การมีรอยประทับของม่อเทียนฉวนทำให้กลิ่นอายของเขาต่างออกไปซือหยูถูกพามายังสวนบุพผาเพียงลำพัง และตอนนี้เขาก็มิอาจเดินทางไปพบกับมิตรสหายได้
ขณะที่ศิษย์ทุกสำนักสามารถรวมตัวกันได้ซือหยูถูกแยกออกมาตามลำพัง โอกาสที่เขาจะถูกคนอื่นเล็งเป้านั้นย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
แม้ว่าจะรำคาญใจซือหยูก็ไม่คิดจะแสดงความรู้สึกต่อหน้าคนนอก
“ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะขายหุ่นวิหคให้ข้ารึ?”
ซือหยูถาม
ชาหยินหัวเราะเบาๆ
“ศิษย์น้องซือมาจากสำนักอสูรสวรรค์ศิษย์พี่ของเราย่อมต้องแสดงความนับถือออกมาบ้าง เขายังมีวิหคไม้ตัวอื่นเหลืออยู่” “ดีเช่นนั้นจะพาข้าไปหาศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าได้หรือไม่?”
ซือหยูเอ่ยปาก
ทั้งสามออกบินไปยังท้องนภา
สวนบุพผานั้นดูกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดตลอดทางพวกเขาได้พบกับผู้คนไม่คุ้นหน้ามากมาย แต่คนเหล่านั้นที่เห็นซือหยูจากระยะไกลก็จะรีบหนีทันที
ซากศพตามทางเกลื่อนกลาดจนนับไม่ได้
“การล้างสังหารเริ่มต้นขึ้นแล้ว”
ชาหยินตาละห้อย
“เราต้องไปเจอศิษย์พี่ใหญ่ให้เร็วที่สุดการได้เจอกับพวกที่อยู่โดดเดี่ยวไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าหากเจอคนที่ร่วมมือกัน เราสามคนคงจะรับมือไม่ไหว”
ติงผิงรู้ดีอยู่แล้ว
“หากได้เจอศิษย์พี่เมื่อไหร่เมื่อนั้นเราจะปลอดภัย เขามีหุ่นเชิดอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่งติดตัวอยู่เสมอ สิ่งนั้นน่ะไร้เทียมทาน” “ศิษย์พี่ของเราเองก็เป็นจ้าวเทวะระดับเก้าที่ทรงพลังนามเขาเป็นที่รู้จักกันทั่วดินแดนช่างสวรรค์”
เมื่อเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ทั้งชาหยินและติงผิงพูดถึงเขาด้วยความนับถือ
ครึ่งวันต่อมาชาหยินมองเห็นเนินเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้บานหลากสีสัน นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าสัมผัสศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่อีกสิบคนได้พวกเขาอยู่ที่เนินเขานั่น”
ติงผิงพูดขึ้นบ้าง
“ข้าก็สัมผัสได้ตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้ว”
แต่ซือหยูหยุดบินทันทีเขามองเนินเขาตรงหน้า
“ศิษย์น้องซือเจ้าเป็นอะไร?”
ชาหยินหันไปถามเมื่อซือหยูแสดงพฤติกรรมแปลกๆ
ซือหยูกอดอกพูดอย่างใจเย็น “ศิษย์พี่เจ้าอาจจะกำลังเจอกับปัญหาอยู่นะ”
ชาหยินสงสัยหลังจากเหลือบมองกันกับติงผิง นางบินไปด้านหน้าและร่อนไปยังตีนเขา
ในตอนนั้นเองมีหลายคนปรากฏตัวขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!อ๊ะ ศิษย์พี่ติงกับศิษย์น้องชา!”
มีทั้งความตื่นเต้นและความดีใจชัดเจนในน้ำเสียง
“เว่ยซวงชางหลี่ พวกเจ้าได้แผลมาจากไหนกัน?”
ติงผิงผงะเมื่อเห็นบาดแผลในร่างกายของแต่ละคน
ใบหน้าเว่ยซวงเต็มไปด้วยโลหิตมีบาดแผลมากมายบนตัวและช่องท้อง ชางหลี่แย่ยิ่งกว่า แขนของเขาขาดไปหนึ่งข้าง แต่น่าแปลกที่ทั้งสองมีเศษผลึกอยู่ในตัวรวมถึงจุดที่บาดเจ็บด้วย
ชางหลี่กดแขนข้างที่ขาดเพื่อไม่ให้โลหิตพุ่งออกมามากกว่าเดิมใบหน้าเขาดูรู้สึกผิด
“เกิดเรื่องกับพวกเรา!”
ชาหยินหันไปมองซือหยูและแอบตกใจเขามีพลังเนตรหรือ? เขาเห็นเนินเขาล่วงหน้าและบอกได้ว่าพวกศิษย์พี่ของนางกำลังแย่หรือ?
“พวกเราถูกโจมตีในตอนที่พวกเรารอรวมตัว”
เว่ยซวงอธิบาย
“ศิษย์น้องเราแปดคนตายแล้วอีกสิบแปดคนบาดเจ็บ แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ก็มีแผลสาหัส เขากำลังพักฟื้น”
ชาหยินหน้าหมอง
“แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัสรึ?พวกมันจะต้องแข็งแกร่งมาก พวกเรากำจัดมันได้หรือไม่?”
เว่ยซวงส่ายหน้า
“ไม่เลยพวกมันไร้รอยขีดข่วน!” ติงผิงหน้าซีด
“หากศัตรูแข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่หนีไปเล่า?”
ถ้าหากศัตรูกลับมาพวกเขาจะต้องบาดเจ็บยิ่งกว่านี้
เว่ยซวงตอบ
“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากหนี!แต่ศิษย์พี่ใหญ่หนีออกมาไม่ได้! ศิษย์พี่ใหญ่ติดอยู่ในถ้ำกับพวกศัตรู!”
ชาหยินตัวแข็งทื่อศิษย์พี่ใหญ่ถูกกักตัวไว้!
“พวกมันมาจากไหนกัน?พวกมันมีกี่คน?”
ชาหยินถาม novel-lucky
เว่ยซวงลังเลไปครู่หนึ่ง
“มันมีคนเดียวข้าไม่รู้ว่านางมาจากไหน”
เขาตอบ
“คนเดียวเรอะ?”
ชาหยินกับติงผิงตกตะลึง คนคนเดียวสังหารแปดคนจากสำนักช่างสวรรค์และทำให้อีกสิบแปดคนบาดเจ็บแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังบาดเจ็บสาหัสและถูกนางไล่ต้อน!
“ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ใช้หุ่นเชิดหรอกรึ?”
ชาหยินถามทันที
เว่ยซวงตอบ
“ศัตรูทำลายหุ่นเชิดของศิษย์พี่ใหญ่ไปแล้ว!”
หา!
ทุกคนกลั้นหายใจศัตรูสามารถทำลายหุ่นเชิดอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่งได้! มันผู้นั้นเป็นใครกัน?
“ไปหาศิษย์พี่ของเรากันเถอะ”
ชาหยินพูดอย่างรีบร้อน
ทั้งสองบินเข้าไปยังถ้ำภาพที่ได้เห็นทำให้ตกตะลึงอีกครั้ง
ศิษย์ร่วมสำนักทั้งสิบแปดกำลังรักษาบาดแผลให้กับและกันบาดแผลของบางคนรุนแรงยิ่งกว่าเว่ยซวงกับชางหลี่ และก็มีผลึกแก้วอยู่ในบาดแผลของแต่ละคนเหมือนกัน
ในส่วนลึกสุดของถ้ำมีร่างผลึกแก้วอยู่ภายใน ใบหน้านั้นดูธรรมดา เขากำลังกัดฟันทำอะไรสักอย่าง
ที่อกมีรูแผลขนาดเท่าชามและโลหิตไหลไม่ขาดสายทั้งตัวเต็มไปด้วยผลึกแก้ว
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
ติงผิงชักสีหน้าและรีบพุ่งเข้าไป
“อย่ามาใกล้ข้า!”
ศิษย์พี่ใหญ่ตะโกนเท่าที่จะส่งเสียงไหว
แต่การเตือนของเขาช้าไปติงผิงก้าวได้เพียงสองก้าว จากนั้นก็มีผลึกแก้วทะลวงร่างศิษย์พี่ใหญ่และพุ่งตรงไปที่ติงผิง
แกร๊ง!
ติงผิงป้องกันมันได้โดยใช้กระบี่แต่กระบี่ทองแดงคมกริบในมือเขาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่นานก็มีชิ้นผลึกแก้วอีกชิ้นทะลุผ่านร่างของติงผิงไปราวกับเศษกระดาษ
ติงผิงกระเด็นไปด้านหลังโลหิตพุ่งออกมาจากปากเป็นสาย
ปั้ง!
ติงผิงกระแทกพื้นอย่างแรงความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานเขียนอยู่บนทั้งใบหน้า
“ศิษย์พี่ติง!”
ชาหยินไม่ทันระวังนางกำลังจะไปพยุงตัวติงผิงแต่ก็ต้องหยุดเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ตะโกน
“อย่าแตะตัวเขา!”
ชาหยินหยุดมือในทันทีนางถามด้วยความตื่นตระหนก
“ศิษย์พี่ใหญ่ผลึกแก้วพวกนี้มันอะไรกัน?”
ศิษย์พี่ใหญ่ตอบด้วยเสียงแหบพร่า
“ผลึกแก้วที่เจ้าเห็นคือดอกไม้ที่เพิ่มจำนวนได้มันคือผลึกหญ้าที่ดื่มกินโลหิตวิญญาณ หากมันได้สัมผัสกับเลือด มันจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว อย่าได้แตะต้องคนที่บาดเจ็บเพราะเจ้าจะติดเชื้อจากผลึกหญ้าด้วย”
“ผลึกหญ้าหรือ?”
ชาหยินตกใจ
“มันคือหญ้าวิญญาณไม่ใช่รึ?ข้าคิดว่ามันสูญพันธุ์ไปตั้งแต่กัลป์ที่แล้วเสียอีก ทำไมมันถึงยังเหลือรอดมาได้?”
ศิษย์พี่ใหญ่ตอบเบาๆ
“มันแค่ไม่ปรากฏให้เห็นมาหนึ่งกัลป์ไม่ใช่ว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว มีตระกูลหนึ่งในทางตะวันออกเก็บซ่อนมันมาตลอด”
ทั้งติงผิงและชาหยินอุทานด้วยความตกใจ
“ศิษย์พี่พูดถึงตระกูลบูรพารึ?”