บทที่ 227 เหนือกว่าฮั่นเฟิง

‘ด้วยการปรับปรุงพลังจากเส้นทางดวงดาว ความสามารถในการฝึกฝนของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่มันดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่นี้ คลื่นพลังงานนั้นได้ชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายของข้าและลดคอขวดสำหรับการบ่มเพาะของข้าไป’

จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินนั้นน่าหวาดกลัวยิ่ง ขณะนี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงคอขวดในการบ่มเพาะของช่วงขอบเขตปฐพีระดับที่ 4 5 และ 6 ได้ แต่ก่อนหน้านี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงแค่คอขวดของสองระดับถัดไป

ในบรรดาทั้งสี่คน มีเพียงแค่ฮั่นเฟิงและหลี่ฟู่เฉินเท่านั้นที่จะได้รับการปรับปรุงจากพลังงานของเส้นทางดวงดาว เพราะสองคนนี้ได้ผ่านด่านแรกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจะไม่ได้รับการปรับปรุงจากพลังของเส้นทางดวงดาวอีกต่อไป นอกเสียจากว่าพวกเขาจะผ่านด่านที่สองไปได้

ในส่วนที่สองของเส้นทางดวงดาว สนามพลังฉีเพิ่มแรงกดดันขึ้นเป็นสองเท่า

เมื่อฮั่นเฟิงก้าวเท้าเข้าไปบนมัน เขารู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อย

สำหรับอีกสองคนข้างฮั่นเฟิง การแสดงออกของพวกเขาอึดอัด

“ยังคงได้อยู่” เมื่อเดินบนส่วนที่สองของเส้นทางดวงดาว หลี่ฟู่เฉินไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง

หากส่วนแรกของเส้นทางดวงดาวเป็นสายลมอ่อนๆ ที่อ่อนโยน ส่วนที่สองก็คงเป็นสายลมธรรมดาที่อ่อนโยนเช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นสายลมอ่อนโยนหรือสายลมปกติที่อ่อนโยน สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยความเร็วสูง มันย่อมมีความแตกต่างกันไม่มากนัก ลมที่ว่านั้นก็เหมือนมีไว้แค่เป่าผมของพวกเขาเท่านั้น

โดยไม่ลดความเร็วใดๆ หลี่ฟู่เฉินเริ่มที่จะวิ่งเร็วขึ้น

“เร็วจริงๆ”

เยาวชนที่มีร่างกายกำยำคนนั้นมีการแสดงออกที่ไม่อาจคาดเดาได้

ชายหนุ่มผู้ผอมเพรียวอีกคนหนึ่งเยาะเย้ย “อวดเก่ง เขาจะต้องเสียใจในภายหลัง”

ในเขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาว ท่านจะต้องไม่ทำตัวอวดดี เช่นนั้นท่านจะสามารถเดินไปได้ไกลกว่าเดิม หากท่านรีบเร่งเพื่อลดเวลาที่ใช้ไป ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่สามารถเดินไปได้ไกล​ แม้แต่ร่างกายและจิตใจของท่านก็จะรู้สึกเหนื่อยล้าไปด้วยเช่นกัน

เมื่อฮั่นเฟิงเห็นว่าหลี่ฟู่เฉินรวดเร็วแค่ไหน สีหน้าของเขาดูเย็นชาขึ้น

เขารู้สึกว่าหลี่ฟู่เฉินกำลังทำสิ่งนี้โดยเจตนา ทำให้เขาอับอาย

เขาจะไม่ยอมแพ้กับคนเช่นนี้ ฮั่นเฟิงจะใช้การกระทำของเขาเพื่อแสดงให้คู่ต่อสู้ของเขาเห็นเสมอ สิ่งนี้ก็เป็นแค่การนำความอับอายมาให้กับตัวเอง

“ตราบใดที่มันไม่ใช่คนที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อควรระวัง ข้า ฮั่นเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใคร”

ฮั่นเฟิงไม่ได้บอกกับสองคนที่ด้านข้างและก็ระเบิดความเร็วของเขาออกมา มันทำให้เขาตามหลี่ฟู่เฉินทันในทันที

ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ฮั่นเฟิงก็ทิ้งหลี่ฟูเฉินไว้ข้างหลัง

“ฮั่นชิเซียงน่ากลัวยิ่ง เขาสามารถรักษาความเร็วเช่นนั้นไว้ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในส่วนที่สองของเส้นทางดวงดาว ไอเจ้านั้นต้องกำลังมึนงงอยู่แน่!”

“จากสิ่งที่ข้าเห็น เขาแค่อยากจะอวดตนและทำให้ฮั่นเฟิงขายหน้า แต่น่าเสียดายที่เขาเลือกคู่ต่อสู้ผิด”

“เรามาวิ่งให้ช้าลงกันเถอะ อย่างไรก็ตาม เส้นทางดวงดาวมีเส้นขอบฟ้ากว้างขวางและอากาศไม่มีสิ่งเจือปน ยังไงเราก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะห่างไปสองถึฝสามกิโลเมตรก็ตาม”

“ก็ดี วิ่งให้มันช้าลง ไม่งั้นเราอาจจะเป็นแบบเจ้านั้น”

พวกเขาสองคนคิดว่าหลี่ฟู่เฉินนั้นต่ำต้อยและคิดว่าเขาเพิ่งจะเลือกคู่ต่อสู่ผิด

แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นเพราะความมั่นใจในตัวของฮั่นเฟิง พวกเขาไม่คิดว่าฮั่นเฟิงจะพ่ายแพ้หลี่ฟูเฉิน​

เมื่อหลี่ฟู่เฉินเห็นฮั่นเฟิงมาหาเขา ในใจของเขาไม่ได้มีสิ่งแม้แต่เล็กน้อย ความเร็วปัจจุบันเป็นความเร็วเขาทำได้ง่ายๆ ไม่ได้ลำบากอะไร และยังไม่มีแรงกดดันใดๆ แม้แต่น้อย มีเพียงความปิติสุขที่สนามพลังฉีของเส้นทางดวงดาวได้พัดผ่านจิตใจและร่างกายของเขาไปเท่านั้น

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แต่ความเร็วของหลี่ฟู่เฉินก็ยังคงค้างอยู่ที่เดิม

“บุคคลนี้มีเคล็ดลับบางอย่างอยู่ใต้แขนเสื้อของเขา เขาสามารถรักษาความเร็วของเขาได้ตลอดเวลาจริงๆ ”

พวกเขาสองคนถูกทิ้งไว้ไกลกว่าสิบกิโลเมตรแล้ว ปัจจุบัน พวกเขากำลังเหงื่อออกทั่วทั้งร่างกาย​ เชกเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไปที่ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก

“น่าเสียดาย ที่เขาจะไม่มีวันแซงฮั่นชิเซียงที่อยู่ห่างจากเขาไปสามสี่กิโลเมตรได้”

“เราควรชะลอความเร็วของเรา เราจะได้สามารถอยู่บนเส้นทางดวงดาวแห่งนี้ได้นานขึ้น เพื่อจะได้เห็นฮั่นชิเซียงจะทิ้งเขา และเหลือไว้แต่ฝุ่นผง​”

ในขณะนี้นั้น พวกเขาสองคนล้มเลิกความคิดที่จะแข่งขันไปแล้ว

ไม่ว่ากรณีใดๆ มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะผ่านด่านที่สองของเส้นทางดวงดาวไปได้ พวกเขาตระหนักได้ว่าศักยภาพของหลี่ฟู่เฉินนั้นเหนือกว่าพวกเขามาก

อย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป รูปร่างของหลี่ฟู่เฉิน และฮั่นเฟิงก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจุดดำเล็กๆ สองจุดในสายตาของพวกเขา

“ช่องว่างแปดกิโลเมตร มาดูกันว่าเจ้าจะติดตามข้าได้อย่างไร”

ฮั่นเฟิงเป็นกังวลต่อสิ่งนี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกเหนื่อยล้าก็ตาม

ลดการระวังตัวลง ความเร็วของฮั่นเฟิงก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกัน

หลังจากระยะเวลาหนึ่ง มันก็ลดลงไปอีกครั้ง

โดยที่ไม่รู้ตัว ความเร็วของฮั่นเฟิงนั้นก็กลายมาเป็นช้ากว่าหลี่ฟู่เฉิน

แปดกิโลเมตร เจ็ดกิโลเมตร หกกิโลเมตร ห้ากิโลเมตร

เมื่อหลี่ฟู่เฉินอยู่ห่างจากฮั่นเฟิงเพียงห้ากิโลเมตร ฮั่นเฟิงดูไม่พอใจอย่างมาก

หายใจเข้าลึกๆ ฮั่นเฟิงระงับความปรารถนาที่จะเพิ่มความเร็ว

สี่กิโลเมตรครึ่ง สามกิโลเมตรครึ่ง สองกิโลเมตรครึ่ง

เมื่อฮั่นเฟิงเห็นว่าหลี่ฟูเฉินอยู่ห่างไปเพียงสองกิโลเมตรครึ่ง เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

“เวรเอ้ย”

ไม่มีทางเลือกอื่น ฮั่นเฟิงเพิ่มความเร็วของเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาเร็วกว่าเดิมมาก มันดูคลายกับร่างเงาที่กำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางดวงดาว

เมื่อเขาเว้นช่องว่างไปประมาณห้ากิโลเมตร ฮั่นเฟิงค่อยๆ ลดความเร็วลง

แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ช่องว่างระหว่างพวกเขาก็สั้นลงเหลือเพียงสองกิโลเมตรครึ่งอีกครั้ง

“เขาไม่รู้รึไงว่าอะไรคือความเหนื่อยล้า?” ฮั่นเฟิงรู้สึกไม่เท่าเทียมในหัวใจของเขา

เขาเป็นเหมือนนักพนันบนโต๊ะเดิมพัน จากจุดเริ่มต้นของเขา เขาเริ่มด้วยความสงบ สิ่งนี้เองก็ได้สร้างสติให้กับเขา แต่ในปัจจุบันที่เป็นอยู่เขาไม่สามารถคุมความสงบและสติของเขาได้เลย

สองกิโลเมตร หนึ่งกิโลเมตรครึ่ง

ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนลดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

หอบอย่างหนัก ฮั่นเฟิงต้องการที่จะเพิ่มความเร็วของเขา แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถเพิ่มความเร็วได้มากไปกว่านี้แล้ว

การวิ่งแต่ก่อนของเขาใช้พลังงานเพียงเล็กน้อย แต่สนามพลังฉีในเส้นดวงดาวปัจจุบันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันคล้ายกับลมแรงของพายุ

“ข้าทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ความเร็วในปัจจุบันของข้าอาจทำให้ข้าสามารถนำหน้าอยู่ต่อไปได้ แต่ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก เมื่อเขาตามข้าทัน ข้าจะวิ่งด้วยความเร็วที่เท่ากันกับเขา” ฮั่นเฟิงคิดกับตัวเอง

ในช่วงเวลาสั้นๆ หลี่ฟู่เฉินก็ไล่ตามทัน

ฮั่นเฟิงมองเขาอย่างรวดเร็วและดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไม่มีร่องรอยของเหงื่อในร่างกายของเขา เขาวิ่งราวกับกำลังลอยอยู่บนเมฆและกำลังลอยอยู่ในสายลม เขามีท่าทางที่สดชื่นและดูเหมือนจะไม่มีความเหนื่อยล้าอะไรเลย

รักษาความเร็วเท่าเดิม หลี่ฟูเฉินวิ่งเคียงข้างฮั่นเฟิงอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่

ประมาณ 50 กิโลเมตรด้านหลัง เยาวชนที่แข็งแกร่งและเยาวชนที่ดูผอมแห้งดูโง่งม

หลี่ฟู่เฉินตามฮั่นเฟิงมาและยังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนเขา

นี่มันความเร็วอะไรกัน?

แฮ็ก! แฮ็ก! แฮ็ก!

การหายใจของฮั่นเฟิงดูผิดปกติ เหงื่อของเขาค่อยๆ ไหลออกมาอย่างชุ่มโชก

มองไปยังคนที่อยู่ข้างๆ เขา หลี่ฟู่เฉินยังคงดูสะอาดและเรียบร้อย

ครึ่งร่าง หนึ่งร่าง

หลี่ฟู่เฉินได้นำหน้าฮั่นเฟิงเป็นครั้งแรก

ฮั่นเฟิงกัดฟันของเขา เขาไล่ตามเพื่ออุดระยะห่างนี้

15 นาที 30 นาที

ฮั่นเฟิงใช้พลังงานทั้งหมดของตัวเองแล้ว แต่เขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เพราะว่าเขาไม่สามารถไล่ตามความเร็วของหลี่ฟู่เฉินได้อีกต่อไป

“เป็นไปไม่ได้ ข้า ฮั่นเฟิงผู้นี้ จะแพ้? เขาจะต้องมีสิ่งประดิษฐ์ที่โกงได้แน่ๆ” ฮั่นเฟิงมีสีหน้าที่น่ากลัว

เมื่อหลี่ฟู่เฉินเว้นช่องว่างห่างจากเขาประมาณสิบเมตร ฮั่นเฟิงก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“สารเลว ไปให้พ้นจากเส้นทางแห่งดวงดาวซะ”

ฮั่นเฟิงตวาดอย่างรุนแรง กระบวนท่าแรกที่เขาใช้ออกมานั้นเป็นกระบวนท่าสังหารที่ใช้ออกเพื่อโจมตีหลี่ฟู่เฉินด้วยความเร็วสูงสุด

หลี่ฟู่เฉินขมวดคิ้วและระเบิดความเร็วออกมาในทันที มันเร็วกว่าความเร็วสูงสุดของฮั่นเฟิงที่ระเบิดมาก่อนหน้านี้

บูมม!

มันเป็นระเบิดพลังฉี แต่มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อหลี่ฟู่เฉินแต่อย่างใด

“ข้าจะทิ้งเขาไปในทีเดียว”

หลี่ฟู่เฉินรักษาความเร็วสูงสุด เขาไม่ต้องการต่อสู้อย่างไร้ความหมายบนเส้นทางดวงดาว เว้นไว้แต่จะจำเป็น

ห้าร้อยเมตร

สามกิโลเมตร ห้ากิโลเมตร สิบกิโลเมตร

ในช่วงเวลาสั้นๆ หลี่ฟู่เฉินก็อยู่ห่างจากฮั่นเฟิงออกไปสิบกิโลเมตร

ฮั่นเฟิงแสดงความประหลาดใจและความไม่เชื่อออกมา เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกตบหน้าอย่างเหี้ยมโหด

เขารู้สึกราวกับว่าเขาถูกเยาะเย้ยโดยหลี่ฟู่เฉิน

“มันไม่จบ​ง่ายๆ แค่นี้แน่!” ฮั่นเฟิงแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน