บทที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

 

ภาคใต้

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิถูกวางลงก่อนที่มันจะดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลเข้าไป

 

“ครืน…”

 

หากบางคนเห็นสิ่งนี้พวกเขาจะตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์เพราะไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์ใดสามารถดู ดซับปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลเข้าไปได้ในครั้งเดียวเช่นนี้

 

เนื่องจากปราณสวรรค์พิภพที่หนาแน่นเกินไป มันจึงดูเหมือนกลุ่มเมฆหมอกกําลังเคลื่อนที่อย่างน่าสะพรึงกลัว

 

ดูดซับมากขึ้นและมากขึ้น รับทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ฟางหยวนยิ้ม เขาสามารถบอกได้ว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิกําลังหิวมาก

 

เมืองจิ๋ว แม่น้ําหวนคืน และหุบเขาเหล่าโป ทั้งสามเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่น่า อัศจรรย์ แต่พวกมันก็สร้างภาระที่ยิ่งใหญ่ให้กับมิติช่องว่างของฟางหยวน ค่าใช้จ่ายของพวกมันมหาศาลมาก นี่ทําให้ฟางหยวนต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพเป็นครั้งคราว

 

“นี่คือก่อนที่ภูเขาตงฮันจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากมันกลับสู่สภาพเดิม ปริมาณปราณสวรรค์พิภพที่มิติช่องว่างของข้าต้องการจะเพิ่มขึ้นไปอีก

 

จากแง่มุมนี้การทําลายภูเขาตงฮันกลับเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวนเล็กน้อย

 

แน่นอนว่าเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือมิติช่องว่างจักรพรรดิมีทรัพยากรมากมาย มันเหมือน รากฐานขนาดใหญ่ที่แบกรับน้ําหนักของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสี่เอาไว้ มิติช่องว่างทั่วไปไม่สมารถรองรับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพสองแห่งได้ในเวลาเดียวกัน

 

ในความเป็นจริงการวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพมีข้อเสียหลายประการ

 

ขณะที่มันดูดซับปราณสวรรค์พิภพ มิติช่องว่างของเขาจะเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ตําแหน่งของฟางหยวนจะถูกเปิดเผยต่อเจตจํานงสวรรค์

 

หากผู้อมตะบางคนพยายามอนุมานเขาในเวลานี้ ความยากลําบากในการป้องกันตัวของเขาจะสูงขึ้นหลายเท่า

 

ดังนั้นก่อนหน้านี้ฟางหยวนจึงใช้วิธีซื้อทรัพยากรอมตะที่เต็มไปด้วยปราณสวรรค์พิภพเพื่อเติม เต็มความต้องการของมิติช่องว่างจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มขาดแคลนเงินทุน เขาไม่สามารถซื้อทรัพยากรเหล่านั้นได้อีกและต้องวางมิติช่องว่างลงเท่านั้น

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิเหมือนสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ มันต้องการปราณสวรรค์พิภพมากกว่ามิติช่องว่างทั่วไปหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า

 

ปราณสวรรค์พิภพยังไหลเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่ทําให้ฟางหยวนตกใจ เขาตระหนักว่าครั้งนี้แตกต่างออกไปเพราะมันเป็น เวลาของภัยพิบัติ

 

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปี ภัยพิบัติสวรรค์ทุกห้าสิบปี และภัยพิบัติใหญ่ทุกหนึ่งร้อยปี

 

ตั้งแต่ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพิ่มความเร็วของเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิจนถึงขีดสุด ภัยพิบัติต่างๆก็มาเยือนเร็วขึ้น

 

ครั้งนี้เป็นภัยพิบัติพิภพ แต่ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติพิภพหรือภัยพิบัติสวรรค์ พวกมันไม่ใช่ปัญหา สําหรับฟางหยวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์

 

ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะความลับสวรรค์เป็นแกนกลาง มันทําให้ฟางหยวนสามารถอนุ มานรายละเอียดของภัยพิบัติที่กําลังจะเกิดขึ้น

 

ดังนั้นก่อนที่ทุกภัยพิบัติจะเกิดขึ้น ฟางหยวนจะรู้ล่วงหน้าและสามารถเตรียมตัวรับมือ

 

“กีซ กีซ”

 

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นอย่างกะทันหัน

 

จากนั้นอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัวจํานวนมากก็โผล่ออกมาจากใจกลางเกลียวแสงสีเหลือง

 

พวกมันมีร่างกายสูงสิบเมตรที่มีฟันอันแหลมคม ดวงตาสีแดงก่ำ มีปีกค้างคาวสีม่วงอยู่บนแผ่นหลัง และกําลังพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน

 

“นักรบผีสีเหลือง” ฟางหยวนลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยมือไพล่หลัง เขามองอสูรกายเหล่านั้นด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

เขาผ่อนคลายมากแม้ศัตรูจะกําลังพุ่งเข้ามา

 

อย่างไรก็ตามภัยพิบัติยังไม่จบเพียงเท่านี้ สายฟ้าสีเขียวแยกกลุ่มเมฆออกจากกันก่อนที่อสูรกายอีกฝูงหนึ่งที่คล้ายกับนักรบผีสีเหลืองจะปรากฏตัวขึ้น

 

อสูรกายฝูงใหม่เหมือนทหารที่มีร่างกายใหญ่โต ดูเคร่งขรึม มีปีกอินทรีย์อยู่บนแผ่นหลัง และจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ

 

“นักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่นักรบผีสีเหลืองมาถึงตัวฟางหยวนและเปิดปากขนาดใหญ่ของมันเพื่อกัดเขา

 

ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหวแต่ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นบนร่างกายของเขา

 

มันคือสิ่งที่สร้างชื่อให้กับฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

 

ไม่ว่าจะเป็นนักรบผีสีเหลืองหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว ทุกการโจมตีของพวกมันล้วนถูก สะท้อนกลับ ฟางหยวนไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

 

“ไปซะ” ฟางหยวนโบกมือเบาๆและส่งมังกรดาบบรรพกาลจํานวนมหาศาลพุ่งเข้าโจมตีศัตรู ราวกับคลื่นสมุทร

 

แม้นักรบผีสีเหลืองและนักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียวจะมีจํานวนมากแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับกองทัพมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวน

 

ในไม่ช้าพวกมันก็ถูกกองทัพมังกรดาบบรรพกาลกลืนกิน เจตจํานงสวรรค์ยังไม่ทันส่งคลื่นลูกต่อไปออกมา แต่กองทัพมังกรดาบบรรพกาลก็พุ่งเข้าทําลายปราณสวรรค์พิภพที่กําลังควบรวมเป็นอสูรกายบางชนิดไปแล้ว

 

ครู่ต่อมาภัยพิบัติก็จบลง มิติช่องว่างจักรพรรดิกลับสูงความสงบอีกครั้ง

 

ฟางหยวนพยักหน้ากับตนเองและสรุป “นี่เป็นภัยพิบัติพิภพนักรบผีสีเหลืองธรรมดา แต่มันเปลี่ยนไปเพราะข้าไม่ได้ก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งก่อน เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นที่สามารถเลื่อนภัยพิบัติออกไป”

 

ท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นเป็นหนึ่งในมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน มันจะเลื่อนภัยพิบัติออกไปจนถึงครั้งหน้าและทําให้ภัยพิบัติทั้งสองครั้งหลอมรวมกัน จุดอ่อนคือมันจะทําให้เจตจํา นงสวรรค์โกรธและส่งภัยพิบัติที่รุนแรงลงมาในครั้งต่อไป

 

เจตจํานงสวรรค์พยายามหยุดฟางหยวนและป้องกันไม่ให้เขามีความก้าวหน้าโดยการส่งภัยพิ บัติที่อ่อนแอที่สุดลงมาเพื่อให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยที่สุด

 

ในสถานการณ์นี้จุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นจึงกลายเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวน

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้เพื่อเพิ่มความยากลําบากของภัยพิบัติและรับร่องรองของพลังงานแห่งเต๋ามากขึ้นขณะที่เจตจํานงสวรรค์ไม่สามารถทําสิ่งใด

 

“นักรบผีสีเหลืองอยู่ในระดับภัยพิบัติพิภพขณะที่นักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียวอยู่ในระดับภัยพิบัติสวรรค์ ครั้งนี้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่น้อย!” ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มขึ้น

 

ทั้งสองล้วนมีประโยชน์สําหรับเขา

 

แต่ฟางหยวนต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากที่สุดในเวลานี้

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ฟางหยวนตั้งใจเลือกที่ว่างเพื่อรับภัยพิบัติทําให้เจตจํานงสวรรค์ไม่สามารถทําลายทรัพยากรของเขา

 

อย่างไรก็ตามแม้ภัยพิบัติจะสิ้นสุดลงแล้วแต่ฟางหยวนยังอยู่ที่นี่ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจํานงสวรรค์เพื่อกําจัดเจตจํานงสวรรค์ที่ตกค้าง

 

ขณะที่ร่างหลักของฟางหยวนกําลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขากําลังอนุมานท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่องอยู่กับวิญญาณสติปัญญา

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์

 

ด้วยความสําเร็จระดับนี้ เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของตนเอง

 

ในความเป็นจริงร่างหลักของฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากมายจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน และมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา ตามตรรกะฟางหยวนสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้น

 

แต่สําหรับฟางหยวน มรดกที่แท้จริงของไห้ฟานมีค่ามากที่สุด เนื่องจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาส่วนใหญ่ของเขามาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

 

ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําระดับแปด วิญญาณปีอมตะระดับเจ็ด และวิญญาณราชินีมดระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เหลือเป็นวิญญาณอมตะระดับหก ส่วนใหญ่พวกมัน ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังการต่อสู้

 

ภารกิจหลักของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาคือการใช้มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเพื่ออนุมานท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด

 

แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่นานแต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากลับมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

 

ปัจจุบันฟางหยวนมีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาครอสคลุมทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี ป้องกัน เคลื่อนไหว และรักษา เขาเพียงต้องใช้เวลาฝึกฝนพวกมันอีกเล็กน้อยเท่านั้น

 

“แต่นี่ยังไม่เพียงพอ” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเปิดเปลือกตาขึ้นและถอนหายใจ

 

แสงแห่งปัญญาเลือนหายก่อนที่วิญญาณสติปัญญาจะบินออกไปอย่างช้าๆ

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบินไปยังพื้นที่รกร้างเพื่อทดสอบท่าไม้ตายอมตะ

 

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

 

มีดบินพุ่งผ่านท้องฟ้าก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เลือดไหลออกมาจากปากของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขณะที่เขาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง

 

“ข้าอนุมานท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดที่เหมาะสมกับข้าแล้ว แต่ในสายธารแห่งกาล เวลา ข้าต้องเผชิญหน้ากับวังสวรรค์และต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับแปด”

 

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปดที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าระดับแปดเป็นแกนกลาง แต่มันไม่มีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด

 

กรณีของไห่ฟาน เขาได้รับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าในช่วงสุดท้ายของชีวิต ด้วย เวลาที่จํากัด มันไม่ง่ายที่จะคิดค้นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดในทุกแง่มุม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมาก ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเพียงพอแล้วสําหรับเขา สิ่งสําคัญก็คือเขามีวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ เขาสามารถใช้มันเพื่อโจมตีหรือป้องกันได้ในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากนั้นการป้องกันยังสําคัญกว่าการโจมตีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

 

“ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นท่าไม้ตายที่ไม่ธรรมดา แม้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดจะ ไม่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดแต่มันยังสามารถทําร้ายพวกเขา น่าเสียดายที่หลังจากดัดแปลง พลังของมันต่ำกว่าเดิมและจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรงกว่า”

 

การดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะมีโอกาสสูงที่มันจะส่งผลเสียและแย่ลงกว่าเดิม

 

“ดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาฉบับสมบูรณ์จะเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า!”

 

แม้ฟางหยวนจะได้รับท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับหกและระดับเจ็ด แต่หลังจากดัดแปลง มันกลับมีข้อเสียมากกว่าข้อดี

 

นอกจากนี้ด้วยการอนุมานของฟางหยวน เขาตระหนักว่าจุดอ่อนเรื่องการสูญเสียความทรงจําของมันไม่ใช่เรื่องง่าย ความทรงจําที่หายไปไม่ใช่เพียงการลืมท่าไม้ตายนี้แต่มันเป็นทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าไม้ตายนี้

 

ไม่ว่าจะเป็นความทรงจําหรือบันทึกที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลรวมถึงข้อความที่แกะสลักไว้บนแผ่นหินก็จะถูกลบออกจากสายธารแห่งกาลเวลาทั้งหมด

 

“เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลามาก่อน แต่เมื่อเขาใช้มันบ่อยเกินไป ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมันจึงถูกลบออกจากสายธารแห่งกาลเวลาและไม่มีอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเขา”

 

“แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ข้าได้รับจะไม่สมบูรณ์ นิกายเงาอาจเก็บบางส่วนเอาไว้ แต่นั่นมีความเป็นไปได้ไม่มาก”

 

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าแน่ใจ นั่นคือท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นทักษะขั้นเทพอย่างแท้จริง หากเข้า เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา โอกาสของข้าจะเพิ่มขึ้นยี่สิบส่วน”

 

วันต่อมา

 

“เป็นที่นี่” ลั่วเว่ยหยินอยู่ในท่าครึ่งคุกเข่าขณะที่วางฝ่ามือลงบนพื้นและสัมผัสได้ถึงความปั่นปวนของปราณพิภพ

 

หลังจากนั้นหลายร่างก็บินลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาถูกนําโดยผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซีย เซี่ยชา!

 

“ฟางหยวนวางมิติช่องว่างและดูดซับปราณสวรรค์พิภพที่นี่ ในความเป็นจริง…เขาก้าวข้ามภัยพิบัติที่นี่” ลั่วเว่ยหยินกล่าวด้วยความมั่นใจ

 

ดวงตาของเซี่ยชาส่องประกายขึ้น ถั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ทรงพลัง

 

ผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเริ่มพูดคุย “มีท่านถั่วเว่ยหยินอยู่ที่นี่ พวกเราจะพบฟางหยวนในที่สุด”

 

“ฟางหยวนครอบครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพมากมาย เขามีภาระที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเบาะแสนี้ เราจะหาเขาพบอย่างแน่นอน”

 

“พวกเจ้าไม่คิดว่ามันแปลกงั้นหรือ? เขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ เหตุใดเขาถึงอยู่ที่ภาค ใต้? เหตุใดเขาไม่ไปทะเลตะวันออกหรือทะเลทรายตะวันตก สถานที่เหล่านั้นจะปลอดภัยกว่าหรือไม่?”

 

“ฮืม! เขาเป็นปีศาจที่ทุกคนต้องการตัว ไม่ว่าที่ใดก็ไม่ปลอดภัยสําหรับเขา!”

 

“ปีศาจตนนี้ร้ายกาจเกินไป เขาอยู่ภาคใต้เพราะต้องการปล้นสะดมทรัพยากรของพวกเราโดย เฉพาะอาณาจักรแห่งความฝันที่ภูเขาอี้เทียน เราไม่สามารถปล่อยให้เขาฉกชิงมันไป!”

 

“ฆ่า! เราต้องฆ่าปีศาจตนนี้ มิฉะนั้นพวกเราจะไม่สามารถผ่อนคลาย!”