ลูกชอบแย่งความรักของคุณไปจากผม

 “เขา?” นัยน์ตาเข้มลึกของป๋ออิ่นปรากฏหมอกดำที่ใครๆ เห็นได้ไม่ง่าย “ชอบแย่งความสนใจของคุณไปจากผม อายุน้อยๆ แต่ซนสุดๆ เป็นลูกบังเกิดเกล้าที่ชอบทำให้ความรักของเราวุ่นวาย”

บุคลิกของโหลวลั่วหนักไปทางด้านการเป็นนักธุรกิจ เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวก็เลิกตาขึ้น ดูหยิ่งยโสแต่ก็สวยมาก “คุณป๋อ ตอนนี้คุณกล้าว่าร้ายลูกสาวเราต่อหน้าฉันเหรอคะ?”

ป๋ออิ่นหัวเราะ เอ่ยเสียงแช่มช้า “ก็ไม่ควรจริงๆ แหละ”

“อะไรที่ไม่ควร” โหลวลั่วเอียงคอมอง

นิ้วเรียวยาวของป๋ออิ่นยังคงจับคันร่มเอาไว้ ตอนเขายืนที่มุมถนนอย่างสุภาพและลึกลับ ดวงไฟของทั้งเมืองส่องสว่างอยู่ด้านหลังเขา ทำให้เขาดูไม่เหมือนคนบนโลกนี้ เพราะจะมีใครที่กางร่มกันฝนในตอนกลางคืน แถมร่มยังเป็นสีดำอีก

เขาเหมือนจะยิ้ม กลิ่นอายร้ายกาจปรากฏ “ไม่ควรให้คุณเจอกับลูกเลย”

โหลวลั่วหยุดเดินทันที “ฉันเคยเจอลูกหรือคะ เมื่อไรกัน?”

แล้วเจอกันที่ไหน?

หากความทรงจำของเธอไม่ผิดพลาด วันนี้เธอได้เจอเด็กหญิงอายุสามสี่ขวบแค่สองคนเท่านั้น

แถมพ่อแม่ของแม่หนูยังยืนขนาบข้างลูกด้วย อีกอย่างในนั้นไม่มีคนจีนสักคน

และไม่มีไฝเสน่ห์ด้วย

นอกเสียจากเด็กสาวน่ารักน่าชังคนนั้น…

โหลวลั่วฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่ายังไงก็ไม่เอาเด็กโตแล้วมาเชื่อมเข้ากับลูกสาวตัวเอง

แม้ว่าเด็กคนนั้นจะมีส่วนคล้ายผู้ชายตรงหน้าอยู่บ้าง โหลวลั่วก็ไม่อยากคิดเชื่อมโยงไปเช่นนั้น

ป๋ออิ่นย่อมรู้ว่าเธอคิดอะไร จึงยิ้มแย้ม ทำท่าไม่พอใจอย่างเอื่อยเฉื่อย “เดาจริงจังขนาดนั้นเชียว วันนี้คุณมองผมไม่กี่ครั้งเอง เอาแต่สนใจเขา จนผมหึงแล้วนะ”

โหลวลั่วมองเขา นัยน์ตาดำขลับเหลือเกิน เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงยื่นมือขวาไปจับใบหน้าหล่อไร้ที่ตินั่น “ก็มองคุณอยู่นี่คะ”

ลมอ่อนๆ พัดเข้ามา

ผู้คนที่เดินตามถนนอดหันมามองทั้งสองไม่ได้ คงเพราะไม่เคยเห็นคู่รักแบบนี้

ผู้หญิงที่สวมชุดสูทนักธุรกิจมีบุคลิกเย็นชา เรียวขาเหยียดยาว ข้อเท้าขาวเนียนถูกสวมสร้อยเงินที่ผลุบๆ โผล่ๆ ให้เห็น ขับให้เธอดูสูงส่งห้ามแตะต้อง

ส่วนผู้ชายที่เธอลูบหน้าอยู่กลับถือร่มสีดำ เสี้ยวหน้าคมสันดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณขาวซีด มุมปากหยักยิ้ม

หากว่ากันตามเหตุผลแล้ว คนแบบนี้น่าจะชอบผู้หญิงสาวๆ ขี้อ้อนไม่ใช่เหรอ

ทุกคนที่เห็นต่างคิดว่าสองคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาแน่ แม้จะเป็นคู่รัก แต่ก็เหมือนว่าฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายเลี้ยงดูผู้ชายที่หนุ่มกว่า

ดูจากท่าทางแล้ว เขาเหมือนจะเชื่อฟังเธอทุกอย่าง เพราะไม่มีใครที่สามารถทำกิริยาเมื่อครู่โดยไม่อิหลักอิเหลื่อหรือไร้ความเขินอายได้เหมือนเธอ

ยังไงก็เหมือนลูบผู้ชายที่อยู่ใต้อาณัติตัวเองอยู่ดี

ตรงกันข้าม เธอกล่อมเขาด้วยบุคลิกแห่งความเป็นนักธุรกิจ เหมือนสัมผัสริมฝีปากตัวเอง

“ตอนนี้บอกฉันได้หรือยังคะว่าลูกอยู่ที่ไหน หรือว่าเราไม่ได้มีลูกด้วยกันจริงๆ”

ป๋ออิ่นซุกใบหน้าไว้กับมือของเธอ ก่อนจะเอียงคอจูบอุ้งมือเธออย่างแผ่วเบา “ไม่เชื่อผมอีกแล้ว?”

โหลวลั่วไม่รู้ว่าผู้ชายในวัยอย่างเขาเกาะติดคนคนหนึ่งแล้วยังทำให้อีกฝ่ายอ่านใจไม่ออกได้หรือไม่ ใบหน้าที่ซีดขาวของเขาทำให้ต้องเกรงว่าจะทำร้ายน้ำใจอีกฝ่ายหรือเปล่า

“เรื่องนี้มันลี้ลับมหัศจรรย์มาก เป็นใครก็ต้องสงสัย”

เธอลองอธิบายก่อน เพราะก่อนหน้านี้ เรื่องรถที่เธอให้เขาดูจะทำร้ายเขามาก

ป๋ออิ่นเอ่ยด้วยเสียงเซ็กซี่ “รอวันแข่งรอบสุดท้ายของมิลานจบลง ผมจะบอกคุณว่าลูกเราคือใคร แต่ก่อนหน้านั้น…คุณต้องมองผมคนเดียวเท่านั้น”

โหลวลั่วช้อนสายตามอง “ได้”

ป๋ออิ่นกล่าวเย้า “ฟังก็รู้ว่าคุณรับปากไปงั้นเอง”

โหลวลั่วหัวเราะเสียงเบา หยิกแก้มเขา “งั้นต้องทำยังไงคุณถึงจะไม่คิดว่ารับปากไปงั้นๆ?”

…………………………………..

ส่งดอกไม้ให้ฉินมั่ว

ป๋ออิ่นไม่ตอบแต่ย้อนถาม “ดูเหมือนคุณจะไม่เคยโพสต์อะไรในโมเมนต์วีแชทเลย?”

“หือ?” โหลวลั่วเลิกคิ้ว

ป๋ออิ่นยิ้ม ยื่นมือไปคว้ามือถือจากกระเป๋าเสื้อตัวนอกของเธอมา เอ่ยช้าๆ ว่า “เงยหน้าหน่อย”

โหลวลั่วอ่านความคิดของชายหนุ่มไม่ออก “จะทำอะไร…”

พูดยังไม่ทันจบ รอยจูบก็ประทับที่ซีกแก้มของเธอ

จากนั้นเสียงกดปุ่มถ่ายรูปพลันดังขึ้น หน้าของทั้งสองปรากฏในกล้องด้วยกัน

ป๋ออิ่นส่งยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มให้ “คุณควรจะบอกทุกคนหรือเปล่าว่าผมเป็นของคุณแล้ว เอารูปนี้โพสต์ลงในโมเมนต์ของวีแชทนะ”

เพื่อนๆ ของโหลวลั่วก็เหมือนเธอ นอกจากเรื่องธุรกิจแล้วก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่นอีก เพราะแอดพนักงานและคู่ธุรกิจในแอคเคาท์ตัวเองด้วย

ทว่าโหลวลั่วกลับหัวเราะเสียงเบา หยิบมือถือมาโพสต์รูปพร้อมเพิ่มเติมข้อความลงไปว่า “ผู้ชายของฉัน”

พอจะนึกออกว่า แค่โพสต์เดียวก็ก่อให้เกิดความตะลึงกันมากเท่าไร

เรียกได้ว่าพอโหลวลั่วโพสต์เสร็จ เพื่อนๆ ก็ส่งข้อความมาหา “ประธานโหลวที่รัก ฟังฉันนะ เจ้าลูกหมาป่าของเธออะ ไม่ธรรมดาจริงๆ! เอางี้ คนทั้งวงการเขาพูดกันว่าเธอซ่อนผู้ชายไว้ในบ้าน ชอบเลี้ยงดูผูกปิ่นโตผู้ชายหนุ่มๆ แล้ว…”

โหลวลั่วไม่ดูเนื้อหาที่เหลือ เธอแค่หันหน้ามาหาเขา “พอใจหรือยัง?”

ป๋ออิ่นยื่นมือทัดเส้นผมไว้หลังหูให้เธอ เรียวปากบางยิ้มขึ้น “พอใจมากๆ”

เพื่อนๆ พูดอย่างหนึ่งไว้ไม่ผิดเลย

พวกลูกหมาป่าชอบประกาศความเป็นเจ้าของ

โหลวลั่วยิ้ม มองตามขอบร่มคันดำของเขาไปหยุดตรงหน้าจอยักษ์ที่กำลังฉายข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งในวันพรุ่งนี้

ภาพนั้นหยุดที่ใบหน้าของป๋อจิ่ว

ดูร้ายกาจ เอ้อระเหย ทรงเสน่ห์เจ้าเล่ห์

มีตุ้มหูสีดำอยู่ภายใต้เส้นผมสั้นเซอร์

นัยน์ตาเป็นประกายแทบจะสะท้อนแสงออกมาได้ เหมือนภาพที่เธอเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว

แต่เวลานั้นร่างที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเพียงเด็กน้อยตัวเล็กที่ชอบส่ายหางเสือ…

ป๋ออิ่นสังเกตว่าเธอกำลังมองอะไร เขาหันไปมอง ท้องฟ้าเหมือนจะมืดมากขึ้น “กลับโรงแรมไหม?”

โหลวลั่วตอบรับเพียงว่า “อื้ม” แต่สายตากลับไม่คลาดคลาจากร่างของเด็กคนนั้นแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงกลางดึก

ค้างคาวบินจากโคมไฟด้านนอกโรงแรมมาหยุดลงที่บ่าของผู้ชายคนหนึ่ง

“เจ้านายไม่ชอบอุปกรณ์การสื่อสารของพวกมนุษย์นี่ เพื่อมาดามแล้ว อะไรก็ทำได้จริงๆ”

ป๋ออิ่นเอียงคอมอง แสงสีแดงขยับเบาๆ

เจ้าค้างคาวพลันหวาดกลัว

ป๋ออิ่นหัวเราะ “เตรียมดอกไม้ไปส่งที่ห้องของฉินมั่ว”

เจ้าค้างคาวเหวอ “ส่งดอกไม้ให้คุณชายฉิน?”

เขาฟังผิดหรือเปล่า

ป๋ออิ่นหัวเราะเสียงเบา “ท่านจิ่วของพวกเราเป็นคนขี้หวงมาก”

ค้างคาว…คุณก็เลยแก้แค้นที่นายน้อยแย่งความสนใจของมาดามไปงั้นเหรอ?

เรื่องแบบนี้คนรับใช้ย่อมไม่พูดออกมา

การส่งดอกไม้ให้ถึงห้องในโรงแรมไม่ยากสำหรับพวกมัน

ทว่าคุณชายฉินเป็นคนที่มีนิสัยประหลาดมาตั้งแต่เด็ก พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้

เวลาที่นายน้อยอยู่ด้วยยังพอว่า แต่ถ้านายน้อยไม่อยู่ พวกมันรู้สึกว่าชายหนุ่มอาจยกปืนยิงพวกมันได้เลย

ในการแข่งครั้งนี้ คุณชายฉินน่าจะไม่ได้เอาปืนมาด้วย

เจ้านายก็ช่างมอบหมายงานที่พวกมันไม่อยากทำมากที่สุดให้พวกมันจริงๆ

วันนี้ กล้องวงจรปิดของโรงแรมประหลาดมาก เป็นภาพขาวไปหมด บันทึกภาพไม่ได้สักนิด

แต่เมื่อท้องฟ้าสว่าง ช่อกุหลาบแดงก็ตั้งอยู่ที่หัวเตียงของชายหนุ่ม มันสวยสดงดงาม มีการ์ดสีขาวแนบมาด้วย

เขาที่สวมชุดทีมไล้นิ้วผ่าน เลิกคิ้วขึ้นอย่างสูงส่ง

ฝั่งจ้าวซานพั่งเอาแขนพาดบ่าป๋อจิ่ว เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าแบล็กเอ๊ย แค่แข่งชิงแชมป์โลกในวันแรกเอง ฉันไม่ได้ยุแยงตะแคงรั่วจริงๆ นะ แต่ฉินมั่วต้องนอกใจนายแน่นอน ไม่งั้นจะรับดอกไม้จากคนอื่นทำไม!”

………………………………………….