ตอนที่ 971 การต่อสู้ที่ทวีความรุนแรงขึ้น

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ไม่นานหลังจากทหารวิวัฒนาการระยะ5 จากทีมความลับของพระเจ้าเข้าสู่สนามต่อสู้ในพื้นที่ชนชั้นสูง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีชูฮันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังลั่นตามมาด้วยความวุ่นวายที่ชูฮันสามารถมองเห็นได้แม้จะอยู่ไกลออกไป
  บนทางเท้าถนน…มันมีการแบ่งฝ่ายออกเป็นสองฝ่ายนำโดยทหารจากจงคุยและจงไคที่ในใจของแต่ละฝ่ายตอนนี้ได้หลุดการควบคุมไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างอาฆาตแค้นอยากจะฆ่าอีกฝ่ายจนแทบทนไม่ไหว
  ศีรษะของทหารวิวัฒนาการระยะ5 ลอยขึ้นในอากาศ พร้อมกับเลือดที่สาดเป็นเส้น ศพที่มีแต่ลำตัวนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เลือดไหลนองและกระเซ็นเปื้อนไปทั่ว กลุ้นคาวของเลือดคละคลุ้งในอากาศทำให้บรรยากาศในพื้นที่ชนชั้นสูงเปลี่ยนเป็นสยองขวัญ ให้สัมผัสของการนองเลือดและความรุนแรง  ทหารวิวัฒนาการระยะ5 ของจงคุยตายแล้ว…และผลที่ตามมาคือทั้งสองฝ่ายเลือดร้อนเต็มที่ แววตาแดงก่ำ พุ่งกรูเข้าใส่ต่อสู้กันเต็มที่
  ชูฮันที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์แสยะยิ้มอย่างพอใจการได้เห็นภาพบรรยากาศต่อสู้ที่จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องประหลาดใจอะไร ทว่ากลับเป็นสิ่งที่ชูฮันคาดเอาไว้แล้ว บรรยากาศเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง ความรู้สึกโศกเศร้าและหดหู่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เสียงกรีดร้องดังสนั่นฟ้าที่มีแต่จะรุงแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าการเข่นฆ่ากันเองกำลังลุกลามไปทั่วค่ายจินหยาง
  ”เหมิงชีเหว่ย”น้ำเสียงกังวลดังขึ้นจากปากชูฮัน หากมันไม่ได้เกี่ยวกับบรรยากาศสยองขวัญที่สนามต่อสู้ด้านล่างเลย “คนของนายแฝงตัวเข้าไปหลายลำดับชั้นนี่ มีใครเข้าร่วมในการต่อสู้นี้มั้ย?”
  เหมิงชีเหว่ยกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างฝืดๆในใจรู้สึกกลัวขึ้นมา “มี 7 คนที่แฝงตัวอยู่กลุ่มทหารและชาวบ้านทั่วไป และ 4 คนอยู่ในกลุ่มทหารระดับสูงครับ”
  ไม่ใช่แค่เหมิงชีเหว่ยที่รู้สึกกลัวแต่สมาชิกคนอื่นๆในหน่วยข่าวกรองลับที่อยู่ในห้องก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะมีสมาชิกจากหน่วยข่าวกรองลับแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าร่วมการต่อสู้กับทีมความลับของพระเจ้า ตั้งแต่ที่ชูฮันมาถึงค่ายจินหยาง ทีมความลับของพระเจ้าได้เข้าร่วมการต่อสู้ไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่พวกเขาที่มาปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ค่ายจินหยางเป็นเวลานานกลับแทบไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วยเลย เหมิงชีเหว่ยและเหล่าหน่วยข่าวกรองลับจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดในใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือเพื่อนทหารได้เลย มันเป็นเพราะพวกเขายังอ่อนหัดนัก ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ขณะนี้หัวใจของทุกคนในเต้นแรงด้วยความกังวล แม้ทุกคนจะอยู่ห่างไกลออกมาไม่น้อยแต่เสียงเข่นฆ่า เสียงต่อสู้ก็ดังมาให้ได้ยินชัด
  ตลอดการวางกลยุทธ์และแผนการรบแม้ว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือทุกครั้ง แต่ชูฮันคือคนที่คิดแผนการขั้นตอนทุกอย่างด้วยตัวเอง สอนให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรคือการแบ่งแยกแจกจ่ายงานอย่างเป็นขั้นตอนระบบ ไม่อย่างนั้น…ถ้าไม่ใช่เพราะการสั่งการของชูฮันละก็การจะทำให้ค่ายจินหยางอยู่ในสภาพอย่างเช่นด้วยฝีมือของพวกเขาเอง เวลาหนึ่งอาทิตย์ในการทำลายค่ายจินหยางจะไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด
  นอกเหนือจากความต้องการที่จะทำลายค่ายจินหยาแล้วชูฮันก็มีแนวโน้มที่จะใช้โอกาสนี้เป็นการฝึกฝนหน่วยข่าวกรองลับและทีมความลับของพระเจ้าเพิ่มไปในตัวด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในใจของชูฮันจริงๆ…ค่ายที่ชูฮันต้องการจะทำลายไม่ใช่ค่ายจินหยาง
  แม้ว่าทุกคนในหน่วยข่าวกรองลับจะมีส่วนร่วมในการประชุมทุกครั้งโดยตรงแต่ผลลัพธ์ที่กำลังปรากฏให้เห็นอยู่ในตอนนี้ก็ยังทำให้พวกเขาต้องตกใจอยู่ดี เมื่อได้เห็นกองกำลังที่ฝ่ายจงคุยและจงไคส่งมาเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ต่างฝ่ายมี เริ่มปะทะกันดุเดือดมากขึ้น เริ่มมีการนองเลือดให้เห็น เหล่าสมาชิกหน่วยข่าวกรองลับก็ตกอยู่ในภวังค์อยู่พักใหญ่เลย
  ค่ายขนาดใหญ่…ที่มีพลเอกถึงสองคน…มีความเข้มแข็งทางทหารเป็นอันดับต้นของจีน…จู่ๆก็มาเข่นฆ่ากันเอง?
  ไม่เพียงแค่นั้นแต่ที่ทำให้ทุกคนยิ่งรู้สึกหวาดกลัวชูฮันจนฝังลึกในใจในตอนนี้คือ การที่ชูฮันยืนสังเกตการณ์ทุกอย่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับยืนมองชมวิว ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ…
  ในเวลานี้ชูฮันเปรียบเสมือน…ราชาแห่งนรกที่กุมชะตาชีวิตทั้งจีนเอาไว้ในมือ!
  ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่ชูฮันคุ้นเคยหรือเข้าใกล้ทุกคนมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาสับสนและละอายขณะรู้สึกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา…พวกเขาไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนที่พวกเขาติดตามมาตลอด จิตใจของชูฮันนั้นลึกล้ำมากแค่ไหน ยังมีความน่ากลัวซ่อนอยู่อีกมากเท่าไหร่?
  ตอนนี้ชูฮันเปรียบเหมือนกับภูเขาที่ไม่ไหวติงแม้จะเจอพายุโหมกระหน่ำใส่ไม่มีแม้แต่พลังผันผวนกระจายออกมาให้รับรู้ถึงอารมณ์ของเขาเลย ชูฮันยืนนิ่งเงียบสนิทราวกับรูปปั้นหากกลับทำให้คนมองรู้สึกเกรงกลัวได้อัตโนมัติ เขาเงียบและดูไม่แยกแส ความเย็นยะเยือกที่แผ่ออกมารอบตัวและความนิ่งสงบที่ทุกคนสัมผัสได้
  ชูฮันยืนมองความเป็นความตายที่พัดผ่านสายตาเขาไปราวกับเศษฝุ่น!
  ”ยังไม่พอ…”น้ำเสียงนิ่งๆของชูฮันเอ่ยขึ้นมา สายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่พื้นที่ชนชั้นสูง ก่อนจะออกคำสั่งอันน่าหวาดผวาขึ้นมาอีกครั้ง “ทีมความลับของพระเจ้าทั้งหมด ลงไปเข้าร่วมการต่อสู้กับทหารทั้งสองฝ่าย ปั่นให้มันดุเดือดและรุนแรงขึ้นไปอีก”
  ”ครับ!”ทีมความลับของพระเจ้าดึงความคิดของตัวเองกลับมา ตอบรับคำสั่งของชูฮันและเข้าสู่สนามต่อสู้ทันที  คำว่า‘ปั่น’ ของชูฮันนั้นถ้าเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในทีมความลับของพระเจ้าอาจจะไม่เข้าใจว่าแล้วให้ทำยังไง?
  แต่ทีมความลับของพระเจ้าเข้าใจความหมายของชูฮันดี!
  ในพื้นที่ชนชั้นสูง10 นาทีต่อมา…
  ”ไอ้พวกหมารับใช้ของจงคุยมันรีบวิ่งมาวอนหาที่ตาย!”
  เสียงตะโกนเหยียดหยามของใครคนหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนของฝั่งจงไคจากนั้นมันก็มีเสียงตะโกนของคนอื่นดังตามต่อๆกันมา หลายคนเริ่มหยุดมือและถอยห่างเพื่อฟังและสังเกตการณ์ก่อน
  ”ได้!วันนี้กูเนี่ยแหละจะทำให้ชื่อไอ้จงคุยหายไปจากค่ายนี้!”
  ”ท่านพลเอกจงไคสั่งการให้ฆ่าพวกไม่รู้จักบุญคุณพวกนี้ให้หมดและจะมอบรางวัลเพื่อตอบแทนพร้อมตำแหน่ง ฆ่าพวกคนได้ 1,000 เหรียญล่มสลาย ฆ่าพวกทหารได้3,000 เหรียญ และถ้าฆ่าพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้จะได้ 5,000 เหรียญ!”
  ”ฆ่าพวกมัน!ฆ่าให้หมด ฆ่าพวกทหารที่มีตำแหน่งแล้วยึดตำแหน่งพวกมันมา! แล้วไปเอาเงินรางวัลจากพลเอกจงไคกัน!”
  ”เฮ้ย!ถ้ากูฆ่าพันตรีได้ แสดงว่ากูก็จะได้ตำแหน่งพันตรีเหรอวะ?”
  ”ใช่แล้วก็จะได้ 10,000 เหรียญล่มสลายเป็นรางวัล!”
  ”ฆ่าพวกมัน!!!”
  ”เฮ!)&!)!$%)!$%^&*[email protected]%$&*()!!”
  บทสนทนาของทีมความลับของพระเจ้าที่ปลอมตัวมาส่งผลให้กองกำลังฝ่ายจงไคเกิดฮึกเหิมเดือดจนเลือดพล่าน ความต้องการจะฆ่าพุ่งสูง รางวัลและตำแหน่งที่ได้ยินนั้นช่างเย้ายวนจนทำให้ทุกคนหน้ามืดตามัว
  ณจุดนี้ ทุกคนรู้ดีว่าค่ายจินหยางไม่สามารถมีพลเอกถึงสองคนได้ ที่ผ่านมาพวกเขาก็ขัดแย้งและสู้กันมาตลอด แต่ในเมื่อตอนนี้มีคำสั่งอนุมัติให้ฆ่าอีกฝ่ายได้แล้วแถมยังมีรางวัลตอบแทน ถ้าอย่างนั้น…
  พวกเขาก็จะฆ่าให้หมด!
  ฝ่ายกองกำลังของจงไคเปิดการต่อสู้ก่อนทันทีพวกเขาเริ่มออกตัววิ่งกรูไปทางฝั่งกองกำลังของจงคุยเต็มอัตราโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ทุกคนเข้าสู่สภาะทำลายล้างเต็มที่ จิตสังหารพวยพุ่งทะลักออกมาอย่างรุนแรง เหล่าพวกทหารที่มียศตำแหน่งและพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เองก็เปิดโหมดการต่อสู้เต็มกำลัง
  ฝ่ายของจงคุยเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่จู่ๆก็มีท่าทีเปลี่ยนไปและกำลังวิ่งมุ่งหน้าเข้าใส่พวกเขาก็อดตกใจไม่ได้ พวกเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงอัดแน่นกระจายรอบบรรยากาศ
  นี้ไอ้พวกเวรนั้นจะฆ่าพวกเขาเพราะต้องการได้ตำแหน่งและเหรียญล่มสลาย?
  จงไคช่างใจปล้ำจริงๆถึงกับยอมเสียหน้าต่อทั้งจีนนี้มันต้องการยึดอำนาจทั้งหมดเป็นของตัวเงอถึงขนาดนี้เลย?   ไม่ทันรอให้ทุกคนได้ประมวลผลทุกอย่างครบถ้วนทันใดนั้นก็มีร่างๆหนึ่งโผล่เข้ามาในเขตบริเวณชนชั้นสูง คนคนนั้นวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงตะโกนดังลั่นดึงดูดความสนใจของทุกคน “พลเอกจงคุยประกาศว่าถ้าฆ่าคนของพลเอกจงไคได้จะได้รางวัล ฆ่าชาวบ้านได้ 500 เหรียญล่มสลาย พลทหารทั่วไปได้ 2,000 เหรียญ ฆ่ายศร้อยตรีขึ้นไปได้ 5,000 ฆ่ายศพันตรีขึ้นไป 10,000 ถ้าฆ่าได้ทหารได้หลายลำดับและจำนวนเยอะจะได้ 50,000 เหรียญล่มสลาย!”
  ในเมื่อเป็นเช่นนี้…
  ”เฮ!!!”
  ฝ่ายกองกำลังของจงคุยโห่ร้องเสียงสนั่นหลายคนที่ก่อนหน้านี้ถอยหนีเพราะกลัวตายได้แรงฮึดและกลับมาเข้าสู่สภาะคลั่ง พวกเขาพุ่งเข้าปะทะกับฝ่ายจงไคอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะความหน้ามืดตามัวไม่ต่างกัน
  ”ฆ่ามัน!!!”
  ”)&^%$@$%^&!*&^%!!!”  แล้วแบบนี้จะนับจำนวณที่แต่ละคนฆ่าได้ยังไงกันนะเหรอ?
  ก็ใช้การนับตราตำแหน่งที่ยึดมาได้ในมือแต่ละคนเป็นตัววัด!
  ทั้งบริเวณตกอยู่ในโกลาหลเลือดสาดกระเซ็น มีศพเกลื่อนเต็มท้องถนน มีแต่ภาพผู้คนไล่ฆ่ากันไล่ชิงตราตำแหน่ง!