หลิงหยุนรู้ว่าเทพอสูรทมิฬที่สร้างจากปราณทมิฬในร่างของซือกงถูนั้นก็คือหนึ่งในเทพอสูรที่พรรคมารเคารพศรัทธา..
  พรรคมารนั้นใหญ่โตและมีสำนักต่างๆ ที่อยู่ภายใต้พรรคมารอีกมากมาย แต่ละสำนักต่างก็มีเทพอสูรที่ตนเองเคารพศรัทธา ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าแต่ละสำนักอาจจะเคารพเทพอสูรองค์เดียวกัน หรือสำนักหนึ่งๆ อาจจะนับถือเทพอสูรหลายองค์ในคราวเดียวก็เป็นได้เช่นกัน..
  ยกตัวอย่างเช่น..ชาวพุทธที่เคารพศรัทธาในพุทธองค์ แต่ก็ไม่ได้กราบไหว้พุทธองค์เพียงอย่างเดียว แต่อาจจะกราบไหว้เทพเจ้ากวนอู หรือเจ้าแม่กวนอิมไปด้วยก็ได้ หรือผู้ที่นับถือเต๋า ก็ไม่ได้ศรัทธาเพียงแค่คำสอนของเต๋าเท่านั้น แต่ยังกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกเช่นกัน..
  ส่วนซือกงถูนั้นเคารพศรัทธาในเทพอสูรทมิฬตนนี้และได้กราบไหว้บูชาเทพอสูรทมิฬเพื่อขอพลังอำนาจอยู่ทุกวัน และเมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้ ซือกงถูจึงได้สร้างภาพอวตารของเทพอสูรทมิฬที่ตนนับถือขึ้นมา..
  ในเมื่อเทพอสูรทมิฬถูกสร้างขึ้นจากพลังปราณที่แข็งแกร่งของซือกงถูประกอบกับพลังศรัทธาที่มีต่อเทพอสูรตนนี้ มันจึงมีความแข็งแกร่งกว่าซือกงถูถึงสองเท่า..
  สิ่งนี้จะคล้ายกับกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุน..
  เหตุใดกระบี่โลหิตแดนใต้จึงได้มีความคมอย่างที่อาวุธอื่นใดไม่อาจเทียบได้อย่างนั้นหรือ
  คำตอบไม่ได้อยู่ที่โลหะวิธีการหลอม หรือแม้กระทั่งการตีกระบี่เท่านั้น.. แต่หลักๆ แล้วเป็นเพราะกระบี่โลหิตแดนใต้นั้น มีจิตวิญญาณของมังกรที่ถูกผนึกไว้ในตัวกระบี่ จึงทำให้มันมีความคมอย่างที่อาวุธอื่นใดก็ยากจะเทียบได้!
  เช่นเดียวกับดาบพายุที่สามารถสร้างพายุหมุนรุนแรงขึ้นได้ก็เพราะดาบพายุนั้นมีคำสาบ และดวงจิตครึ่งดวงของเทพแห่งซาตานฝังอยู่ภายในด้วยนั่นเอง..   ในอดีตนั้น..มือกระบี่ที่ต้องการจะสร้างกระบี่สำหรับตนเองสักเล่มนั้น จำเป็นที่มือกระบี่ผู้นั้นจะต้องหลั่งเลือดของตนลงไปในกระบี่เล่มนั้นด้วย หรือแม้กระทั่งยอมสละชีวิตของคนที่ตนเองรักเพื่อให้ได้กระบี่ล้ำเลิศสักเล่ม..
  เพราะจิตวิญญาณก็คือพลังจิต!
  กระบี่โลหิตแดนใต้มีพลังจิตของเทพมังกรแดนใต้ดาบพายุมีพลังจิตของเทพแห่งซาตาน และพลังจิตอันแข็งแกร่งนี้เองที่ทำให้กระบี่ และดาบทั้งสองเล่มนี้มีความพิเศษในแบบที่จะหาอาวุธใดเทียบได้ยาก!
  เทพอสูรทมิฬซึ่งเกิดจากพลังปราณของซือกงถูในเวลานี้ก็เช่นเดียวกันที่มันดูราวกับเป็นเทพอสูรที่มีชีวิตจริงๆนั้น ก็เพราะว่ามีพลังจิตแห่งเทพอสูรอยู่บ้างไม่มากก็น้อย!
  และด้วยเหตุนี้..เทพอสูรทมิฬตนนี้จึงมีพละกำลัง และพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง จนยากที่หลิงหยุนจะสามารถต่อกรได้ง่ายๆ
  ‘นับว่ายังโชคดีที่ไม่ใช่เทพอสูรจริงๆไม่เช่นนั้นข้าคงยากที่จะมีชีวิตรอดกลับไปได้..’ หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจระหว่างที่หลบเท้าอันใหญ่โตของอสูรทมิฬ..
  หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาแยกร่างออกเป็นสิบสองร่างเพื่อหลอกล่อให้เทพอสูรทมิฬไล่เหยียบ และระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้ปิดเส้นลมปราณเยิ่นของตนเอง พลังหยินในร่างกายจึงถูกสกัดไว้ จากนั้นหลิงหยุนก็ได้เดินพลังลับหยิน–หยาง และเคลื่อนเฉพาะพลังหยินนี้กลับไปไว้ที่จุดตันเถียน แล้วปล่อยให้เฉพาะพลังหยางบริสุทธิ์ไหลผ่านเส้นลมปราณทั่วร่างกายได้เพียงอย่างเดียว.. novel-lucky
  พลังหยางบริสุทธิ์ภายในจุดตันเถียนจึงสามารถไหลไปตามเส้นลมปราณได้อย่างรวดเร็ว..
  “วิชาหยางพิสุทธิ์!”
  เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว..ร่างของหลิงหยุนก็มีแสงสว่างเจิดจ้าพุ่งออกมา ลำแสงสีขาวที่พุ่งออกจากร่างของหลิงหยุนนั้น คล้ายกลับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กที่กำลังส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ!   หลิงหยุนยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางข้างขวาที่ประกบกันออกไปด้านหน้าและถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์ไปที่นิ้วทั้งสอง พลังหยางบริสุทธิ์ได้พวยพุ่งออกจากนิ้วทั้งสองของหลิงหยุน กลายเป็นกระบี่หยางพิสุทธิ์ที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตร..
  เมื่อครั้งที่เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดภายในบ้านเลขที่-1นั้น หลิงหยุนได้ดูดเอาพลังหยางบริสุทธิ์จากปีศาจภัยแล้งเข้าไป จนวิชาหยางพิสุทธิ์ของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับสอง..
  ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่..วิชาหยางพิสุทธิ์นับเป็นวิชาบ่มเพาะพลังที่ทุกคนต่างก็รู้ว่าเป็นวิชาที่ใช้สำหรับจู่โจมคู่ต่อสู้ และหากมีการใช้วิชาหยางพิสุทธิ์เมื่อใด ย่อมเป็นที่หวาดกลัวของเหล่าภูติผีปีศาจ..
  เทพอสูรทมิฬเองก็เช่นกัน..หลังจากที่ไล่เหยียบร่างของหลิงหยุนไปเจ็ดแปดร่างแล้ว มันก็เห็นลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา จึงหยุดชะงักทันที! และหันไปจ้องมองร่างจริงของหลิงหยุนที่มีแสงสีขาวเจิดจ้านี้ด้วยความรู้สึกลังเล และหวาดกลัว..
  และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความกลัวที่เกิดจากตัวซือกงถูแต่เป็นความกลัวที่เกิดจากสัญชาติญาณของจิตวิญญาณเทพอสูรทมิฬเอง..
  “เทพอสูรทมิฬงั้นรึข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสกระบี่หยางพิสุทธิ์ของข้า!”
  หลิงหยุนยิ้มเย็นเขาหันหน้าไปเผชิญกับขาสูงใหญ่ของปีศาจสูงสามเมตรที่มีสามหัวหกกร จากนั้นจึงกระโดดหมุนตัวขึ้นไปกลางอากาศ..
  “กระบี่นวสังหาร!”
  หลิงหยุนใช้เพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งของตนเอง
  ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ..
  กระบี่หยางพิสุทธิ์หกครั้งแรกฟันเข้าที่แขนทั้งหกของเทพอสูรทมิฬขาดทันทีและอีกสามครั้งต่อมาก็ตัดศรีษะทั้งสามของมันขาดเช่นกัน..
  หลังจากที่ถูกตัดทั้งศรีษะและแขนทั้งหกขาดเทพอสูรทมิฬก็ไม่สามารถรวมร่างได้อีก และหลังจากถูกฟันด้วยกระบี่หยางพิสุทธิ์ ร่างของมันก็สลายกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำทันที!
  พลังหยางพิสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่เหล่าปีศาจหรือภูติผีวิญญาณต่างก็หวาดกลัว ด้วยเหตุนี้เทพอสูรทมิฬจึงได้ตกเป็นรองหลิงหยุน..
  ในเมื่อหลิงหยุนสามารถฟันศรีษะทั้งสามและแขนทั้งหกของเทพอสูรทมิฬขาดสะบั้นเช่นนั้น ร่างของซือกงถูในกระจกเงาปีศาจก็ถึงกับกระอักเลือดออกมาติดกันถึงเก้าครั้ง!
  ครั้งนี้..ซือกงถูจึงนับว่าได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส!
  “ฮ่า..ฮ่า.. ซือกงถู! แม้เจ้าจะเป็นศัตรูของข้า แต่ก่อนที่ข้าจะสังหารเจ้า ข้าต้องขอบใจสำหรับของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้!”
  หลังจากที่หลิงหยุนใช้กระบี่หยางพิสุทธิ์ฟันใส่ร่างเทพอสูรทมิฬจนสลายกลายเป็นหมอกดำแล้วหลิงหยุนก็ได้เปิดเส้นลมปราณเยิ่นอีกครั้ง จากนั้นจึงรีบเดินพลังลับหยิน–หยางหมุนกลับทันที!
  “วิชาดูดลมปราณ”   ร่างของหลิงหยุนร่อนลงท่ามกลางกลุ่มหมอกสีดำขนาดใหญ่และรีบดูดเอาพลังปราณบริสุทธิ์เหล่านั้นเข้าไปในร่างกายทันที!
  ในวินาทีนั้น..หลิงหยุนได้เปิดจุดฝังเข็มทั้งหมดทั่วร่างกาย และรู้สึกราวกับว่าร่างของตนเองนั้นได้กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ ที่กำลังดูดเอาปราณขั้นเซียงเทียนเข้าไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อพลังปราณเหล่านั้นถูกดูดเข้าไปในร่างกาย ปราณทั้งหมดก็จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังหยิน–หยางทันที..
  ในเวลาเพียงไม่นาน..หลิงหยุนก็สามารถดูดเอาพลังปราณเข้าไปจนเต็ม และร่างกายของเขาก็ได้เข้าสู่ความสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น.. เพราะเวลานี้หลิงหยุนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปฐมชี่ได้ในทันทีด้วย!
  และยิ่งขั้นของหลิงหยุนพัฒนาขึ้นกระบวนการดูดลมปราณก็ยิ่งรวดเร็วขึ้นด้วย และเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ หลิงหยุนก็ดูดเอาพลังปราณที่สลายจากร่างของเทพอสูรทมิฬเข้าไป จนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปฐมชี่ได้ในทันที!   ระดับสูงสุดขั้นปฐมชี่มีความหมายเช่นใดน่ะหรือ
  ประโยชน์อย่างอื่นยังแทบไม่ต้องพูดถึง..เพราะที่แน่ๆ คนผู้นั้นจะสามารถกลั่นเสินหยวนได้ และเสินหยวนก็คือพลังวิเศษนั่นเอง!
  ซือกงถูเห็นหลิงหยุนสามารถทำลายเทพอสูรทมิฬของตนได้อีกทั้งยังดูดเอาพลังปราณที่สลายนั้นเข้าไปในตัวได้ด้วย มันจึงรู้ได้ทันทีว่าตนเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมากแล้ว เพราะไม่เพียงแค่ซือกงถูจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พลังปราณของมันนั้นยังช่วยให้หลิงหยุนสามารถพัฒนาขั้นได้อีกด้วย
  ซือกงถูเห็นท่าไม่ดี..จึงกลืนโอสถปราณทมิฬลงไป และรีบหลบหนีทันที!
  และแล้วกระจกเงาปีศาจก็ได้อันตธานหายไปรอบตัวหลิงหยุนจึงกลับสู่สภาพปกติดังเดิม..
  “เจ้าคิดจะหนีงั้นรึ”
  หลิงหยุนจ้องมองแผ่นหลังของซือกงถูที่กำลังกระโดดหนีเขาแสยะยิ้มออกมา และเพียงแค่คิดกระบี่เหินเงาธนูก็พุ่งเข้าขัดขวางซือกงถูอย่างรวดเร็ว!
  หลังจากที่หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปฐมชี่แล้วพลังอำนาจของจิตหยั่งรู้จึงเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสองเท่า ทำให้รัศมีในการควบคุมกระบี่เหินเพื่อสังหารเป้าหมายเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นห้าสิบเมตร!
  ในเวลาเดียวกันนั้น..หลิงหยุนก็ได้เรียกคันธนูทอง และลูกธนูเงินออกมา แล้วจัดการยิงใส่ร่างของจิ้งจอกเฒ่าอย่างซือกงถูทันที!
  ลูกธนูสามดอกที่พุ่งออกจากคันธนูพร้อมกันในคราวเดียวนั้นสองดอกปักเข้าที่ขาทั้งสองข้างของซือกงถู ส่วนอีกหนึ่งดอกปักเข้าที่ไหล่ขวาของมัน..
  แม้ว่าซือกงถูจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและพลังปราณในร่างกายได้ถูกใช้ไปกว่าเก้าสิบส่วน แต่ก็ยังมีเหลือพอที่จะใช้สำหรับปกป้องร่างกาย ดังนั้นลูกธนูทั้งสามดอกที่หลิงหยุนยิงใส่นั้น จึงเพียงแค่ปักอยู่ที่ร่างของมันเท่านั้น ยังไม่ถึงกับทะลุผ่านร่างอย่างที่หลิงหยุนต้องการ!   แต่ถึงกระนั้น..แรงของลูกธนูทั้งสามที่ปักเข้ากับร่างของซือกงถู ก็ได้ทำให้ร่างของมันพุ่งคะมำไปข้างหน้า และล้มลงไปกับพื้น เมื่อซือกงถูเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าหลิงหยุนกำลังถือกระบี่โลหิตแดนใต้ยืนขวางหน้าไว้แล้ว!
  แววตาของซือกงถูเวลานี้เต็มไปด้วยความอับอายอัปยศอดสู และท้อแท้สิ้นหวัง!
  “ซือกงถู..ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่มีทางหนีรอดไปได้!”
  หลิงหยุนยิ้มเย้ยก่อนจะร้องตะโกนบอกพร้อมกับชี้ปลายกระบี่ไปที่หน้าผากของซือกงถู..
  จากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้ดัชนีสายฟ้า ปล่อยลำแสงขนาดเท่านิ้วโป้งใส่ร่างของซือกงถูครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดพลังปราณในร่างของซือกงถูก็ถูกใช้ไปจนหมด..
  ในจังหวะนี้เอง..หลิงหยุนก็ได้ใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ตัดเส้นเอ็นข้อเท้า และข้อมือทั้งสองข้างของซือกงถูทันที
  และสามารถจับเป็นซือกงถูได้ในที่สุด!