ตอนที่ 237-1 กองทหารเด็กมาหาแล้ว

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เว่ยจิ่นอวี้กลับมาจากเรือนมารดากลับพบว่าทั่วทั้งเรือนเงียบสงัด เขาเดินวนอยู่ในห้องหนึ่งรอบไม่พบเสิ่นเสวี่ย อดประหลาดใจไม่ได้ “ซื่อจื่อฮูหยินเล่า”

 

 

อี่หงที่เป็นกังวลอยู่ก็รีบเข้ามาบอก “เรียนท่านซื่อจื่อ ซื่อจื่อฮูหยิน ฮูหยินกลับบ้านฝั่งมารดาแล้วเจ้าค่ะ” พูดประโยคนี้จบนางก็ก้มหน้าลง ในใจกระวนกระวาย กลัวจะถูกท่านซื่อจื่อพาลโมโหใส่

 

 

เป็นดังคาด เว่ยจิ่นอวี้ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไม่ได้พาลโมโห เพียงแค่โบกมือให้อี่หงถอยออกไป

 

 

เว่ยจิ่นอวี้นั่งลงบนเก้าอี้ รู้สึกว่าทั่วทั้งห้องเงียบอย่างถึงที่สุด ในใจตำหนิเสิ่นเสวี่ยขึ้นมาเงียบๆ เขาทุ่มเทแรงไปมากว่าจะปลอบท่านแม่และญาติผู้น้องได้ ทว่าภรรยากลับกระฟัดกระเฟียดวิ่งกลับบ้านฝั่งมารดา ท่านแม่ตบหน้านางก็เกินไปเล็กน้อย แต่นางเป็นลูกสะใภ้เหตุใดถึงไม่อดทนเสียหน่อยเล่า ไม่คิดบ้างหรือว่าเขาลำบากใจยิ่งนัก ช่างไม่รู้ประสาเกินไปแล้วจริงๆ

 

 

ยังมีเรื่องในวันนี้ เป็นภรรยาของเขาที่ก่อเรื่องทั้งสิ้น ญาติผู้น้องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เพียงแค่ไปขอคำแนะนำจากเขาที่ห้องหนังสือ ตนเห็นอักษรที่นางเขียนดูไร้พลังเล็กน้อย จึงถือโอกาสสอนนางชั่วขณะ พวกเขาบริสุทธิ์ใจ ไหนเลยจะทำตัวน่ารังเกียจเหมือนอย่างที่ภรรยาของเขาพูด

 

 

ญาติผู้น้องเป็นเด็กผู้หญิง หน้าบาง ไหนเลยจะทนรับคำสบประมาทเสียดสีของอาเสวี่ยได้ เพียงแค่อธิบายไม่กี่คำ เสิ่นซื่อก็เดือดดาลลงมือผลักคน อย่าว่าแต่ญาติผู้น้องรับไม่ได้ แม้แต่เขาที่เป็นสามีเองก็หน้าร้อนผ่าวเช่นกัน

 

 

ภรรยาลูกผู้พี่ลงมือกับญาติผู้น้อง คำพูดนี้พูดง่ายแต่ไม่น่าฟัง! มิน่าเล่าเสด็จแม่ถึงได้โมโหเพียงนั้น แต่เขาจะทำอย่างไรได้ ฝั่งหนึ่งเป็นมารดากับญาติผู้น้อง ฝั่งหนึ่งเป็นคนที่นอนอยู่ข้างเขา เขาทำได้เพียงเลือกที่จะปลอบมารดาก่อน คิดว่าปลอบมารดาเสร็จแล้วค่อยกลับไปปลอบขวัญภรรยา ใครจะรู้เมื่อเขากลับมาภรรยากลับดื้อรั้นวิ่งกลับบ้านฝั่งมารดาแล้ว

 

 

เมื่อคิดว่าต้องไปรับคนที่จวนจงอู่โหว เว่ยจิ่นอวี้ก็ปวดหัวอย่างถึงที่สุด พ่อตาผู้นั้นของเขายังดี เป็นมิตรอ่อนโยนต่อเขา ทว่านายท่านผู้เฒ่าโหวกับน้องชายคนเล็กของภรรยาผู้นั้นของเขากลับทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง แม้ปากนายท่านผู้เฒ่าโหวจะไม่ได้พูดอะไร ดูคล้ายปฏิบัติต่อเขาเหมือนกับหลานเขยคนอื่นๆ แต่เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านายท่านผู้เฒ่าโหวไม่ค่อยชอบเขานัก ยังมีน้องชายคนเล็กของภรรยาผู้นั้น สายตาที่มองเขาน่าสะพรึงกลัว ราวกับมองกากเดน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ชอบในใจ

 

 

ภรรยาโมโหกลับบ้านฝั่งมารดา นี่ทำให้เว่ยจิ่นอวี้ทั้งโกรธทั้งรู้สึกเสียหน้า แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจปกปิดความจริงได้ เว่ยจิ่นอวี้ลุกขึ้นอีกครั้งไปยังเรือนมารดาของเขา ตลอดทางใคร่ครวญในใจว่าพูดอย่างไรจึงจะเหมาะสม เขายังไม่รู้ว่ามารดาของเขาได้ข่าวเรียบร้อยแล้ว

 

 

ในเรือนหลังอวี้ซื่อโกรธจนแทบจะคว่ำโต๊ะ “หญิงตัวซวยหน้าไม่อายผู้นี้ นางยังมีหน้ากลับบ้านฝั่งมารดา ดี ดี ดี นางเก่งนักมิใช่หรือ เช่นนั้นก็อยู่ที่บ้านฝั่งมารดาไปตลอดชีวิตเสีย จวนหย่งหนิงโหวของข้าไม่ต้องการสะใภ้ที่สูงศักดิ์เช่นนี้”

 

 

จ้าวเฟยเฟยรู้สึกผิดทั้งใบหน้า “ท่านป้า ข้ากลับบ้านดีกว่าเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านกับลูกผู้พี่ต่างก็รักข้า แต่พี่สะใภ้คล้ายไม่ชอบข้านัก อย่าให้ท่านต้องลำบากใจเพราะข้าเลย พี่สะใภ้เป็นคนดี เฟยเฟยเองที่ไม่ดี ทำให้พี่สะใภ้โมโหตลอด” นางกล่าวด้วยท่าทีน่าสงสาร ราวกับว่าอีกไม่ช้าก็จะร้องไห้ออกมาแล้ว

 

 

อวี้ซื่อตบมือลงบนโต๊ะ “จะไปไหน ตระกูลนี้ยังไม่ถึงตานางดูแล ป้าเจ้ายังไม่ตาย เจ้าวางใจเถิด ข้าจะดูสิว่าคนไหนกล้าไล่เจ้าไป” เดิมอวี้ซื่อก็เห็นเสิ่นเสวี่ยไม่เข้าตาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ชอบนางมากขึ้น ไม่ใช่อาศัยบ้านฝั่งมารดากุมอำนาจหรอกหรือ เหอะ ยังคิดว่าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนหรือ หลิวซื่อเข้าห้องพระเล็กแล้ว ข้าจะดูสิว่าใครจะมาหนุนหลังให้เจ้า

 

 

“ท่านป้า ท่านดีกับเฟยเฟยจริงๆ! หลังจากนี้เฟยเฟยจะเชื่อฟังท่านแน่นอน” ใบหน้าเล็กๆ เท่าฝ่ามือของจ้าวเฟยเฟยเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “แต่เพราะว่าท่านป้าดีต่อเฟยเฟย ในใจเฟยเฟยเลยยิ่งลำบากใจ อย่างไรเสียก็เป็นเพราะเฟยเฟยพี่สะใภ้ถึงได้โมโหกลับบ้านฝั่งมารดา”

 

 

อวี้ซื่อจับมือจ้าวเฟยเฟยปลอบโยน “เด็กดี ยังคงเป็นเจ้าที่รู้ประสา หากพี่สะใภ้ผู้นั้นของเจ้ามีเหตุผลได้สักครึ่งหนึ่งของเจ้า ข้าก็คงโมโหน้อยลงได้บ้าง”

 

 

ตอนที่เว่ยจิ่นอวี้เข้ามาได้ยินประโยคนี้ของมารดาเขาพอดี อดทำหน้าเหยเกไม่ได้ “ท่านแม่ ท่านทราบแล้ว”

 

 

อวี้ซื่อปรายตามองลูกชายปราดหนึ่ง กล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “เจ้าเองก็ไม่รู้จักดูแลภรรยา ดูสิทำให้ญาติผู้น้องเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม นางยังมีหน้ากลับบ้านฝั่งมารดาอีก เพ่ย!”

 

 

เว่ยจิ่นอวี้รีบปั้นหน้ายิ้ม “เสิ่นซื่อไม่รู้ประสา ท่านแม่โปรดให้อภัย ทั้งหมดลูกจะรับไว้เอง กลับไปลูกจะให้นางมารินน้ำชาขอโทษท่าน”

 

 

อวี้ซื่อแค่นเสียงหนึ่งครา “มิบังอาจ คนเป็นถึงสตรีสูงศักดิ์จวนจงอู่โหว ไหนเลยจะเห็นแม่สามีเช่นข้าอยู่ในสายตา อีกอย่าง นางจะขอโทษข้าหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ครั้งนี้คนที่นางล่วงเกินก็คือญาติผู้น้องเจ้า ญาติผู้น้องเจ้าเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน วาจาเช่นนั้นของเสิ่นซื่อไม่ใช่ทำลายชื่อเสียงของนางหรือ จิตใจอำมหิตเกินไปแล้ว”

 

 

สีหน้าของเว่ยจิ่นอวี้ไม่ดียิ่งขึ้น เสิ่นซื่อเอ่ยวาจาเหล่านั้นเขาเองก็ได้ยินแล้ว ยั่วยวนเอย หญิงชั่วเอย นังมารน้อยต่างๆ นานาเอย หยาบคายจนเขาที่เป็นบุรุษอยากจะปิดหูอย่างยิ่ง นับประสาอะไรกับญาติผู้น้องที่อ่อนโยนเล่า

 

 

“ญาติผู้น้อง เป็นพี่ที่ผิดเอง พี่ขอโทษแทนเจ้าด้วย เจ้าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง ก็ให้อภัยนางครั้งนี้เถิด” เว่ยจิ่นอวี้ก้มศีรษะต่ำให้จ้าวเฟยเฟย ขอโทษจากใจจริง

 

 

จ้าวเฟยเฟยรีบเบี่ยงตัวหลบ โบกมือกล่าวอย่างร้อนใจ “มิบังอาจ เฟยเฟยจะให้ท่านพี่ขอโทษแทนได้อย่างไร ไม่โทษพี่สะใภ้ เป็นความผิดของเฟยเฟยเอง เฟยเฟยมีเพียงน้องชาย ไม่มีพี่ชาย ตั้งแต่เล็กก็หวังจะมีพี่ชายที่รักตัวเอง หลังจากมาจวนหย่งหนิงโหว ท่านพี่ก็ดีกับเฟยเฟยเพียงนั้น เฟยเฟยเห็นท่านพี่เป็นพี่ชายแท้ๆ จริงๆ อาจเพราะว่าเป็นเช่นนี้พี่สะใภ้จึงเข้าใจผิด หลังจากนี้เฟยเฟยจะพยายามไม่ไปรบกวนท่านพี่แล้ว”

 

 

เสียงของนางลดต่ำ แต่ละประโยคพูดกระทบจิตใจของเว่ยจิ่นอวี้ เขาคิดว่าเทียบกับเสิ่นซื่อแล้ว ญาติผู้น้องรู้ประสากว่ามาก

 

 

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เมื่อก่อนเป็นเช่นไร ต่อจากนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น หากมิได้ทำผิดก็มิต้องกลัว ข้าเองก็เห็นญาติผู้น้องเป็นน้องสาวแท้ๆ เช่นกัน” เว่ยจิ่นอวี้กล่าว

 

 

คำพูดนี้เขากลับไม่ได้เสแสร้ง จวนหย่งหนิงโหวย่อมมีบุตรสาว แต่ก็เป็นบุตรสาวอนุภรรยา ถูกอวี้ซื่อกลั่นแกล้งราวกับเป็นตุ๊กตาดินเหนียว ไม่มีความรู้สึกของการมีอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว อวี้ซื่อมีเว่ยจิ่นอวี้เพียงคนเดียว ย่อมต้องดูแลอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้เขาไปสนิทสนมกับบุตรอนุภรรยาบุตรสาวอนุภรรยาในจวน บุตรอนุภรรยายังเจอหน้าเพียงไม่กี่ครั้ง นับประสาอะไรกับบุตรสาวอนุภรรยาเล่า เว่ยจิ่นอวี้จำไม่ได้แม้แต่หน้าตาของพวกนาง

 

 

ตั้งแต่เล็กเว่ยจิ่นอวี้ก็ตัวคนเดียว อิจฉาคนอื่นที่มีพี่น้องมากเป็นพิเศษ ตอนนี้คาดไม่ถึงว่ามีญาติผู้น้องที่อ่อนหวานน่ารักผู้หนึ่งมาที่จวน ทั้งฉลาดทั้งรู้ประสา ซ้ำยังเต็มใจสนิทสนมกับเขา ไม่ใช่เติมเต็มความภาคภูมิใจของการได้เป็นพี่ชายของเขาหรอกหรือ เขารักจ้าวเฟยเฟยเหมือนน้องสาวแท้ๆ จริงๆ

 

 

“เจ้าพูดเช่นนี้ก็ถูกต้องจริงๆ” อวี้ซื่อพยักหน้าด้วยความชื่นชม “เฟยเฟยเป็นเด็กรู้ประสา ตั้งแต่ที่นางมา วันๆ ก็กตัญญูหยอกเล่นกับข้า ทุกวันนี้ข้าสบายใจยิ่งกว่าเมื่อก่อนมาก ซ้ำเฟยเฟยยังปลอบใจข้าอยู่บ่อยๆ มิเช่นนั้นด้วยนิสัยความประพฤติของภรรยาเจ้า ข้าก็คงจะโมโหตายไปนานแล้ว” นางต่อว่าอย่างไม่พอใจ

 

 

เว่ยจิ่นอวี้เองก็รู้ว่าแม่เขากับภรรยาเขาไม่ลงรอยกัน ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผิดเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ “ท่านแม่วางใจ ลูกจะสั่งสอนเสิ่นซื่อเอง” ไม่ว่าอย่างไรนี่เองก็เป็นมารดาที่ให้กำเนิดเขาเลี้ยงดูเขาห่วงใยเขา ต่อให้จะมีบางที่ที่ทำไม่ค่อยเหมาะสม แต่พวกเขาที่เป็นชนรุ่นหลังก็ควรจะเคารพ นี่คือหลักกตัญญูที่ผู้เป็นบุตรควรมี

 

 

จ้าวเฟยเฟยเห็นป้านางคลายความโมโหลงช้าๆ แล้ว ดวงตาก็เป็นกระกายกล่าว “ท่านป้า ท่านพี่พรุ่งนี้ไปรับพี่สะใภ้ที่จวนจงอู่โหวดีกว่าหรือไม่ ฟังว่านายท่านผู้เฒ่าโหวจวนจงอู่โหวมีความสามารถ หากพวกเขาพาลโมโหใส่ท่านพี่เพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นก็ไม่ดีแล้ว อืม หากว่า หากว่าพี่สะใภ้ไม่ยอมกลับมา เฟยเฟยก็ยินดีไปขอโทษที่หน้าประตูพร้อมท่านพี่” นางแสดงท่าทางเข้าอกเข้าใจ

 

 

คำพูดหนึ่งประโยคยั่วโมโหอวี้ซื่อได้สำเร็จ “ไม่กลับมาก็ช่าง เดิมนางก็ทำผิดต่อเจ้า จะให้เจ้าไปขอโทษนางได้อย่างไร ข้าว่าอวี้เอ๋อร์พรุ่งนี้เจ้าเองก็ไม่ต้องไปรับ ปล่อยนางไว้สองวันให้นางได้สติ ต่อให้จวนจงอู่โหวจะมีอำนาจมาก ก็คงไม่ไร้เหตุผลหรอกกระมัง ยิ่งไปกว่านั้นจวนหยงหนิงโหวของพวกเราก็เป็นจวนโหวเหมือนกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลพวกเขา”

 

 

คำพูดนี้แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ เป็นจวนโหวเหมือกัน แต่จวนหย่งหนิงโหวอยู่ห่างชั้นจากจวนจงอู่โหวมาก จวนจงอู่โหวได้รับความชื่นชมจากฮ่องเต้ นายท่านผู้เฒ่าโหวก็ยิ่งได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาทอย่างยิ่ง ส่วนจวนหย่งหนิงโหวเล่า เริ่มตกต่ำลงนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะมีเว่ยจิ่นอวี้ที่มีพรสวรรค์ด้านการเรียนหนังสือ คาดว่าคงจะจมลงไปในฝุ่นนานแล้ว

 

 

เห็นชัดๆ ว่าอวี้ซื่อพูดจาด้วยโทสะ ทว่าเว่ยจิ่นอวี้กลับรู้สึกว่ามีเหตุผล เด็กหนุ่มรักศักดิ์ศรี เขาเว่ยจิ่นอวี้เกิดมาก็ทะนงตน เดินไปที่ใดล้วนแต่เป็นบุคคลที่ทุกคนยกย่อง จะให้เขาลดตัวลงไปขอโทษภรรยากับบ้านพ่อตา เขาเสียหน้าเช่นนั้นไม่ได้หรอก

 

 

จ้าวเฟยเฟยเห็นท่าที ยังถามด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลทั้งใบหน้า “แบบนี้จะดีหรือ พี่สะใภ้ใช่จะยิ่งโกรธหรือไม่” ดวงตาที่หลุบลงกลับมีความดีใจแวบผ่าน นางอยากให้ลูกผู้พี่ไม่ต้องไปรับพี่สะใภ้ตลอดชีวิต ทางที่ดีที่สุดก็คือส่งจดหมายขับภรรยาหนึ่งฉบับขับนางออกไป เช่นนั้นนางก็จะมีโอกาสได้เป็นภรรยาเอกของลูกผู้พี่

 

 

อันที่จริงจ้าวเฟยเฟยคิดผิดแล้วจริงๆ แม้ว่าเว่ยจิ่นอวี้จะขับเสิ่นเสวี่ยจริงๆ ตำแหน่งฮูหยินหย่งหนิงโหวซื่อจื่อนั้นก็ไม่ตกมาถึงมือนาง อย่าว่าแต่คนอื่น เพียงแค่ป้าของนางก็ไม่เห็นด้วยแล้ว นางยังคิดจะแต่งภรรยาตระกูลสูงให้ลูกชายเป็นแรงสนับสนุนอยู่เลย จ้าวเฟยเฟยเช่นนางมีอะไรดี ต่อให้อวี้ซื่อจะรักก็หลานสาวก็ไม่อาจฝังลูกชายทั้งเป็นได้!

 

 

เก็บความคิดของแต่ละคนในจวนหย่งหนิงโหวไว้ก่อน พวกเราไปดูเสิ่นเวยที่จวนจิ้นอ๋องกันดีกว่า