ทุกคนในสำนักศึกษาซวนเสียก็ตกตะลึง นั่นฟังดูแล้วมันก็อนาถอยู่บ้าง!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาจะได้อันดับรั้งท้ายอยู่ร่ำไป แต่ก็ไม่เคยทำให้เกิดความโกรธเกลียดเคียดแค้นเช่นนี้!
จินซ่านซ่านถอนหายใจกล่าว “เฮ้อ! ล้วนแต่เพราะเงินมากสร้างความหายนะ หากมิใช่เพราะว่าสำนักศึกษาจินซินของพวกเรามีเงินทองมากมายเกินไปนัก ก็คงจะไม่ดึงดูดให้ผู้อื่นริษยาเช่นนี้”
ในตอนนี้พวกเขานั้นกล่าวอะไรไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเพียงเพราะสำนักศึกษาของพวกเจ้ามีเงินก็คงไม่ถึงขนาดทำให้ผู้อื่นเกลียดชัง! พวกเจ้ายังไปทำเรื่องอันใดให้ฟ้าพิโรธมนุษย์กริ้วไว้อีกเล่า ?”
จินซ่านซ่านเกาหัวแล้วกล่าว “ก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ในการแลกเปลี่ยนทุกครั้งของสำนักศึกษาของพวกเราออกนอกหน้าไปนิดหน่อย”
“ในระหว่างการแข่งขันพวกเราได้ทุ่มเงินลงไปไม่น้อย ทั้งยาเม็ดอีกทั้งอาวุธวิญญาณระดับสูงและชนะพวกเขาไปก็เท่านั้นเอง”
“เรามีสำนักศึกษาที่ใหญ่กว่าก็เท่านั้นเอง!”
“……”
คราวนี้พวกมู่เฉียนซีไม่เห็นใจพวกเขาอีกต่อไป
“สหายมู่เฉียนซี ข้าว่าพวกเราอย่าไปสนใจพวกเขาเลย”
“สมน้ำหน้าพวกเขา!”
“พวกเขานี่ก็น่ากระทืบเกินไปแล้ว”
ที่ทวีปอวี้โจวนั้น พลังความสามารถนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก แต่เงินทองเองก็สำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน
อย่างพวกคนเหล่านี้ของสำนักจินซินได้อาศัยว่าที่สำนักตนเองมีเงินทองมากมาย ทำตัวยิ่งใหญ่อวดดีและก่อเรื่องวุ่นวาย หากไม่ทำให้ความเคียดแค้นระเบิดขึ้นมาเช่นนั้นสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก
มู่เฉียนซีกล่าว “และพวกเจ้ายังเป็นพวกที่หาความสุขใส่แต่ตนเอง! ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำ ข้าไม่มีเวลาว่างที่จะมาเป็นโล่กำบังให้พวกเจ้า”
“เอ่อ! เรื่องนี้เราตกลงกันดี ๆ สิ!”
“พวกเจ้าต้องการเงินเท่าไร ว่ามา!”
“หนึ่งคนต่อหนึ่งล้านหยกวิญญาณเป็นเช่นไร ?”
“……”
หยกวิญญาณจำนวนมากมายเช่นนี้ ช่างทำให้จิตใจคนหวั่นไหวเสียจริง
เดิมทีทวีปเสียโจวของพวกเขานั้นเป็นถิ่นที่ค่อนข้างยากจนอยู่บ้าง สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวนักศึกษาบางคนนั้นก็ไม่สู้ดีนัก แต่พวกเขานั้นมีพลังความสามารถที่ไม่เลว
“สาวงามมู่ คราวก่อนข้าได้ตอบรับเงื่อนไขของเจ้าไปแล้วหนึ่งข้อ ครั้งนี้ข้าจะตอบรับเงื่อนไขเจ้าอีกหนึ่งข้อเป็นเช่นไร?”
ตัวของจินซ่านซ่านนั้นเป็นคนฉลาดในคราบของคนโง่ แน่นอนว่าเขานั้นรู้ว่าอะไรที่จะทำให้พวกเขานั้นหวั่นไหวและต้องตอบตกลงร่วมมือ
มู่เฉียนซีกล่าว “การแข่งขันในรอบที่สองนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้แต่ตัวของข้าเองข้าก็ยังไม่กล้ารับประกันว่าข้าจะสามารถผ่านไปได้”
จินซ่านซ่านกล่าว “ขอแค่เพียงพวกเจ้าพาพวกเราไปด้วย แม้จะไม่สามารถผ่านไปได้แต่ค่าตอบแทนก็ยังจะจ่ายไปเช่นเดิม เป็นเช่นไร?”
ซวนอี้กล่าว “พาพวกเขาไปด้วยแล้วยังมีการค้าขายที่ผลประโยชน์ไม่เลวเลย ถึงต่อให้เผชิญเข้ากับศัตรูของพวกเขาแล้วเราก็แค่สู้ แต่นอกจากคนเหล่านั้นของสำนักศึกษาเทียนเฉ๋อแล้ว พวกเรายังไม่ได้เห็นพลังความสามารถของสำนักอื่นเลย”
ขนาดซวนอี้ยังกล่าวออกมาเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้! พวกเราจะเอาพวกเจ้าไปด้วย แต่พวกเจ้าจะต้องฟังบัญชาที่ข้าชี้แนะ!”
จินซ่านซ่านยิ้มแล้วกล่าว “ไม่มีปัญหา จะฟังเจ้าอย่างแน่นอน”
เมื่อเข้าไปลึกในสนามรบโบราณที่สี่ มู่เฉียนซีก็ได้พบเรื่องแปลกประหลาดอย่างมากเรื่องหนึ่ง
“สาวงามมู่ เหมือนว่าที่แห่งนี้จะมีอาวุธวิญญาณโบราณจำนวนไม่น้อย!”
“สาวงามมู่! ตรงนี้ดูเหมือนจะมีเคล็ดวิชาบางอย่าง แต่มันทรุดโทรมไปบ้าง”
“ที่นี่…”
คนของสำนักศึกษาซวนเสียต่างหันมองหน้ากันไปมา
จินซ่านซ่านเดินไปทางไหนก็จะสามารถพบเห็นสิ่งล้ำค่าได้ นี่ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ที่สนามรบโบราณแห่งที่สี่ พวกเขานั้นล้วนสงสัยว่านี่คงเป็นสิ่งล้ำค่าที่เขาเอามาซ่อนเตรียมไว้ตั้งแต่แรกเสียแล้ว
แม้แต่มู่เฉียนซีเองยังรู้สึกว่าจินซ่านซ่านผู้นี้นั้นโชคดีเสียจนผิดปกติทั่วไป
จินซ่านซ่านหัวเราะหึหึแล้วกล่าว “พวกเจ้าอย่าได้มองข้าเช่นนี้สิ ข้านั้นโชคดีเป็นพิเศษมาตั้งแต่ยังเล็ก พวกลูกสุนัขลูกระต่ายของสำนักอื่นก็อิจฉาและเกลียดข้าอย่างที่สุด”
มู่เฉียนซีพยักหน้ากล่าว “ข้านั้นพอจะเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาคิดบ้างแล้ว ความโชคดีของเจ้านี่มันช่างฝืนลิขิตฟ้า”
จินซ่านซ่านกล่าว “คราวนี้ เจ้าไม่ได้เสียใจที่ได้พาข้ามาด้วยแล้วละสิ? เจ้าจะไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน”
แม้ว่าจินซ่านซ่านจะเป็นผู้ที่มีความสามารถในการหาสมบัติมีค่าผู้หนึ่ง แต่อัตราส่วนในการแบ่งสมบัตินั้นยังคงเป็นสำนักศึกษาจินซินได้สามส่วน ส่วนพวกเขาได้เจ็ดส่วนเช่นเดิม แต่พวกเขานั้นกลับไม่ปริปากพร่ำบ่นเลยแม้แต่น้อย
เพราะจินซ่านซ่านนั้นมีความโชคดีอย่างฝืนลิขิตฟ้า ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวันพวกเขาก็เก็บเกี่ยวมาได้มากมายไม่น้อย
แม้ระดับของสิ่งล้ำค่าเหล่านี้ไม่ได้สูงนัก แต่มันก็เป็นของโบราณแน่นอนว่าราคาของมันนั้นมีค่ามากขึ้นไม่น้อยเลย
ผ่านไปแล้ววันหนึ่ง สนามรบโบราณแห่งที่สี่ได้มืดมิดและเงียบสงัดราวกับตาย
จินซ่านซ่านกล่าวด้วยอาการตัวสั่น “สาวงามมู่ เจ้าว่าสนามรบโบราณนี้จะมีผีหรือเปล่า?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ในทางทฤษฎีแล้ว ยอดฝีมือของยุคโบราณนั้นมีพลังความสามารถที่ไม่เลว พลังวิญญาณก็ไม่เลวเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะได้สิ้นชีพไปแล้ว แต่ก็คงจะไม่ถึงกับขั้นวิญญาณแหลกสลายไป การที่จะมีเศษซากวิญญาณบางส่วนหลงเหลืออยู่นั้นก็เป็นไปได้”
“จินซ่านซ่าน ในที่สุดข้าก็หาตัวเจ้าพบแล้ว…” ในตอนนี้เอง เสียงที่เย็นยะเยือกเสียงหนึ่งได้ดังลอยมา
“ผีเหรอ!” จินซ่านซ่านร้องเสียงหลงและรีบไปหลบที่ด้านหลังของมู่เฉียนซี
“สาวงามมู่ ข้าต้องอาศัยให้เจ้าปกป้องแล้ว เจ้าอย่าได้ให้ผีพวกนั้นเข้าใกล้ข้าได้นะ”
ที่รอบด้านของพวกเขานั้นถูกล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง นี่มันเป็นผีที่ไหนเล่า? เป็นเพียงคนจากอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง
เมื่อมองเห็นผู้มาเยือนอย่างชัดเจน จินซ่านซ่านก็โกรธขึ้นมา “เป็นพวกเจ้าเหล่าศิษย์แห่งสำนักศึกษาอวี้หุน พวกเจ้ากล้าที่จะทำผีหลอกให้ข้าตกใจ พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร”
“ใครใช้ให้เจ้าขี้กลัวเหมือนดั่งหนู มิเพียงแต่จะกลัวงูเท่านั้น อีกทั้งยังกลัวผีอีกด้วย ช่างทำให้อาจารย์ใหญ่จินของพวกเจ้าขายหน้าจริง ๆ” ฝ่ายตรงข้ามกล่าวประชดประชันออกมา
“ข้าจะกลัวอะไรมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ?”
“ข้าไม่เปลืองเวลากับเจ้าแล้ว จินซ่านซ่านเจ้าจงให้เจ้าพวกไร้ค่านี่ไปเสีย ความสามารถของเจ้านั้นข้ารู้ ไปกับข้า! ตอนนี้เป็นตอนที่ข้าต้องการใช้ความสามารถของเจ้าผู้ไร้ค่าแล้ว” หัวหน้ากลุ่มของสำนักศึกษาอวี้หุนนามว่าอวี้จี๋กล่าว
มู่เฉียนซีตะลึงงัน “ความสามารถอันฝืนลิขิตฟ้าของเจ้า คงไม่ใช่ว่าได้รู้กันไปทั่วทั้งทวีปอวี้โจวหรอกกระมัง!”
จินซ่านซ่านกล่าว “ข้ามีความสามารถที่พิเศษเช่นนี้ ทำไมต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่า ถ้าหากมิใช่ว่าเจ้าหมอนี่โชคดี เกรงว่าคงจะมีชีวิตรอดมาไม่ถึงตอนนี้!
อวี้จี๋กล่าวอย่างเดือดดาล “จินซ่านซ่าน ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าได้ยินหรือไม่?”
จินซ่านซ่านกล่าว “แน่นอนว่าข้าได้ยิน หูข้าก็ไม่ได้หนวกสักหน่อย! แต่ว่าข้าไม่อยากไปกับเจ้า ไม่อยากอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีรู้ว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงคอยเกาะติดพวกเขา และถึงแม้ว่าสำนักศึกษาจินซินจะโอหัง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้สำนักศึกษาอื่น ๆ ยอมละทิ้งการแข่งขันเพื่อที่จะมาจัดการกับพวกเขา
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะเจ้าจินซ่านซ่านที่มีความสามารถในการค้นหาสมบัติ ใครก็ตามที่รู้ถึงความสามารถอันพิเศษนี้ล้วนแต่เพ่งเล็งตัวเขาทั้งนั้น
มีความสามารถในการหาสิ่งล้ำค่า เช่นนี้การจะเข้าไปอยู่ในรายชื่อหนึ่งร้อยอันดับแรกนั้นสบายนัก ขอเพียงมีพลังความสามารถเสริมอีก แม้แต่สิบอันดับแรกก็ยังไม่มีปัญหา
อวี้จี๋กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “จินซ่านซ่าน นึกไม่ถึงเลยว่าคืนนี้เจ้าจะมีความกล้ายิ่งนักนะ! กลับกล้าปฏิเสธข้า เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นความร้ายกาจของหมัดข้า!”
จินซ่านซ่านกล่าวอย่างเย็นชา “สาวงามมู่ ข้านั้นเป็นต้นไม้เงินของเจ้า เจ้าจะต้องปกป้องข้า อย่าให้ข้าถูกผู้อื่นแย่งตัวไป”
อวี้จี๋มองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณา และกล่าวว่า “เจ้าอยากให้พวกเขาปกป้อง? พวกสำนักศึกษาซวนเสีย ?”
เขากล่าวเชิงหยอกล้อขึ้น “จินซ่านซ่าน เจ้าคงไม่โง่ถึงขนาดคิดว่าพวกเขาได้ที่หนึ่งที่สองในรอบแรกแล้วจะสามารถปกป้องเจ้าได้ ในรอบแรกนั้นพวกเราล้วนแต่ออมแรงเอาไว้ มิเช่นนั้นพวกเขาจะไปถึงอันดับที่หนึ่งได้อย่างไร”
เขาชี้นิ้วไปที่จินซ่านซ่านและกล่าวกับพวกมู่เฉียนซีว่า “เจ้าคนนี้ ข้าจะเอาตัวไป หากเจ้าจะแย่งตัวกับข้า เช่นนั้นก็อย่าได้หาว่าข้านั้นไม่เกรงใจ”