บทที่ 796 สู่สงคราม!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

เป็นภาพที่แปลกประหลาดยิ่งนัก เรือบินรบกองทหารสระน้ำทองคำครึ่งหนึ่งลอยเปล่งแสงสีม่วงอยู่กลางอวกาศ เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือบินรบเหล่านั้นพยายามเข้าควบคุมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เรือบินรบได้แปรเปลี่ยนมาเป็นกรงขังพวกเขาเองและ…กลายเป็นอาวุธของหวังเป่าเล่อไปเสียแล้ว!

 เรือบินรบจำนวนมากพร้อมตั๊กแตนกลับกลายมาอยู่ภายใต้การบัญชาการของหวังเป่าเล่อ รูปลักษณ์ที่เคยเป็นแมลงปอบัดนี้แปรเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ มันดูคล่องแคล่วน้อยลง แต่ดุร้ายป่าเถื่อนขึ้น เสียงหึ่งๆ เหมือนมีอะไรถูกันไปมาดังออกมาจากด้านใน เป็นเสียงซึ่งทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องตื่นกลัวไปถึงขั้ววิญญาณ

สถานการณ์พลิกผัน คมมีดที่กองทหารสระน้ำทองคำเคยหันใส่อีกฝ่ายบัดนี้ได้วกกลับเข้าสู่ตนเองแล้ว!

ผู้ฝึกตนกองทหารสระน้ำทองคำล้วนหายใจถี่รัวด้วยความตื่นกลัว หลายคนถึงกับส่งเสียงออกมา เหล่าผู้บัญชาการหน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูก ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น กองทัพที่หายไปกว่าครึ่งทำให้พวกเขาตื่นตระหนก รีบหันไปมองอี้เหนียนจื่อด้วยสายตาวิงวอน

อี้เหนียนจื่อมีสีหน้าคร่ำเคร่ง เมื่อเห็นสายตาวิงวอนของเหล่าผู้บัญชาการก็เงียบไป เขาสามารถช่วยได้ก็จริง แต่ก็ต้องมีเหตุผลให้ช่วย โชคไม่ดีที่ตอนนี้ยังไม่พบเหตุผลใด

หลงหนานจื่อยังไม่ได้เปิดใช้งานโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกา อีกฝ่ายใช้เพียงเรือบินรบในการต่อสู้แม้อี้เหนียนจื่อจะปล่อยการโจมตีออกไปในช่วงคับขันก็ตาม หลงหนานจื่อเล่นตามกฎเกณฑ์มาโดยตลอด!

หากเขาเข้าไปยุ่งตอนนี้จะต้องโดนตราหน้าว่าเป็นคนไปกลั่นแกล้งกดดันศิษย์น้องและถือเป็นการทำผิดกฎด้วยเช่นกัน หากเป็นคนอื่นคงจะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่อีกฝ่ายดันเป็นหลงหนานจื่อ ชายที่ปรมาจารย์ชื่นชอบ หากทำอะไรไปจะถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม

ใบหน้าของอี้เหนียนจื่อเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นในหัว ภายในเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย แต่คู่ต่อสู้คนนี้กลับวางสิ่งกีดขวางไว้ทุกครั้ง ดวงตาของอี้เหนียนจื่อผุดแววสังหาร เขาจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างลุ่มลึก ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “หลงหนานจื่อ ส่งอสูรคืนมา…เราจะประกาศว่าเจ้าเป็นผู้ชนะการท้าประลองนี้!”

“ขอโทษทีศิษย์พี่ ข้าจะรับมันไว้เป็นรางวัลจากการชนะสงคราม” หวังเป่าเล่อว่าพร้อมยิ้มบางให้ ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย แต่ตนก็ไม่ได้มีไมตรีจิตให้อีกฝ่ายด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขามีชัยเหนือกว่าและเล่นตามกฎเกณฑ์ เหตุใดจึงต้องยอมทิ้งโอกาสในการชนะครั้งนี้ไปด้วยเล่า

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการมาก เมื่อมีตั๊กแตนในครอบครอง ถึงจะแพ้การท้ารบครั้งนี้และต้องเสียทรัพยากรจำนวนมากเป็นค่าชดเชยก็ยังถือว่าคุ้ม

อี้เหนียนจื่อไม่ได้แปลกใจกับคำตอบของหวังเป่าเล่อ เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้หลงหนานจื่อส่งตั๊กแตนมาให้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องถามออกไป อี้เหนียนจื่อพิจารณาหลงหนานจื่ออยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะหันหน้าหนีและกลับออกจากสนามรบไป

เนื่องจากเขาไม่มีเหตุผลในการเข้าร่วมต่อสู้จึงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้อยู่ต่อ ความพ่ายแพ้ของกองทหารสระน้ำทองคำย่อมส่งผลต่อกองทหารปลาคุนสีเขียว แต่เขาก็ไม่ใช่ปรมาจารย์และเจ้าของเพียงผู้เดียวของกองทหารปลาคุนสีเขียว ถึงกระนั้น…อี้เหนียนจื่อก็พบกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งในการสำเร็จโทษหลงนานจื่อ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยเรื่องนี้ไป ขณะกำลังจะออกไปนั้น ชายวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้น

“สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมวัตถุเวท ข้าไม่เคยเห็นเคล็ดวิชาปรสิตมาก่อน หากนำมาใช้อย่างชาญฉลาดก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ขนาดใหญ่ได้ กองทหารสระน้ำทองคำพ่ายแพ้อย่างหมดรูปจริงๆ!” พูดจบ อี้เหนียนจื่อก็มุ่งหน้าหายไปในหมู่ดาวโดยไม่หันมามองกองทหารสระน้ำทองคำแม้แต่น้อย

ขณะที่กองทหารสระน้ำทองคำกำลังฝืนรับความขมขื่น หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาลง คำพูดทิ้งท้ายของอี้เหนียนจื่อเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท เขาตั้งใจพุ่งเป้าไปที่เคล็ดวิชาปรสิต พยายามจะให้ทางสำนักชิงเคล็ดวิชาปรสิตไปจากตนเหมือนที่เคยชิงโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาไป เขาอยากช่วงชิงไพ่ตายของหวังเป่าเล่อมา

หากทางสำนักได้เคล็ดวิชาไป กองทหารปลาคุนสีเขียวก็สามารถจัดหามาไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย เมื่อมีเคล็ดวิชานี้ก็สามารถเรียกคือสิ่งที่เสียไปจากความพ่ายแพ้ของกองทหารสระน้ำทองคำกลับมาได้ และหากพวกเขาใช้เคล็ดวิชานี้อย่างชาญฉลาด กองทหารปลาคุนสีเขียวก็อาจสร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมได้ด้วย

ความคิดทั้งหมดนี้ผุดขึ้นในหัวหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว เขานึกระแวงอี้เหนียนจื่อมากขึ้น นอกจากอี้เหนียนจื่อจะเก่งกาจด้านการควบคุมอารมณ์แล้ว พลังชั่วร้ายของเขาก็เป็นสิ่งที่ต้องระวัง ชายหนุ่มคิดเรื่องนี้ไว้อยู่แล้วตอนตัดสินใจลงมือ เขาเตรียมพร้อมมาตลอด ทำให้แม้จะยังระแวดระวังอี้เหนียนจื่ออยู่แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ กองทหารสระน้ำทองคำต้องยอมจำนนกับความพ่ายแพ้ หลังจากชนะการท้ารบอย่างองอาจ หวังเป่าเล่อก็รีบรวบรวมข้อมูลเคล็ดวิชาปรสิตคร่าวๆ และส่งไปให้เทพธิดาหลิงโยว

เขาส่งข้อความผ่านเทพธิดาหลิงโยวไปยังผู้ดูแลกิจการสวี แจ้งว่าจะนำเคล็ดวิชานี้ไปมอบเป็นของขวัญให้ปรมาจารย์

ชายหนุ่มไม่ได้ขออะไรเป็นการแลกเปลี่ยน เพียงแค่มอบให้เป็นของขวัญเท่านั้น!

การให้ของขวัญครั้งนี้มีผลประโยชน์อย่างหนึ่ง นั่นคือได้การยินยอมจากปรมาจารย์ให้สามารถจัดการกับของที่ชิงมาได้จากการทำสงครามตามความเหมาะสม ซึ่งหมายความว่ากองทหารสระน้ำทองคำไม่มีทางเอาสิ่งที่สูญเสียไปแล้วกลับคืนไปได้ นอกจากนี้ พวกเขายังต้องยกทรัพยากรจำนวนมากให้เพื่อเป็นค่าชดเชย อันดับของพวกเขา…ตกลง อันดับสิบเก้าตกเป็นของกองทหารผ่าวิญญาณ!

การท้ารบครั้งนี้เรียกความสนใจได้ไม่น้อย หวังเป่าเล่อและกองทหารผ่าวิญญาณเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาจากการท้ารบทั้งสองครั้ง การท้ารบครั้งล่าสุดทำให้พวกเขาได้ไปยืนอยู่ในอันดับสิบเก้า ทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ให้ความสนใจชายหนุ่มมากทีเดียว ศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มให้ความเคารพยำเกรงเขา

กองทหารและผู้ฝึกตนบางส่วนในสำนักเริ่มสงสัยว่ากองทหารผ่าวิญญาณจะเล็งอันดับใดต่อไป ขณะที่พวกเขากำลังนึกสงสัย หวังเป่าเล่อก็ตรวจดูของที่ได้มาและแบ่งทรัพยากรส่วนใหญ่ไปให้ตั๊กแตน หลังจากหลอมกองเรือบินรบขึ้นใหม่ เขาก็ไม่ได้ไปท้ารบกับใคร

ตอนนี้ชายหนุ่มตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างตนเองและกองทัพอื่นๆ ที่มีอันดับสูงกว่า คงจะเป็นการดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้ส่งมอบเคล็ดวิชาปรสิตไป ถึงข้อมูลที่ให้สำนักไปจะแค่เล็กน้อย แต่ก็หวังพึ่งพาเพียงเคล็ดวิชานี้ไม่ได้ กระบวนการทำงานของเคล็ดวิชาจะเป็นที่ประจักษ์หากใช้ไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มพิจารณาอย่างละเอียดและสรุปว่าคงจะไม่ดีเท่าไหร่หากใช้เคล็ดวิชานี้ต่อไป

เขาควรเพิ่มพูนพลังและสร้างรากฐานที่มั่นคงมากกว่า ในการท้าสู้ครั้งต่อไปควรเล็งที่สิบหรือห้าอันดับต้น หรืออาจจะสูงกว่านั้น ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย แต่จากสถานการณ์ของหวังเป่าเล่อในปัจจุบัน การจะหาทรัพยากรจำนวนเท่านั้นในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถแต่อย่างใด

เหมือนว่าข้าต้องออกเดินทางอีกแล้ว เดินตามวิถีของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์…แล้วมาดูกันว่าจะไปเจออารยธรรมกลายพันธุ์เหมือนรอบก่อนหรือไม่… หวังเป่าเล่อพิจารณาตัวเลือกสักพักก็ตัดสินใจไม่ทำอะไรในทันที ชายหนุ่มใช้เวลาสองสามวันในการตรวจประเมินกองทหารและวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้

กองทหารของข้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยทรัพยากรที่จำเป็น นอกจากนี้ข้ายังต้องการโอกาสในการพัฒนาขั้นการฝึกตน… ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแววเด็ดเดี่ยว หวังเป่าเล่อตัดสินใจออกเดินทางจึงไปตามหาเจ้าลาและเจ้าอู๋น้อยที่ได้สร้างความสนิทสนมกันในช่วงเวลานี้ ทั้งสองเหมือนจะสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกว่าสายสัมพันธ์ซึ่งมีต่อหวังเป่าเล่อเสียอีก หลังจากถูกชายหนุ่มเรียกตัว ทั้งสองก็นั่งเคียงข้างกันบนเรือบินรบเวท จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าออกจากกองทหารผ่าวิญญาณบนดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณไป

กองทหารพุ่งทะยานผ่านห้วงอวกาศ ออกจากเขตแดนในอาณัติของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ไป ภาพตั๊กแตนและเรือบินรบนับหมื่นของกองทหารผ่าวิญญาณในเขตพื้นที่สาธารณะดูน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง ผู้ฝึกตนที่ผ่านไปมาต่างตะลึงงัน รีบหลีกทางให้อย่างรีบร้อน กองทหารของสำนักอื่นๆ ต่างก็จับตามองอย่างระแวดระวังเมื่อได้เห็นกองทหารผ่าวิญญาณ

“นั่นหลงจอมคลั่งนี่!”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวของกองทหาร แต่กลับแข็งแกร่งจนขึ้นมาอยู่ในอันดับสิบเก้าของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์แม้จะยังไม่ได้ลงมือจริงจัง ถ้าเขาตัดสินใจลงมือแล้วละก็ อาจจะขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับต้นเลยด้วยซ้ำ!”

“ใครไปหาเรื่องเจ้าบ้านี่เข้าต้องจบไม่ดีแน่ เราอย่าไปยุ่งกับเจ้านั่นเลยดีกว่า!”

การเดินทางของหวังเป่าเล่อเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางสายตาระแวดระวังของฝูงชน ค่าหัวที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำตั้งไว้เหมือนจะหมดความน่าสนใจไป กองทหารมังกรหยดหมึกที่เป็นคนตั้งค่าหัวก็ล้มเลิกการตามล่าตัวชายหนุ่มไปแล้วเช่นกัน หวังเป่าเล่อมาถึงดวงเนตรหมื่นปีศาจ ดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อย่างปลอดภัย!

 สิทธิ์ที่กองทหารผ่าวิญญาณได้รับทำให้เขามีสิทธิ์การเข้าถึงที่จำเป็น ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบก ส่งกองทหารมุ่งหน้าตรงไปยังดารานิรันดร์ พริบตาต่อมา…กองทหารผ่าวิญญาณก็หายวับไปจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์โดยสมบูรณ์!

ทั้งหมดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง…ท่ามกลางหมู่ดวงดาราในห้วงอวกาศ!

……………………….