เลือกอย่างไร (1+2)

เจ้าของที่นี่วางแผนใส่เฉินเกอ แต่ใครจะพูดได้ว่าเฉินเกอไม่ได้วางแผนใส่อีกฝ่ายด้วยเหมือนกัน? สามคนในสี่คนนั้นติดกับดักไปแล้ว ด้วยจำนวนที่มากกว่า คุณเจ้าของย่อมคิดว่าพวกเขาสามารถลงมือได้แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าในกลุ่มคนที่เขาได้รับเข้ามาในคืนนี้นั้น ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาจากเฉินเกอคนเดียว

เฉินเกอก็ไม่ได้วู่วามตอนที่เขาเข้ามาในโรงแรมตอนแรกเพราะว่าเขาเองก็ระแวงไพ่ตายของเจ้าของที่นี่อยู่เหมือนกัน อย่างเช่นปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิญญาณสีเลือดที่ในตู้เย็น ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าพวกเขาต่างเป็นฝ่ายได้เปรียบ ดังนั้นใบหน้าของพวกเขาทุกคนจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ผู้ชายคนนี้อาจจะมีปืนซ่อนเอาไว้ และในเมื่อกระสุนมีจำกัด เขาก็คงไม่ใช้มันออกมานอกเสียจากจะฉุกเฉินจริง ๆ ดังนั้น ฉันต้องจับเขาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันต้องทำลายมือของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะทันได้ทำอะไร– นั่นเป็นทางเดียวที่ฉันจะหยุดเขาจากการใช้ปืนได้

วิธีการที่เฉินเกอรับมือกับปัญหานั้นตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาก็มักจะแก้ปัญหาด้วยการจัดการกับต้นตอ

“เลิกต่อต้านพวกเราได้แล้ว พวกเรามาอย่างสันติ พวกเราแค่ต้องการให้พวกแกเล่นเกมกับเรานิดหน่อยเท่านั้น” เจ้าของที่นี่คิดว่าเขามีอำนาจเหนือกว่าดังนั้นสีหน้าของเขาจึงดูผ่อนคลายมาก “ฉันเชื่อว่าแกคงเห็นแล้วว่าเก้าอี้มีปัญหา พิษบนนั้นจะค่อย ๆ ทำให้แกอ่อนแรงและเคลื่อนไหวไม่ได้ไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดแกก็จะตายอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส”

เจ้าของที่นี่ดึงขวดแก้วที่มีของเหลวใสออกมาจากในกระเป๋า ในนั้นยังมีเส้นเลือดบิดตัวไปมาอยู่ “ฉันมียาถอนพิษอยู่กับตัวขวดหนึ่ง ในพวกแกสี่คน มีคนเดียวที่จะรอดชีวิตไปได้”

“คำขู่ของแกไม่มีผลกับฉันเพราะว่าฉันไม่ได้ถูกพิษนั่น” เฉินเกอรูดซิปกระเป๋าเปิดแล้วเอื้อมมือเข้าไปข้างในนั้น

“ในไม่ช้า แกก็จะจบลงแบบพวกมัน ฉันแนะนำให้แกอย่าได้ดิ้นรนต่อไป มันไร้ประโยชน์และไร้ความหมาย นี่จะช่วยให้แกไม่ต้องเสียแขนหรือขาไป เพราะนั่นอาจจะทำให้แกเสียเปรียบในเกมที่กำลังจะเริ่มขึ้น” ไขมันเป็นชั้นบนใบหน้าของคุณเจ้าของกระเพื่อมอย่างรุนแรงจากความตื่นเต้น เขาดูสนุกที่ให้แต่ละคนต้องสู้กันเอง ความรู้สึกที่ได้กระชากสิ่งงดงามทั้งปวงบนโลกขว้างทิ้งลงกับพื้นและยังได้เหยียบย่ำซ้ำนั้นทำให้เขารีบร้อนอย่างไม่ควร

“เกม? เกมแบบไหนที่แกอยากเล่น?” เฉินเกอสนใจในคำว่า ‘เกม’ ที่ถูกพูดถึง บ้านผีสิงของเขานั้นต้องการความสนุกมากขึ้นอีก เกมธรรมดานั้นไม่เข้ากับบรรยากาศในบ้านผีสิง แต่เกมที่เป็นพวกคนบ้าคิดขึ้นมา? นั่นน่าจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี

บ้านผีสิงหลอน ๆ คู่กับเกมโปรดของฆาตกร เสียงกรีดร้องของผู้เข้าชมนั้นก้องอยู่ในใจเฉินเกอเสียแล้ว

“มีเกมตั้งมากอย่างเกมแบ่งเค้ก เกมเก้าอี้ดนตรี และเกมซ่อนหา” เจ้าของร่างอ้วนคิดว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้อยู่มือแล้ว ดังนั้นเขาจึงอธิบายเกมกับเฉินเกออย่างอดทน

กติกาอันโหดร้ายของเกม และประสบการณ์การเล่นเกมนั้นหมายถึงเสียงกรีดร้องสุดเสียงของผู้เข้าร่วม เพียงแค่ได้ยินคำอธิบายก็ทำให้เฉินเกอรู้สึกไม่ดีแล้ว “ถ้าฉันเลียนแบบกติกาทั้งหมดไป ผู้เข้าชมคงได้ส่งตัวเองไปโรงพยาบาลแน่แล้ว แต่ว่ากฏพื้นฐานของเกมพวกนี้ก็ไม่ได้แย่”

“ผู้เข้าชม? แกกำลังพูดถึงอะไรอยู่น่ะ?” เจ้าของร่างอ้วนและพ่อครัวนั้นอยู่ห่างจากเฉินเกอไปหลายเมตร

“โอ้ ขอโทษที ฉันเคยชินกับการมีเพื่อนอยู่กับฉันเยอะ ๆ น่ะ ดังนั้นก็เลยมีนิสัยพูดสิ่งที่คิดออกมาดัง ๆ” เฉินเกอไม่ได้อธิบายมากนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างการมีเพื่อนเยอะและการพูดสิ่งที่คิดออกมาดัง ๆ เขาใช้ประโยชน์จากเจ้าของร่างอ้วนหมดแล้ว และเฉินเกอก็วางแผนจะเลิกเสแสร้งด้วยเหมือนกัน

“พวกแกสองคนรังแกฉันคนเดียว และพวกแกยังมีอาวุธมีคม ถึงแม้ว่าฉันจะอ่อนแอกว่า ฉันก็ไม่ได้ถูกล้มได้ง่าย ๆ หรอกนะ” เฉินเกอกัดฟันและขู่ออกไปอย่างอันตราย

“อันที่จริง เทียบกับการใช้พิษแล้ว พวกเราชอบฆ่าสด ๆ มากกว่า ยิ่งแกดิ้นรนเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น!” เจ้าของร่างอ้วนนั้นหยุดหัวเราะไม่ได้ ร่างของเขาสั่น เปลี่ยนเขาไปเป็นภูเขาเนื้อสั่นระริกก้อนหนึ่ง

“ยิ่งเหยื่อดิ้นรนเท่าไหร่ พวกแกก็ยิ่งตื่นเต้น?” เฉินเกอรอให้เจ้าของร่างอ้วนเดินเข้ามาหาเขาก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา “อย่างนั้นมันก็คงจะยอดเยี่ยมเลยเพราะว่าแกจะได้ตื่นเต้นมากแน่ ๆ คืนนี้!”

เฉินเกอโยนกระเป๋าสะพายหลังไปทางหนึ่ง เขากำด้ามค้อนที่หน้าตาเหมือนกระดูกสันหลังของมนุษย์เอาไว้ เขายกค้อนขึ้นสูงและเหวี่ยงมันใส่หน้าอกของเจ้าของร่างอ้วนอย่างแรง

ปัง!

เฉินเกอแน่ใจว่าเจ้าของร่างอ้วนนั้นเป็นคนเป็นคนหนึ่งเพราะว่าเลือดที่สาดออกมานั้นยังอุ่น “ไง แกตื่นเต้นพอไหม?”

เมื่อคิดถึงว่าเนื้อบนร่างของเขาอาจจะทำให้เลือดจางลง เฉินเกอก็ยกค้อนขึ้นอีกครั้งแล้วทุบลงไปด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี ร่างใหญ่โตของเจ้าของร่างอ้วนนั้นก็ไม่สามารถทนรับแรงทุบตีครั้งนี้ได้และล้มกลิ้งไปบนพื้น ก่อนที่พ่อครัวที่ด้านหลังจะทันได้ทำอะไร เฉินเกอก็พุ่งเข้าไปทุบแขนสองข้างและขาอีกข้างของเจ้าของหักโดยไม่รั้งรอ

ถึงแม้ว่าเขาจะได้เปรียบอยู่ เฉินเกอก็ไม่คิดจะประมาท เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของร่างอ้วนนี้จะพกปืนอยู่หรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะใช้วิธีการที่ปลอดภัยที่สุด ตอนนี้ที่เขาสูญเสียแขนทั้งสองข้างไปแล้ว ต่อให้เขามีปืนกระบอกนั้นอยู่ เจ้าของที่นี่ก็ยากที่จะใช้งานมันได้

เหี้ยมโหด เจ้าเล่ห์ ระมัดระวัง และมุ่งมั่น– นั่นเป็นความประทับใจที่เฉินเกอทิ้งไว้ให้กับพ่อครัว เขาเองยังคิดถึงเมนูอาหารที่สามารถประกอบขึ้นได้จากแขกเหล่านี้ตอนที่เขาเห็นเจ้านายของตนถูกค้อนทุบจนกระอักเลือดออกมา!

คนผู้หนึ่งต้องหน้าด้านและโหดร้ายเพียงไหนถึงได้ซ่อนค้อนใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ในกระเป๋าสะพายหลังและแบกติดตัวเอาไว้?

ดวงตาของพ่อครัวกระตุกอย่างไม่แน่ใจ มีดปังตอที่เขาถืออยู่ในมือนั้นดูเหมือนของเด็กเล่นไปเลยเมื่อเทียบกับค้อนเหล็ก เขากำลังคิดหาวิธีการแก้ไข ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็บังเอิญสบตากับเฉินเกอ

สายตาน่ากลัวและโหดร้ายนั่นทำให้เขาตัวสั่น แค่เขาคิดว่าเฉินเกอกำลังจะพูดอะไรสักอย่างกับเขา เฉินเกอก็กลับยกค้อนขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่เขา ผู้ชายคนนี้ไม่เสียเวลาพูด และเขาก็ระมัดระวังมากพอที่จะไม่ปล่อยให้พ่อครัวจับตัวเขาได้

ทุกอย่างเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ก่อนที่สมองของเขาจะทันได้คิดถึงวิธีการแก้ไข ความเจ็บปวดก็แผ่ไปทั่วร่างของเขาแล้ว มีดปังตอในมือของเขาหล่นลงพื้นดังเคล้ง พ่อครัวมองแขนตัวเองอ่อนแรงและปลายนิ้วก็คลายออก มันเป็นประสบการณ์อันยากอธิบาย

“ฉัน…” พ่อครัวต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินเกอไม่ให้โอกาสเขา เขาระมัดระวังเกินกว่าจะปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนั้นได้ ก่อนที่เขาจะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ เขาจะไม่เสียเวลาพูดคุยและปล่อยให้ศัตรูของเขารบกวนเขาด้วยถ้อยคำของพวกมันเช่นกัน แค่เหวี่ยงค้อนอีกไม่กี่ครั้ง กระทั่งพ่อครัวก็ล้มลงกับพื้น

“เอาละ ตอนนี้ได้เวลาพวกแกพูดแล้ว บอกฉันสิ ยาต้านพิษที่ช่วยให้พวกเขากลับมาควบคุมร่างกายได้อยู่ที่ไหน?” เฉินเกอคว้ายาต้านพิษออกมาจากมือของเจ้าของร่างอ้วนก่อน มองไปยังเส้นเลือดที่บิดเร่าอยู่ในขวดแล้วเขาก็นึกถึงการต่อสู้กับสมาคมเล่าเรื่องผีที่หมู่บ้านโลงศพเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้น อู๋เฟยก็ถือขวดของหลอดเลือดที่คล้ายกับขวดนี้

“ฉัน…”

พ่อครัวกำลังจะพูดบางอย่างตอนที่เจ้าของร่างอ้วนตะโกนเสียงดังใส่เขา “อย่าถูกมันหลอก!”

“ฉันยังไม่ได้ให้สัญญาอะไรกับแกเลย และยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ใช่คนที่จะกลับคำพูด” เฉินเกอนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าเจ้าของร่างอ้วนและเริ่มค้นตัวเขา พ่อครัวยั้งคำพูดเอาไว้ทำให้หน้าเริ่มแดงก่ำขึ้น แต่ในที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่มีประโยชน์

“ถ้าฉันเป็นแกนะ ฉันจะไม่ป้อนยาในขวดนี้ให้พวกเขาแน่ ๆ” ถึงแม้ว่าแขนของเจ้าของที่นี่จะใช้การไม่ได้แล้ว กระดูกอกยังยุบเข้าไป เลือดยังซึมออกจากปากของเขา แต่ท่าทีของเขาก็ยังคงเดิม

“ทำไม?” เฉินเกอรู้ไพ่ตายของเจ้าของร่างอ้วน เขาน่าจะกำลังรอให้ชายชราใช้ฟันพวกนั้นเรียกวิญญาณสีเลือด

“แกเชื่อคำพูดของศัตรูของแกได้จริง ๆ น่ะเหรอ? อันที่จริง นี่เป็นยาพิษ ฉันอยากจะได้เห็นความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดของแก ฉันจะให้พวกแกสี่คนฆ่ากันเองและให้รางวัลผู้ชนะคนสุดท้ายด้วยยาถอนพิษที่อันที่จริงแล้วเป็นยาพิษขวดหนึ่ง จากนั้น ฉันก็จะได้รื่นรมย์ไปกับความสิ้นหวังที่ระบายเต็มใบหน้าของคนผู้นั้นขณะที่เขาถูกพรากไปจากโลกนี้ช้า ๆ” คำพูดเพ้อเจ้อของเจ้าของร่างอ้วนนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของเขาคอยแต่จะเหลือบมองไปยังประตูห้องที่หนึ่ง

“บังเอิญจังเลยนะเพราะว่าฉันเองก็ชอบเห็นสีหน้าสิ้นหวังบนใบหน้าของผู้คนเหมือนกัน” เฉินเกอยื่นมือเข้าไปในกระเป๋าและดึงผ้าสีดำผืนหนึ่งออกมา เขากางมันออกต่อหน้าเจ้าของที่นี่ และที่ด้านในผ้านั่นก็คือฟันเรียบลื่นมากมายเหล่านั้น “แกเอาแต่มองไปที่ห้องนั้น เป็นเพราะว่าที่นั่นซ่อนของพวกนี้เอาไว้สินะ?”

เจ้าของร่างอ้วนเงียบกริบลงทันที เขาพยายามปกปิดความตระหนกที่แล่นไปทั่วร่าง แต่สีหน้าของเขาก็ทรยศเขาแล้ว

“บอกฉัน ยาถอนพิษอยู่ที่ไหน?” เฉินเกอเหวี่ยงค้อนไปมา “ความอดทนของฉันมีจำกัด”

ทั้งเจ้าของที่นี่และพ่อครัวเงียบ หลังจากนั้นนาทีหนึ่ง เจ้าของที่นี่ก็เปิดปากพูดช้า ๆ “ฉันบอกแกได้ว่ายาถอนพิษจริง ๆ อยู่ที่ไหน แต่แกต้องสัญญาจะปล่อยพวกเราทั้งคู่ไป พาเพื่อนของแกออกไปจากที่นี่หลังจากได้ยาถอนพิษแล้ว”

“ไม่มีปัญหา ที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้สนใจแกสองคนเลยสักนิด” เฉินเกอกำลังพูดความจริง ทั้งหมดที่เขาทำไปนั้นก็เพื่อวิญญาณสีเลือดที่อยู่ในโรงแรมนี้

“ยาถอนพิษถูกเก็บเอาไว้ในที่ที่ลับมาก ฉันจะพาแกไปที่นั่นเอง” ใบหน้าของเจ้าของที่นี่นั้นเต็มไปด้วยความเสียดายและเศร้าใจ เขามีท่าทางเหมือนคนที่ยอมแพ้แล้ว “ส่งมือให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

เฉินเกอทุบแขนทั้งสองข้างและขาอีกข้างของเขาไป เขาทำได้แค่เขย่งแล้วตอนนี้

“อย่าได้เล่นแง่กับฉัน บอกสถานที่มา และฉันจะลองคิดดูว่าจะพาแกไปที่นั่นดีหรือไม่” เฉินเกอค้นตัวพ่อครัวและพบว่าเขาเองก็มียาถอนพิษอยู่อีกขวดหนึ่ง บางทีทั้งสองขวดนี่อาจจะเตรียมไว้ให้กับพวกเขาเอง

“ได้ ฉันบอกแก พวกมันอยู่ในลิ้นชักในห้องที่สามทางด้านซ้ายหลังจากแกขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง” เจ้าของร่างอ้วนให้ความร่วมมือเต็มที่ พ่อครัวที่ข้างเขานั้นมีสีหน้าเฉยเมยเหมือนเขาตั้งใจทำหน้าอย่างนั้นป้องกันไม่ให้เฉินเกอได้ข้อมูลอะไรจากเขา

“อยู่ที่ชั้นสอง?” เฉินเกอคิดกลับไปยังเกมของเสี่ยวปู้ และเขาก็ไม่คิดว่าเขาต้องเสี่ยงขึ้นไปที่ชั้นสอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอะไรลับหลังเขา เฉินเกอจึงทำให้พ่อครัวหมดสติไปก่อนที่จะพยุงเจ้าของที่นี่ขึ้นไปที่ชั้นสอง ห้องที่เจ้าของพูดถึงนั้นอันที่จริงก็คือห้องของเขาเอง ห้องนั้นตกแต่งด้วยรูปเก่า ๆ มากมาย แต่น่าแปลก รูปทั้งหมดเป็นรูปของเจ้าของที่นี่กับผู้หญิงคนหนึ่ง

“นั่นแม่แกเหรอ?”

“ใช่ ฉันมีความสัมพันธ์กับพ่อไม่ดีนัก ดังนั้นฉันจึงเก็บไว้แค่รูปถ่ายกับแม่” รอยยิ้มมีความสุขปรากฏบนใบหน้าของเจ้าของร่างอ้วน “แม่ของฉันสวยมาก เป็นคนที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันรู้จัก บางทีถ้ามีโอกาส ฉันจะพาแกไปเจอเธอ”

ประโยคนั้นฟังดูปกติธรรมดาอย่างที่สุดเหมือนเพื่อนสักคนจะพูด แต่เฉินเกอก็ไม่ได้ใกล้ชิดพอที่เจ้าของที่นี่จะเชิญเขาไปพบแม่ อีกอย่าง เฉินเกอบอกไม่ได้ว่าสิ่งที่เจ้าของที่นี่พูดนั้นเป็นจริงหรือไม่– ผู้หญิงที่ในรูปอาจจะไม่ใช่แม่ของเขาก็ได้

“ยาถอนพิษอยู่ตรงนี้” เจ้าของให้เฉินเกอเปิดลิ้นชัก ด้านในนั้นมีขวดสามใบและข้างในขวดก็มีตะกอนสีเทา ๆ

“แกแน่ใจ?” เฉินเกอเก็บขวดทั้งสามเข้าไปในกระเป๋าสะพายหลังของเขาและพยุงเจ้าของร่างอ้วนกลับไปที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง เขาเดินไปที่โต๊ะทานอาหารและวางขวดทั้งสามลงบนโต๊ะ “คุณเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังพูดไหม?””

“เข้าใจ สมองผมยังทำงานปกติดีอย่างที่สุด ผมแค่ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้” ชายขี้เมาเพิ่งเห็นเฉินเกอจัดการกับศัตรูสองคนด้วยตัวเองไป ท่าทีของเขาจึงเป็นมิตรมากขึ้น

“ขวดทั้งสามนี่เอามาจากห้องของเจ้าของที่นี่ เขาบอกว่ามันเป็นยาถอนพิษ แต่ฉันไม่คิดว่าเรื่องจะเรียบง่ายอย่างนั้น” จากนั้นเฉินเกอก็ดึงขวดสองใบที่เขาพบบนร่างของคนที่นี่ออกมาและวางมันลงไปที่โต๊ะด้วย “พวกเราไม่สามารถมองข้ามความจริงที่เจ้าของที่นี่อาจจะโกหกไปได้ และสองขวดนี้น่าจะเป็นยาถอนพิษของจริง โชคร้ายที่มันมีแค่นี้ ฉันหาขวดอื่น ๆ ไม่เจอ ถ้าพวกเราใช้มันทดลองดู พวกเราก็จะมียาถอนพิษเหลือไม่พอสำหรับทุกคน”

จากนั้นเฉินเกอก็วิ่งไปอุ้มเจ้าแมวขาวที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่จากมุมไกล ๆ มาก เขาอุ้มให้หน้าเล็ก ๆ ของเจ้าแมวโผล่มาจากในอ้อมแขน “แกกินเลือดที่คล้าย ๆ กันนี้เข้าไปในตอนอยู่ที่หมู่บ้านโลงศพ ฉันจะเปิด ‘ยาถอนพิษ’ ที่ต่างกันสองอย่างนี้ และฉันอยากให้แกช่วยระบุว่าอันไหนเป็นยาถอนพิษของจริง”

เฉินเกอไม่รู้ว่าเจ้าแมวขาวจะเข้าใจเขาหรือไม่ เขาเปิดขวดหนึ่งที่บรรจุตะกอนสีเทา ๆ ก่อนแล้ววางมันลงตรงหน้าเจ้าแมวขาว กลิ่นเน่าจาง ๆ ลอยออกมาจากด้านในขวด และเจ้าแมวขาวก็พยายามดิ้นหนี พอปิดฝาขวดแล้ว เฉินเกอก็เก็บมันลงไปแล้วคว้าขวดที่มีหลอดเลือด

แค่เปิดฝาขึ้น เจ้าแมวขาวก็ดูเหมือนจะได้กลิ่นบางอย่าง หูของมันตั้งขึ้น และม่านตาสองสีก็จับจ้องไปยังขวดในมือเฉินเกอ เมื่อเฉินเกอเปิดขวดเสร็จ ก็มีเสียงคร่ำครวญลอยออกมาจากในขวด และเส้นเลือดที่ด้านในก็เริ่มขยับเหมือนพวกมันพยายามดิ้นรนหาทางออก ตอนที่สายตาของเข้าแมวขาวกลายเป็นสีแดงเลือดเหมือนบางอย่างในเลือดของมันถูกกระตุ้น มันพยายามกระโจนออกมาจากมือเฉินเกอ

เฉินเกอรีบปิดขวดกลับไป และจากนั้นเจ้าแมวก็สงบลง

“หลอดเลือดพวกนี้นั้นสามารถดึงดูดความสนใจของเจ้าแมวขาวได้ ดังนั้นพวกมันย่อมไม่ปกติ พวกมันอาจจะคล้ายของที่สมาชิกสมาคมเล่าเรื่องผีได้มาจากด้านหลังประตู” เฉินเกอหมุนฝาปิดให้แน่นก่อนจะวางทุกขวดเอาไว้ด้วยกัน “แมวของฉันนั้นมีปฏิกริยารุนแรงกับขวดที่มีเลือด ถ้าให้ฉันพูดละก็ ฉันคิดว่าขวดที่มีเลือดน่ะเป็นยาต้านพิษของจริงและเจ้าของที่นี่โกหกพวกเรา”

เฉินเกอพูดสิ่งที่เขาคิดออกมาและผู้โดยสารทั้งสามคนต่างมีปฏิกริยาต่างกันไปซึ่งเขาเห็นอย่างชัดเจน “ทางเลือกอยู่ในมือพวกคุณแล้ว ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ผมหวังว่าคุณจะคิดให้ดีก่อนที่จะเลือก”

“ฉันเชื่อแก” คนแรกที่เลือกคือมือกรรไกร เขาใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่คว้าขวดที่มีเลือดไป

“ยิ่งสีสันสดใสยิ่งไม่ปลอดภัย นั่นคือกฏแห่งธรรมชาติ ผมเรียนเภสัชศาสตร์และการแพทย์มาก่อน และไม่มีทางที่ผมจะโน้มน้าวให้ตัวเองกินเลือดที่ดูมีชีวิตได้แน่ ๆ” หลังจากลังเลอยู่บ้าง ในที่สุดหมอก็หยิบขวดที่มีตะกอนสีเทาอยู่ด้านในไป

ผู้โดยสารสองคนเลือกแล้ว ดังนั้นชายขี้เมาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ เขาเชื่อในตัวหมอและเฉินเกออย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ ความเห็นของพวกเขาแตกต่างกัน และเขาก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี

ถ้าพูดตามใจแล้ว เขาก็เอนเอียงไปทางขวดสีเทา แต่เขารู้สึกเหมือนเจ้าของที่นี่อาจจะใช้อุบายจิตวิทยาย้อนกลับ จงใจทำยาถอนพิษให้เหมือนยาพิษ

สามนาทีผ่านไปขณะที่เขากำลังใคร่ครวญ เสียงเคาะที่ทางเข้าดังขึ้น เพราะกลัวว่าประตูจะพังลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ชายขี้เมาในที่สุดจึงเลือกได้ เขาหยิบขวดที่มีเลือดที่เหลืออยู่ไป

ตอนนี้ ใครจะลองมันก่อน? นั่นเป็นอีกหนึ่งบททดสอบธรรมชาติของมนุษย์ อย่างไรเสีย คนที่ลองเป็นคนแรกนั้นก็เท่ากับเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับการทดลองนี้

“ฉันว่าฉันคงต้องเป็นคนลองคนแรก” มือกรรไกรดิ้นรนลุกขึ้น “แกช่วยฉันเปิดฝาได้ไหม?”

“แน่นอน” เมื่อเฉินเกอเดินมาถึงข้างตัวชายคนนั้น มือกรรไกรก็ใช้โอกาสนี้กระซิบกับเฉินเกอ “โทรศัพท์ของฉันอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับพี่ชายของฉันอยู่ในนั้น ถ้าฉันเลือกผิด ฉันก็หวังว่าเมื่อแกเจอเขา แกจะยื่นมือเข้าไปช่วยเขา แน่นอนว่าถ้าแกเกิดเจอเขาเข้าน่ะนะ ฉันไม่ได้ต้องการให้แกต้องตามหาเขา”

“ผมสัญญา” ความชื่นชอบที่เฉินเกอมีต่อมือกรรไกรเพิ่มขึ้น คนกล้าแท้จริงนั้นไม่ใช่คนที่บอกว่าพวกเขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่เป็นคนที่กล้าที่จะตัดสินใจว่าจะไม่เสียใจถึงแม้ว่าข้างในจะสั่นเป็นใบไม้ต้องลม

“ขอบคุณ” มือกรรไกรยกขวดขึ้นแตะริมฝีปากและกระดกขวด เลือดในขวดดูเป็นฝ่ายกระตือรือร้นที่จะไหลเข้าไปในลำคอของเขาตามมาด้วยเสียงร้องของใครบางคนจากที่ไกล ๆ