างกันออกไป อาจเป็นเรื่องนามธรรมที่ไม่ได้บอกว่าพวกมันมีอยู่จริงๆ”

“ดรูอิดชั้นตำนานก็เป็นสิ่งชีวิตที่มีสติปัญญา พวกเขาเบิกบาน เศร้า เกลียด และเจ็บปวดเป็น คงไม่แปลกที่ปีศาจจะสิงเขา เขาเป็นผู้นำธรรมชาติเคียดแค้น เฟอร์รากอนด์สะสมความเกลียดมาร้อยๆ ปี ไม่แปลกที่เขาจะเจอแบบนี้” สปรินต์ไม่ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

แคทริน่ากับนักเวทคนอื่นๆ ก็คิดเหมือนกัน ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ปัญหาก็คือการสืบสวนราบรื่นและเจอผลง่ายเหลือเกิน เหมือนไม่ใช่แผนการของชั้นตำนาน” ไฮดี้พูด ใช้สองมือไขว้หลัง ราวกับว่านางเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสในกรมตำรวจโฮล์ม

อัลเฟอร์ริสตรวจดู ‘หินแวววาว’ ที่มัน ‘ยืม’ มาจากบ้านต้นไม้ของมาร์ธาและพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ถ้านางถูกปีศาจความเคียดแค้นสิง พลังของมาร์ธาก็ถือว่าไม่เอาไหน ถ้านางไม่โง่ นางก็คงมีเป้าหมายอื่น”

มันเป็นนักเวทอาวุโสในสภาเวทมนตร์ที่เคยเจอกับปีศาจบรรพกาลมาก่อน และเขาเข้าใจความเจ้าเล่ห์ของพวกมันเป็นอย่างดี

“อัลเฟอร์ริส เจ้าจะบอกว่ามาร์ธาตั้งใจใส่ร้ายเฟอร์รากอนด์รึ? แล้วใครอยู่เบื้องหลังกันแน่?” แอนนิคมองเฟอร์รากอนด์ตาเป็นประกาย

มังกรคริสตัลตัวน้อยนับ ‘หินแวววาว’ ในอุ้งมือและตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าจะไปได้ไงว่าใครอยู่เบื้องหลัง ก็มาร์ธามาชิงระเบิดตัวเองตายไปเสียก่อน? แต่เป็นไปได้ว่าเฟอร์รากอนด์ถูกสิง หลังจากรักษามลพิษของต้นไม้เอลฟ์ แล้วแลงค์เชียร์ก็ฆ่าเขา ภารกิจของเราก็เสร็จสิ้นเสียที”

การเดินทางของข้าก็จบลงอย่างงดงาม พร้อมผลกำไรเต็มมือ!

ความจริงเป็นเรื่องเดียวที่ลูเซียนและนักเวทคนอื่นกังวล!

ตอนนั้นเอง ไอริสทีนที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก บินเข้ามาและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณที่ช่วยเราคิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง ถ้ามลพิษยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด เอลฟ์ทุกตนจะตกอยู่ในอันตราย ข้าแจ้งท่านแม่แล้ว นางขอให้ข้ามาแสดงความขอบคุณพวกเจ้า”

“ด้วยความยินดี องค์หญิง ไม่มีอะไรต้องกังวล เฟอร์รากอนด์บาดเจ็บหนักและคงไม่อาจหนีรอดจากท่านแลงค์เชียร์ หลังจากเขาตาย มลพิษของต้นไม้เอลฟ์จะถูกกำจัด แล้ว ทุกอย่างจะกลับมาปกติ” ไฮดี้ปลอบใจไอริสทีน

นางยังไม่ทันพูดจบประโยคตอนที่มีแสงสีเขียวออกมาจากผนังของบ้านต้นไม้ จุดแสงเหมือนหิ่งห้อยลอยออกมา ประดับประดาห้อง ราวกับดินแอนในฝัน ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบสุขจากก้นบึ้งของหัวใจ ดูเหมือนความรู้สึกชั่วร้ายจะสลายไปแล้ว

“เอาล่ะ…”

“เกิดอะไรขึ้น?”

เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังก้อง ไฮดี้และแคทริน่ามองออกไปนอกบ้านต้นไม้ด้วยความประหลาดใจ เมื่อพบว่ามี ‘คลื่นพลัง’ สีเขียวสว่างไหลเวียนในป่าทั้งป่า ขณะที่นำความสงบสุขมายังบ้านต้นไม้ คลื่นพลังก็เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้หวนคืนมาสู่ถิ่นพำนักแห่งธรรมชาติ

ในขณะเดียวกัน เสียงเพลงแห่งความเริงร่าก็ลอยออกมาจากใบไม้ ลำต้น ราก และพุ่มไม้ ทำให้ทุกคนลืมเรื่องที่กำลังกังวล

ในภาพที่ดูเหมือนความฝันนี้ อัลเฟอร์ริสโบกอุ้งมือไปมา หวังจะจับและเก็บจุดแสงที่เหมือนหิ่งห้อย อีกมุมหนึ่ง ไอริสทีนมองไปยังสีเขียวบริสุทธิ์ที่กำลังเรืองรองตรงกลางทะเลสาบและพูดขึ้นด้วยความปิติ นางหมดความกังวล “มลพิษของต้นไม้เอลฟ์สลายไปแล้ว!”

ภายในถิ่นพำนักแห่งธรรมชาติ เอลฟ์จะลืมกังวลและเต้นรำท่ามกลางจุดแสงและสีเขียวชอุ่ม ในกลุ่มเอลฟ์ กลุ่มนิกายถิ่นพำนักแห่งธรรมชาติกำลังดิ้นรน เส้นใยสีดำเกิดออกมาจากจิตวิญญาณ และผลุบหายเข้าไปในสุญญากาศ

หลังจากอากาศสลายไปหมด ทุกคนยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกและสบายใจ ราวกับว่าภูเขาที่แบกมานานถูกยกออกจากอก

ภายในห้องขัง เอลฟ์ที่กรีดร้องด้วยความเกลียดชังและทุกข์ทรมานค่อยๆ สงบสติลง ไอสีดำลอยออกมา เกล็ดร่วงหล่น รอยสักก็หดตัวลง ไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้

พวกเขารู้สึกถึงความสงบภายในที่ไม่ได้รู้สึกมานาน พวกเอลฟ์เอนตัวพิงกำแพง ร่ำไห้อยู่เงียบๆ เป็นสุขกับชีวิตใหม่

ต้นไม้เอลฟ์ที่สูงทะลุก้อนเมฆแผ่กิ่งก้านใบและแสงแวววาว จุดสีดำหลุดออกมาจากลำต้น เหี่ยวแห้ง และสลายไปไม่เหมือน

จู่ๆ แอตแลนต์ที่นั่งอยู่ภายในบ้านต้นไม้ก็ลืมตาขึ้นมองต้นไม้เอลฟ์ ลูกคาของเขาสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในหัวใจที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง

….

ภายในถ้ำลับ…

แลงค์เชียร์ถูกขังไว้อยู่กับที่จากวงเวทย้อนกลับ เขามองไปยัง ‘เส้น’ อีกฝั่งด้วยความสับสน มันน่าจะเป็นเนินสูงสการ์เล็ตสิ แต่ทำไมถึงเป็นหัวใจธรรมชาติ?

แล้ว อากาศมืดมิดก็ผุดขึ้นมาจากสุญญากาศและรวมตัวกันภายในวงเวทกลายเป็นของเหลว

ของเหลวมีสีดำเข้ม ก่อความรู้สึกแสนหนักหน่วงของความเกลียดกับใครก็ตามที่เห็น และทำให้ไม่อาจควบคุมหัวใจตัวเองได้

ไม่นาน ของเหลวก็รวมตัวเป็นเงาดำที่ส่วนหัวมีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ไม่ ใบหน้านั้นเกือบเรียกได้ว่าหล่อ แต่มันบิดเบี้ยวจากความละโมบ ความเกลียด และความรู้สึกอื่นๆ อันหนักหน่วง

“ไม่…” แลงค์เชียร์โวยวายอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลังจากเห็นใบหน้านั้น ทำไมการเตรียมการรับมือกับเฟอร์รากอนด์ถึงกลับมาทำร้ายเขาเอง?

เงาดำนั้นเป็นปีศาจบรรพกาลที่เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกชั่วร้ายของเอลฟ์หลายต่อหลายตน ‘ความเคียดแค้น’ และ ‘ความละโมบ’ คือสิ่งที่แลงค์เชียร์ใช้เป็นพาหะและร่างกักขังในครั้งนี้!

ปีศาจบรรพกาลที่มีที่มาหลากหลายพุ่งเข้าใส่แลงค์เชียร์ จนทำให้ร้องคร่ำครวญอย่างทรมาน

“ทำไม?”

“ราชินี ทำไม?”

เขาครวญครางและถามอย่างผิดหวัง

เสียงพูดลอยมาจากบางแห่งที่ไกลออกไป อะเกลียยาตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ครึ่งหนึ่งของข้าหลอมรวมกับหัวใจ เป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะไม่รู้อากาศมันถูกขโมยไป?”

“ไม่มีทาง! ไม่มีทาง! ข้าวางแผนมาอย่างดี!” แลงค์เชียร์ร้องไม่เป็นภาษา ไม่ยอมรับความจริง ขณะที่เงามืดดำพยายามหลอมรวมเข้าสู่ร่างเขา!

เฟอร์รากอนด์ตั้งสติกลับมาได้ เขามองไปร่างเลือนลางของอะเกลียยา แล้วถามนาง “ฝ่าบาท พระองค์รู้แผนของแลงค์เชียร์ล่วงหน้าอยู่แล้วหรือพะยะค่ะ แล้วทำไมพระองค์…”

เขาพูดไม่จบ เพราะสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาทั่วไปย่อมรู้ได้ว่าราชินีเอลฟ์ใช้ประโยชน์จากวงเวทที่แลงค์เชียร์สร้างขึ้น

เมื่อได้ยินคำถามชวนของเฟอร์รากอนด์ แลงค์เชียร์ก็ส่ายหน้ากระวนกระวาย “ทำไม… ทำไมพระองค์ไม่หยุดข้า? ทำไมปล่อยให้ข้าทำร้ายต้นไม้เอลฟ์และเผ่าพันธุ์ของเรา? ท่านก็ตาบอดเพราะความโลภด้วยสินะ?”

เขาไม่คิดว่าราชินีจะใช้เขาเป็นร่างกักขังความรู้สึกชั่วร้าย!

อะเกลียยาไม่ตอบคำถามของแลงค์เชียร์ แต่พูดอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ “ตั้งแต่ไวเค็นและบุคคลปริศนากรุยทางสู่การเป็นมนุษย์ครึ่งเทพลับๆ โลกนี้ก็เปลี่ยนไป”

วิธีไหนล่ะที่จะได้เป็นมนุษย์ครึ่งเทพ? เฟอร์รากอนด์สับสน

อย่างไรก็ตาม แลงค์เชียร์กลับนิ่งเงียบ

อะเกลียยาอธิบายต่อ “ตั้งแต่ยุคตำนาน ไม่มีทางที่เจ้าแห่งนรกและเจตจำนงแห่งอเวจีจะมาโลกมนุษย์เอง พระเจ้าจันทราสีเงินก็แทบไม่ปรากฏตัวด้วยเหตุผลมากมาย ชั้นตำนานสูงสุดเพียงตนเดียวก็เพียงพอจะรักษาเผ่าพันธ์ุและการอยู่รอดของเอลฟ์เรา”

“จากการศึกษาวิธีเป็นมนุษย์ครึ่งเทพของราชันย์สุริยา ไปจนถึงการก้าวขึ้นเป็นโป๊บของไวเค็น นักบุญแห่งสัจธรรมปิดกั้นพิเศษมากมาย ต่อมา ไวเค็นเผยแพร่วิธีขึ้นเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ลูเซียน อีวานส์ เริ่มศึกษาอาร์คานาที่ส่งเสริมเรื่องนี้ ความพยายามของสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดในการพัฒนาถึงระดับมนุษย์ครึ่งเทพกำลังออกดอกออกผล ขีดจำกัดการเป็นมนุษย์ครึ่งเทพตั้งแต่เกิดจะถูกทลายในไม่ช้า และยุคสมัยที่ทุกคนสามารถเป็นมนุษย์ครึ่งเทพได้จะมาถึง!”

นางมองแลงค์เชียร์กับเฟอร์รากอนด์ด้วยตาสีเขียวของนาง แล้วพูดต่อ

“ในกระบวนการนี้ เนื่องจากพลังศรัทธา หัวใจธรรมชาติและแหล่งพลังอื่นๆ ไม่พอ มนุษย์ครึ่งเทพจึงมีจำกัด”

“ในกระบวนการนี้ ชั้นตำนานจะล่มสลาย และมนุษย์ครึ่งเทพใหม่จะเกิดขึ้น”

“ในกระบวนการนี้ บางเผ่าพันธุ์จะล่มจม และบางเผ่าพันธุ์จะรุ่งเรือง”

“นั่นคือกระแสกาลเวลาที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้!”

เฟอร์รากอนด์อุทานด้วยความตกใจ “ฝ่าบาท…”

อะเกลียยาจ้องมองแลงค์เชียร์อย่างครุ่นคิด “ข้าคิดว่าจะไม่เข้าใจยุ่งกับปัญหา และเผ่าพันธ์ุเราจะไม่สูญสิ้นตราบใดที่เราซ่อนอยู่ในป่าสตรู๊ป แต่ความร่วมมือของเจ้ากับเจ้าชายปีศาจทำให้รู้ว่าข้าคิดผิด ในยุคนี้ ทั้งชั้นตำนานทั่วไปและชั้นตำนานสูงสุดต่างต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธ์ุตัวเอง!”

“ชั้นตำนานทั่วไปต้องหาทางขึ้นสู่ชั้นนำนานสูงสุด แม้จะมีความเสีี่ยง และชั้นตำนานสูงสุดต้องอุทิศชีวิตสู่เส้นทางการเป็นมนุษย์ครึ่งเทพ ไม่มีใครรอดพ้นจากกระแสนี้ ถ้าไม่อยากยอมแพ้และรอให้หายนะมาเคาะประตูบ้านสักวัน!”

“แม้เส้นทางนี้จะอันตรายและไม่รู้จะลงเอยอย่างไร ข้ามั่นใจว่ามีเพียงการเป็นมนุษย์ครี่งเทพเท่านั้นจะช่วยให้เอลฟ์คงอยู่ตลอดกาล ไม่ถูกกาลเวลากลืนกิน”

แลงค์เชียร์มองเงาดำหลอมรวมเข้ากับร่างของเขา ดวงตาของเขาเลื่อนลอย “ท่านเลยใช้ประโยชน์จากแผนของข้า และจะเปลี่ยนสภาวะโดยใช้ข้าเป็นร่างกักขังอย่างงั้นรึ?”

“ถูกแล้ว ความผิดของเขาจะต้องรับโทษทัณฑ์เช่นนั้น การดำรงอยู่ของเอลฟ์สำคัญที่สุด” อะเกลียยาตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่หนักแน่น แสดงรัศมีอันสูงส่ง “การพัฒนายุคนี้ไปเร็วกว่าที่ใครจะจินตนาการ เจ้าต้องวางแผนการลงมือล่วงหน้า ถ้าเราจะสู้เพื่อความอยู่รอด ถ้าเราตามหลัง เราจะพ่าย”

“ประโยคที่ลูเซียน อีวานส์ พูเถึงในเสียงอาร์คานาเหมาะกับสถานการ์นี้มาก”

“นี่เป็นโลกแห่งการแข่งขัน และไม่มีใครหนีพ้น!”

…………………………………………………