ตอนที่ 1008 - ผลึกหญ้าวิญญาณ

The Divine Nine Dragon Cauldron

การมีรอยประทับของม่อเทียนฉวนทำให้กลิ่นอายของเขาต่างออกไปซือหยูถูกพามายังสวนบุพผาเพียงลำพัง และตอนนี้เขาก็มิอาจเดินทางไปพบกับมิตรสหายได้
  ขณะที่ศิษย์ทุกสำนักสามารถรวมตัวกันได้ซือหยูถูกแยกออกมาตามลำพัง โอกาสที่เขาจะถูกคนอื่นเล็งเป้านั้นย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
  แม้ว่าจะรำคาญใจซือหยูก็ไม่คิดจะแสดงความรู้สึกต่อหน้าคนนอก
  “ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะขายหุ่นวิหคให้ข้ารึ?”
  ซือหยูถาม
  ชาหยินหัวเราะเบาๆ
  “ศิษย์น้องซือมาจากสำนักอสูรสวรรค์ศิษย์พี่ของเราย่อมต้องแสดงความนับถือออกมาบ้าง เขายังมีวิหคไม้ตัวอื่นเหลืออยู่”   “ดีเช่นนั้นจะพาข้าไปหาศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าได้หรือไม่?”
  ซือหยูเอ่ยปาก
  ทั้งสามออกบินไปยังท้องนภา
  สวนบุพผานั้นดูกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดตลอดทางพวกเขาได้พบกับผู้คนไม่คุ้นหน้ามากมาย แต่คนเหล่านั้นที่เห็นซือหยูจากระยะไกลก็จะรีบหนีทันที
  ซากศพตามทางเกลื่อนกลาดจนนับไม่ได้
  “การล้างสังหารเริ่มต้นขึ้นแล้ว”
  ชาหยินตาละห้อย
  “เราต้องไปเจอศิษย์พี่ใหญ่ให้เร็วที่สุดการได้เจอกับพวกที่อยู่โดดเดี่ยวไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าหากเจอคนที่ร่วมมือกัน เราสามคนคงจะรับมือไม่ไหว”
  ติงผิงรู้ดีอยู่แล้ว
  “หากได้เจอศิษย์พี่เมื่อไหร่เมื่อนั้นเราจะปลอดภัย เขามีหุ่นเชิดอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่งติดตัวอยู่เสมอ สิ่งนั้นน่ะไร้เทียมทาน”   “ศิษย์พี่ของเราเองก็เป็นจ้าวเทวะระดับเก้าที่ทรงพลังนามเขาเป็นที่รู้จักกันทั่วดินแดนช่างสวรรค์”
  เมื่อเอ่ยถึงศิษย์พี่ใหญ่ทั้งชาหยินและติงผิงพูดถึงเขาด้วยความนับถือ
  ครึ่งวันต่อมาชาหยินมองเห็นเนินเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้บานหลากสีสัน นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
  “ข้าสัมผัสศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่อีกสิบคนได้พวกเขาอยู่ที่เนินเขานั่น”
  ติงผิงพูดขึ้นบ้าง
  “ข้าก็สัมผัสได้ตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้ว”
  แต่ซือหยูหยุดบินทันทีเขามองเนินเขาตรงหน้า
  “ศิษย์น้องซือเจ้าเป็นอะไร?”
  ชาหยินหันไปถามเมื่อซือหยูแสดงพฤติกรรมแปลกๆ
  ซือหยูกอดอกพูดอย่างใจเย็น  “ศิษย์พี่เจ้าอาจจะกำลังเจอกับปัญหาอยู่นะ”
  ชาหยินสงสัยหลังจากเหลือบมองกันกับติงผิง นางบินไปด้านหน้าและร่อนไปยังตีนเขา
  ในตอนนั้นเองมีหลายคนปรากฏตัวขึ้นมา
  “หยุดเดี๋ยวนี้!อ๊ะ ศิษย์พี่ติงกับศิษย์น้องชา!”
  มีทั้งความตื่นเต้นและความดีใจชัดเจนในน้ำเสียง
  “เว่ยซวงชางหลี่ พวกเจ้าได้แผลมาจากไหนกัน?”
  ติงผิงผงะเมื่อเห็นบาดแผลในร่างกายของแต่ละคน
  ใบหน้าเว่ยซวงเต็มไปด้วยโลหิตมีบาดแผลมากมายบนตัวและช่องท้อง ชางหลี่แย่ยิ่งกว่า แขนของเขาขาดไปหนึ่งข้าง แต่น่าแปลกที่ทั้งสองมีเศษผลึกอยู่ในตัวรวมถึงจุดที่บาดเจ็บด้วย
  ชางหลี่กดแขนข้างที่ขาดเพื่อไม่ให้โลหิตพุ่งออกมามากกว่าเดิมใบหน้าเขาดูรู้สึกผิด
  “เกิดเรื่องกับพวกเรา!”
  ชาหยินหันไปมองซือหยูและแอบตกใจเขามีพลังเนตรหรือ? เขาเห็นเนินเขาล่วงหน้าและบอกได้ว่าพวกศิษย์พี่ของนางกำลังแย่หรือ?
  “พวกเราถูกโจมตีในตอนที่พวกเรารอรวมตัว”
  เว่ยซวงอธิบาย
  “ศิษย์น้องเราแปดคนตายแล้วอีกสิบแปดคนบาดเจ็บ แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ก็มีแผลสาหัส เขากำลังพักฟื้น”
  ชาหยินหน้าหมอง
  “แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัสรึ?พวกมันจะต้องแข็งแกร่งมาก พวกเรากำจัดมันได้หรือไม่?”
  เว่ยซวงส่ายหน้า
  “ไม่เลยพวกมันไร้รอยขีดข่วน!”   ติงผิงหน้าซีด
  “หากศัตรูแข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่หนีไปเล่า?”
  ถ้าหากศัตรูกลับมาพวกเขาจะต้องบาดเจ็บยิ่งกว่านี้
  เว่ยซวงตอบ
  “ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากหนี!แต่ศิษย์พี่ใหญ่หนีออกมาไม่ได้! ศิษย์พี่ใหญ่ติดอยู่ในถ้ำกับพวกศัตรู!”
  ชาหยินตัวแข็งทื่อศิษย์พี่ใหญ่ถูกกักตัวไว้!
  “พวกมันมาจากไหนกัน?พวกมันมีกี่คน?”
  ชาหยินถาม novel-lucky
  เว่ยซวงลังเลไปครู่หนึ่ง
  “มันมีคนเดียวข้าไม่รู้ว่านางมาจากไหน”
  เขาตอบ
  “คนเดียวเรอะ?”
  ชาหยินกับติงผิงตกตะลึง  คนคนเดียวสังหารแปดคนจากสำนักช่างสวรรค์และทำให้อีกสิบแปดคนบาดเจ็บแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ยังบาดเจ็บสาหัสและถูกนางไล่ต้อน!
  “ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ใช้หุ่นเชิดหรอกรึ?”
  ชาหยินถามทันที
  เว่ยซวงตอบ
  “ศัตรูทำลายหุ่นเชิดของศิษย์พี่ใหญ่ไปแล้ว!”
  หา!
  ทุกคนกลั้นหายใจศัตรูสามารถทำลายหุ่นเชิดอสูรเนรมิตรขั้นหนึ่งได้! มันผู้นั้นเป็นใครกัน?
  “ไปหาศิษย์พี่ของเรากันเถอะ”
  ชาหยินพูดอย่างรีบร้อน
  ทั้งสองบินเข้าไปยังถ้ำภาพที่ได้เห็นทำให้ตกตะลึงอีกครั้ง
  ศิษย์ร่วมสำนักทั้งสิบแปดกำลังรักษาบาดแผลให้กับและกันบาดแผลของบางคนรุนแรงยิ่งกว่าเว่ยซวงกับชางหลี่ และก็มีผลึกแก้วอยู่ในบาดแผลของแต่ละคนเหมือนกัน
  ในส่วนลึกสุดของถ้ำมีร่างผลึกแก้วอยู่ภายใน ใบหน้านั้นดูธรรมดา เขากำลังกัดฟันทำอะไรสักอย่าง
  ที่อกมีรูแผลขนาดเท่าชามและโลหิตไหลไม่ขาดสายทั้งตัวเต็มไปด้วยผลึกแก้ว
  “ศิษย์พี่ใหญ่!”
  ติงผิงชักสีหน้าและรีบพุ่งเข้าไป
  “อย่ามาใกล้ข้า!”
  ศิษย์พี่ใหญ่ตะโกนเท่าที่จะส่งเสียงไหว
  แต่การเตือนของเขาช้าไปติงผิงก้าวได้เพียงสองก้าว จากนั้นก็มีผลึกแก้วทะลวงร่างศิษย์พี่ใหญ่และพุ่งตรงไปที่ติงผิง
  แกร๊ง!
  ติงผิงป้องกันมันได้โดยใช้กระบี่แต่กระบี่ทองแดงคมกริบในมือเขาก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่นานก็มีชิ้นผลึกแก้วอีกชิ้นทะลุผ่านร่างของติงผิงไปราวกับเศษกระดาษ
  ติงผิงกระเด็นไปด้านหลังโลหิตพุ่งออกมาจากปากเป็นสาย
  ปั้ง!
  ติงผิงกระแทกพื้นอย่างแรงความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานเขียนอยู่บนทั้งใบหน้า
  “ศิษย์พี่ติง!”
  ชาหยินไม่ทันระวังนางกำลังจะไปพยุงตัวติงผิงแต่ก็ต้องหยุดเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ตะโกน
  “อย่าแตะตัวเขา!”
  ชาหยินหยุดมือในทันทีนางถามด้วยความตื่นตระหนก
  “ศิษย์พี่ใหญ่ผลึกแก้วพวกนี้มันอะไรกัน?”
  ศิษย์พี่ใหญ่ตอบด้วยเสียงแหบพร่า
  “ผลึกแก้วที่เจ้าเห็นคือดอกไม้ที่เพิ่มจำนวนได้มันคือผลึกหญ้าที่ดื่มกินโลหิตวิญญาณ หากมันได้สัมผัสกับเลือด มันจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว อย่าได้แตะต้องคนที่บาดเจ็บเพราะเจ้าจะติดเชื้อจากผลึกหญ้าด้วย”
  “ผลึกหญ้าหรือ?”
  ชาหยินตกใจ
  “มันคือหญ้าวิญญาณไม่ใช่รึ?ข้าคิดว่ามันสูญพันธุ์ไปตั้งแต่กัลป์ที่แล้วเสียอีก ทำไมมันถึงยังเหลือรอดมาได้?”
  ศิษย์พี่ใหญ่ตอบเบาๆ
  “มันแค่ไม่ปรากฏให้เห็นมาหนึ่งกัลป์ไม่ใช่ว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว มีตระกูลหนึ่งในทางตะวันออกเก็บซ่อนมันมาตลอด”
  ทั้งติงผิงและชาหยินอุทานด้วยความตกใจ
  “ศิษย์พี่พูดถึงตระกูลบูรพารึ?”