บทที่ 425 กลับสำนักเต๋าสวรรค์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

ในขณะนี้ หลิงตู้ฉิงได้มาถึงเรือนของหลิงฟ่างหัวเรียบร้อยแล้ว

และเมื่อหลิงฟ่างหัวได้ยินพ่อของนางตะโกนเรียก นางจึงรีบออกไปพาหลิงตู้ฉิงเข้ามาในเรือนทันที

“ท่านพ่อ พึ่งไปหาพี่สองมาใช่ไหม? อาการของนางดีขึ้นรึยัง?” หลิงฟ่างหัวยิงคำถามก่อนทันที

“นางดีขึ้นบ้างแล้ว” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า

“ท่านพ่อ เราต้องคุยกันเรื่องของไอ้เลวนั่นก่อน ต่อให้ท่านไม่ยินยอมแต่ข้าจะฆ่าไอ้เลวนั่นให้ได้” หลิงฟ่างหัวพูดด้วยสีหน้าเคียดแค้น “พวกเราพี่น้องไม่เคยถูกใครดูหมิ่นแบบนี้มาก่อน ข้าสาบานว่าข้าจะทำให้มันต้องเสียใจที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้!”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “พ่อได้รับปากกับว่านถิงไปแล้ว ว่าจะให้นางเป็นผู้ตัดสินชีวิตของคนผู้นั้นว่าจะอยู่หรือว่าจะตาย ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องครั้งนี้มันกระทบกับจิตใจของพี่สาวของเจ้ามากเกินไป ดังนั้นหากเจ้าเข้าไปแทรกแซงก่อนเวลาอันควร เรื่องนี้มันจะกลายเป็นทัณฑ์ทางโลกของนาง!”

หลิงฟ่างหัวกลอกตาและพูดว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจทัณฑ์ทางโลกอะไรนั่น ข้าแค่อยากฆ่ามัน”

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างหมดหนทาง “เราจะพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง! สาวน้อย ครั้งนี้พ่อไปที่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับและได้อะไรดี ๆ กลับมาให้เจ้า นี่คือสายเลือดของหนอนมิติตราบใดที่เจ้าดูดซับและเข้าใจในความสามารถของมัน ต่อให้เจ้าจะติดอยู่ในอาณาเขตสวรรค์ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ เจ้าก็ยังสามารถเจาะผ่านมิติหนีออกมาได้ หรือให้พูดอีกอย่างก็คือตราบใดที่เจ้าไม่ถูกฆ่าตายภายในทันที เจ้าก็จะสามารถหนีออกมาจากสถานการณ์คับขันทุกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน”

เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงก็หยิบขวดเลือดออกมา จากนั้นเขาก็ดึงเลือดออกมาจากหนอนมิติที่อยู่ด้านในขวด

หลิงฟ่างหัวจ้อมมองมันด้วยสายตาตื่นเต้น “ขอบคุณท่านพ่อ ข้าล่ะถูกใจกับของที่ท่านเอามาให้ข้าจริง ๆ! นี่ถ้าก่อนหน้านี้ข้ามีมันนะ ข้าคงไม่ถูกพวกไอ้คนพวกนั้นต้อนจนเหนื่อยแน่นอน ฮี่ฮี่ฮี่ คราวนี้ล่ะ ข้าจะได้เคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้อิสระอย่างแท้จริงและถ้าหากข้าเจอไอ้คนพวกนั้นอีกเมื่อไหร่ล่ะก็ ฮึ่ม!”

“เดี๋ยวก่อนนะ ฟ่างหัว! เจ้าอย่าได้คิดอะไรประมาทแบบนั้น!” หลิงตู้ฉิงรีบเตือน “เพียงเพราะเจ้าสามารถเจาะผ่านอาณาเขตสวรรค์ได้ มันไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ได้ แค่แรงกดดันจากพลังจิตของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ก็เพียงพอแล้วที่จะฆ่าเจ้า นอกจากนี้หากเจ้าพบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันหรือสูงกว่า เจ้าจะไม่สามารถหลบหนีพวกเขาเหล่านั้นได้เลยเช่นกัน เพราะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันสามารถใช้เจตจำนงของพวกเขาในการเปลี่ยนแปลงกฎได้”

“ข้าเข้าใจท่านพ่อ ข้าจะไม่ไปยั่วโมโหพวกเขา!” หลิงฟ่างหัวรีบพูด

“อืม เอาล่ะ อันดับแรกเจ้าจงดูดซับเลือดของหนอนมิติก่อนแล้ว จากนั้นก็จงทำความเข้าใจกับความลับในสายเลือดของมัน อ๋อ เอาประตูมิติของเจ้าออกมาด้วย พ่อจะช่วยปรับแต่งมันให้อีกสักเล็กน้อยด้วยวัสดุที่พ่อได้มาจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งมันน่าจะทำให้ประตูของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง” หลิงตู้ฉิงยิ้ม

เนื่องจากวิชาที่เขาถ่ายทอดให้หลิงฟ่างหัวนั้นด้อยกว่าของผู้อื่นมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงมีเรื่องที่ต้องพิจารณามากมายเกี่ยวกับการพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับหลิงฟ่างหัว

“ท่านพ่อ นี่สำหรับท่าน ท่านต้องทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอีกเยอะเลยนะ!” หลิงฟ่างหัวนำประตูมิติออกมามอบให้กับหลิงตู้ฉิงพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นนางก็เริ่มดูดซับสายเลือดของหนอนมิติเข้าไปในร่างกายของนาง

หลิงตู้ฉิงเมื่อได้รับประตูมิติมาแล้ว เขาจึงเดินจากไปเพื่อไปที่เรือนของหลิงไช่หยุนต่อ

ในขณะนี้หลิงไช่หยุนกำลังสนทนาอย่างออกรสกับเสี่ยวเยว่เฟิงและเสี่ยวหลิงเฟิง

แต่เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามาถึง หลิงไช่หยุนก็ถามกับพ่อของนางทันที “ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าอยู่ระดับ 13 ของขอบเขตประสานทะเลปราณแล้ว ข้ายังต้องบ่มขอบเขตประสานทะเลปราณต่อไปอีกไหม?”

หลังจากที่นางยกระดับการบ่มเพาะของนางจนถึงระดับ 13 นางก็ไม่แน่ใจว่านางควรจะทะลวงขึ้นไปยังขอบเขตรวมแสงดาราดีหรือเปล่า

“เจ้ารู้สึกว่าเจ้าสามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับที่ 14 ได้รึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงถามด้วยรอยยิ้ม

หลิงไช่หยุนมุ่ยหน้า “ข้ารู้สึกได้ถึงระดับ 14 เหมือนกัน แต่ข้าคิดว่าข้าคงต้องใช้ความพยายามมาก ๆ เลยถึงจะสามารถบรรลุไปถึงระดับนั้นได้”

หลิงตู้ฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้ม “แต่เดิมเจ้าไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะไปถึงระดับ 14 เพราะระดับที่ 14 สำหรับเจ้ามันอาจจะไม่ได้สำคัญเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่พ่อก็หวังว่าเจ้าจะลองพยายามไปถึงระดับที่ 14 ดูเพราะไม่ว่าจะยังไงมันก็จะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ อ๋อ แล้วอีกอย่าง พ่อได้นำของดีกลับมาให้เจ้าด้วย ของชิ้นนี้มันจะช่วยประหยัดเวลาการบ่มเพาะของเจ้าได้มากเชียวล่ะ”

หลิงไช่หยุนถอนหายใจและพูดว่า “เฮ้อ ข้าจะลองดูก็ได้ แต่มันน่าเบื่อจริง ๆ ที่ต้องนั่งบ่มเพาะทุกวัน ข้าอยากออกไปเล่นข้างนอกบ้าง”

หลิงตู้ฉิงพูดเสริมขึ้นทันที “ไช่หยุน เจ้าคือหนึ่งในไม่กี่คนของบรรดาพี่น้องของเจ้าที่สามารถบ่มเพาะไปจนถึงระดับที่ 14 ได้ ดังนั้นพ่ออยากให้เจ้าลองพยายามดูสักหน่อย ส่วนของที่พ่อนำมาให้เจ้าก็คือ เพลิงคงกระพัน และ สะเก็ดเพลิงศักดิ์สิทธิ์”

“แต่ด้วยความร้อนแรงของสะเก็ดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีสายเลือดที่พิเศษมาก ๆ แต่เจ้าก็ยังไม่สามารถสัมผัสมันได้ในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้รับอันตรายได้ ดังนั้นพ่อจะใส่มันลงไปในกงล้อเบญจธาตุ เพื่อให้เจ้าเข้าใจมันด้วยตาเปล่าไปก่อน”

“ท่านพ่อ ของสิ่งนี้ท่านจะให้มันกับข้าเลยใช่ไหม?” หลิงไช่หยุนพูดอย่างมีความสุขในขณะที่นางรับกงล้อเบญจธาตุมาไว้ในมือ

หลิงตู้ฉิงลูบหัวของหลิงไช่หยุน และหัวเราะ “กงล้อเบญจธาตุ นี้เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดเชียวล่ะ แต่น่าเสียดายที่พ่อไม่สามารถมอบให้เจ้าได้ เนื่องจากมันไม่เหมาะกับเจ้า ไว้ในอนาคตพ่อจะหาสิ่งที่เหมาะสมกว่าให้เจ้าอีกที เมื่อไหร่ที่เจ้าเข้าใจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในกงล้อแล้วพ่อจะเอามันคืน”

กงล้อเบญจธาตุประกอบด้วยวัตถุศักดิ์สิทธิ์ 5 ชิ้น ซึ่งเป็นตัวแทนของห้าธาตุแรกกำเนิดของโลก บนโลกนี้หากไม่ใช่หลิงตู้ฉิงแล้วคงมีตัวตนอีกไม่กี่ตัวตนที่สามารถใช้มันได้

“ก็ได้ ข้าจะคืนให้ท่านพ่อหลังจากที่ข้าเข้าใจมัน” หลิงไช่หยุนยิ้มและพูดขึ้น “แต่ท่านต้องรับปากกับข้ามาก่อนว่าในรอบหน้าหากท่านจะออกไปสถานที่ไหนที่น่าสนใจท่านต้องพาข้าไปด้วย!”

“ได้เลย!” หลิงตู้ฉิงตกลงอย่างช่วยไม่ได้

ลูกสาวของเขาคนนี้ก็มีอายุปาเข้าไปหลายสิบปีแล้ว แต่นางก็ยังคงทำตัวซุกซน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกเหนื่อยใจ

อย่างไรก็ตาม หลิงไช่หยุนก็เหมือนกับอี้ลั่วเอ๋อ ด้วยประสบการณ์ทางโลกอันน้อยนิดของพวกนาง มันจึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย แต่ถึงแม้ว่านางจะชอบความสนุกสนาน แต่เขาก็ไม่ได้พยายามที่จะควบคุมมัน และปล่อยให้หลิงไช่หยุนค่อย ๆ เติบโตขึ้นด้วยตัวเอง

หลังจากนั้นเขาก็ออกจากเรือนของหลิงไช่หยุน และส่งคนไปตามหลิงยี่เทียนให้มาพบ

แต่ก่อนที่หลิงยี่เทียนจะมาถึง ซือโถวเหวินหยวนกลับเป็นผู้ที่หาเขาก่อน

เมื่อซือโถวเหวินหยวนได้เข้ามาถึง เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคียดแค้น “นายท่านข้าได้ยินมาว่ามีคนรังแกนายหญิงของข้า? โปรดนายท่านบอกกับข้าทีว่าคนเหล่านั้นมันเป็นใครกัน? เมื่อข้ากลับไปสำนักเต๋าสวรรค์ ข้าจะได้รายงานเรื่องนี้ไปยังเหล่าบรรพบุรุษของข้าให้มาทำลายพวกเขาซะ!”

หลิงว่านถิงนับได้ว่าเป็นตัวตนที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักเต๋าสวรรค์ของพวกเขา ตอนนี้นางถูกรังแกเขาย่อมโกรธแค้นเป็นอย่างมาก

หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่ซือโถวเหวินหยวน และพูดว่า “เจ้ามาได้ถูกเวลาจริง ๆ ข้าเองกำลังจะให้คนไปตามเจ้าเข้ามาพอดี ข้าต้องการให้เจ้ากลับไปที่สำนักเต๋าสวรรค์เพื่อให้เจ้าไปตามคนที่มีความสามารถพอของสำนักเจ้ามาที่นี่ เพื่อให้คนผู้นั้นคุ้มกันว่านถิงไปที่สำนักของพวกเจ้า”

“นายท่านอนุญาตให้เรามารับนายหญิงแล้วงั้นเหรอ?” ซือโถวเหวินหยวนประหลาดใจ เท่าที่เขาเคยคิดหลิงตู้ฉิงจะฝึกฝนหลิงว่านถิงให้ถึงในระดับหนึ่งก่อนที่จะส่งตัวนางไปที่สำนักของเขา เขาไม่คาดคิดว่าหลิงตู้ฉิงจะส่งนางในตอนนี้

หลิงตู้ฉิงพูดอย่างชัดเจนว่า “ตอนนี้ว่านถิงมีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงและนางก็อยากจะออกไปท่องโลกภายนอก ดังนั้นข้าจึงคิดว่าการให้นางไปที่สำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้านั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามหากคนที่สำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้าส่งมานั้นไม่มีความสามารถเพียงพอจนทำให้ในระหว่างการเดินทางลูกของข้าต้องประสบปัญหาใด ๆ ก็ตาม พวกเจ้าจงเตรียมใจเอาไว้เลยว่าข้าจะไปคิดบัญชีกับพวกเจ้าแน่ ๆ พูดตามตรงนอกจากวิธีการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมแล้วสำนักเต๋าสวรรค์ของเจ้ามันก็ไม่มีอะไรที่ดูน่าสนใจมากไปกว่านั้นเลย”

ซือโถวเหวินหยวนรู้สึกผิดและพูดว่า “นายท่าน สำนักเต๋าสวรรค์ของเรายังคงมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่น่าสนใจ…”

“ไปจัดการเรื่องนี้ให้ดี แล้วข้าจะให้ผลประโยชน์บางอย่างแก่เจ้าเมื่อถึงเวลา!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น

“ขอบคุณ นายท่าน!” ซือโถวเหวินหยวนรีบพูด

“ไปได้แล้ว!” หลิงตู้ฉิงโบกมือให้เขาออกไป

ซือโถวเหวินหยวนพยักหน้าและหันหลังจากไปทันที ขณะนี้ในใจของเขาไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการพาหลิงว่านถิงไปที่สำนักเต๋าสวรรค์ ส่วนปัญหาของหลิงว่านถิง หลังจากที่เขารายงานให้เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเต๋าสวรรค์ทราบแล้วเขามั่นใจว่าสำนักของเขาจะต้องส่งคนมาจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมแน่นอน