บทที่ 690 อุบัติเหตุ ‘เล็กๆ’ ระหว่างการทดลอง

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ออกัสตุสสวดภาวนาต่อไปหลังจากได้ยินฮาโรลด์รายงาน หากว่ามันมิใช่เรื่องสำคัญมากๆ เขาย่อมไม่มีทางยอมให้อะไรมาขัดขวางการกราบไหว้บูชา ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ และ ‘แสงดาวประกายพรึก’

หลังจากนั้นหลายนาที ออกัสตุสก็ยืนขึ้นอย่างกระฉับเฉงและพูดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นปิดดวงตาทั้งสองข้าง “ขอไอน้ำจงยิ่งใหญ่ยืนยง!”

นั่นคือท่าทางอันเป็นสัญลักษณ์ของการสวดภาวนาที่เขาออกแบบขึ้นหลังจากได้เห็นแรงระเบิดของเวทเปลวไฟนิรันดร์ในนครเรนทาโตโดยได้แรงบันดาลใจจากภาพ ‘นครแอตแลนติส’ ในฝันของเขา มันก็เหมือนกับการที่ผู้ศรัทธาในศาสนานักบุญแห่งสัจธรรมทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนอกนั่นแล!

“อาณาจักรคนแคระอย่างนั้นรึ” ออกัสตุสแสดงความเคารพเสร็จก็ถามด้วยความงุนงง

ใบหน้าของเขาแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี และเขาก็สวมชุดเกราะสีเงินแบบพิเศษที่แต่ละส่วนเชื่อมต่อกันผ่านการรังสรรค์ด้วยจักรกลแสนซับซ้อน มันคือชุดทำพิธีที่เขาออกแบบมาเพื่อพระเจ้าแห่งไอน้ำ ซึ่งแผ่ความงามแสนเย็นชาทว่าประณีต

ในฐานะผู้นำเผ่าคนแคระ ออกัสตุสจึงเป็นผู้จัดการกิตติมศักดิ์ของโรงงานแปรธาตุหลายๆ โรงงาน เขามิจำเป็นต้องทำอะไรมากมาย และไม่ต้องใช้ชีวิตแสนทุกข์ทรมานยากเข็ญเหมือนในมิติภูเขารัตติกาลอีกแล้ว เขาซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนักและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเผยแผ่คำสอนและสรรเสริญพระเจาแห่งไอน้ำ

เพราะนครเรนทาโตมิใช่เมืองปิด ออกัสตุนจึงพอจะรู้และเข้าใจเกี่ยวกับทวีปนี้ เขารู้ว่าคนแคระที่เหลือรอดไปรวมตัวกันอยู่ที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเทือกเขาไร้แสง และที่นั่น พวกเขาได้สร้างอาณาจักรที่ชื่อ ‘ดูมิวท์’ ขึ้นมา ในภาษาคนแคระ ‘ดูมิวท์’ แปลว่า ‘ความรุ่งโรจน์’ ทว่า สิ่งที่พวกเขาเคารพบูชากลับเป็นโอคุน พระเจ้าแห่งความกล้าหาญ และไฮต์ พระเจ้าแห่งช่างฝีมือ หาใช่พระเจ้าแห่งไอน้ำ พระเจ้าแห่งความเป็นและความตาย หรือพระผู้ยิ่งใหญ่ที่มิควรแอบอ้างพระนามไม่

ด้วยเหตุนี้ ออกัสตุสจึงค่อนข้างมึนงงที่ทูตของพระเจ้าแห่งไอน้ำมาจากอาณาจักรคนแคระ

ฮาโรลด์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ข้าเองก็คิดว่ามันแปลกๆ ขอรับ พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยมอบคำพยากรณ์ไว้ว่าให้เราเดินทางไปยังดูมิวท์เลย และพวกเขาก็มิได้บูชาพระผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน…”

แม้ว่าเขาจะสับสนมึนงงเพียงไร เขาก็ต้องรอบคอบเมื่อเป็นเรื่งของพระผู้เป็นเจ้า และเขาก็มิกล้าเตะโด่งคนผู้นั้นกลับไป

ออกัสตุสปัดทำความสะอาดชุดเกราะ หยิบค้อนไอน้ำขึ้นมาแล้วออกคำสั่ง “พาเขาเข้ามาในนี้”

ฮาโรลด์หันหลังกลับออกไป ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับคนแคระผู้สวมชุดเกราะหนังสัตว์

ใบหน้าของคนแคระผู้นี้เต็มไปด้วยหนวดเคราสีทอง ทำให้คาดเดาอายุจากใบหน้าเขามิได้เลย

แต่วิธีการพูดของเขาค่อนข้างสุภาพทีเดียว “ท่านผู้เฒ่าผู้ทรงเกียรติแห่งเผ่าราตรี ข้าคือแฮมจากดูมิวท์ขอรับ ข้าเป็นนักรบของวิหารผู้รับใช้พระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ข้าเพิ่งได้รับคำพยากรณ์ ซึ่งบอกให้ข้าติดต่อกับเจ้าผู้อยู่ในนครเรนทาโต เพื่อที่เจ้าจักได้รับการถ่ายทอดพลังจากพระองค์จริงๆ เสียที”

“พระเจ้าแห่งไอน้ำงั้นหรือ” ออกัสตุสแสดงออกถึงความสับสนมึนงง แต่มิได้มาจากใจเสียทั้งหมด

แฮมพยักหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ขอรับ เมื่อไม่นานมานี้ พระเจ้าไฮต์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ประกาศถึงตัวตนที่แท้จริงของพระองค์ กลับกลายเป็นว่า พระองค์มิใช่เพียงพระเจ้าแห่งช่างฝีมือเท่านั้น แต่ยังเป็นพระเจ้าแห่งไอน้ำผู้คอยดูแลคนแคระมาหลายต่อหลายรุ่นอีกด้วย เพียงแต่พระองค์หลับใหลอยู่ ร่างจุติของพระองค์จึงถูกส่งลงมายังโลกมนุษย์…”

เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรคนแคระ “…ยามค่ำคืนของเหล่าพระเจ้ากำลังจะถึง ด้วยเหตุนี้ พระผู้เป็นเจ้าจึงตื่นจากนิทราและกลับมาอีกครั้ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เจ้าได้รับอิสรภาพจากมิติภูเขารัตติกาล…”

“พระเจ้าแห่งช่างฝีมือ…” ออกัสตุสเอ่ยทวนชื่อนั้นเสียงแผ่วเบา

เมื่อเห็นว่าเขากับฮาโรลด์ไม่มีท่าทีขัดขืนอย่างชัดเจน แฮมจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พระผู้เป็นเจ้าหวังว่าท่านจะสามารถเผยแผ่ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ในอาณาจักณโฮล์มและให้ทุกๆ คนสรรเสริญพระนามของพระองค์”

ขณะพูดอยู่นั้น เขาก็หยิบเทวรูปคนแคระออกมาจากกระเป๋าเดินทาง เทวรูปนั้นถือค้อน มีหนวดเคราและเส้นผมยาวเหยียด ให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และความลึกล้ำ

“ท่านคงต้องรู้สึกแปลกมากแน่ๆ ที่พวกบาทหลวงกับพระคาร์ดินัลของศาสนานักบุญแห่งสัจธรรมสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ท่านกลับใช้ไม่ได้ นั่นก็เพราะท่านไม่เคยผ่านการทดลองของพระผู้เป็นเจ้าจนถึงบัดนี้อย่างไรเล่า! เพียงท่านวางเทวรูปของพระองค์ไว้บนแท่นบูชาแล้วกราบไหว้ตามพิธีการนี้ แล้วความศรัทธาจะทำให้ท่านได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ในเร็ววันนี้ เหมือนกับข้า!” แฮมหยิบเอาตำราพิธีการออกมาและประกาศกร้าว ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า พร้อมกับที่ร่างกายแผ่รัศมีเจิดจ้าสีงาช้างชวนให้เคารพนับถือ

เขาคือ ‘นักรบวิสุทธิชน’ บาทหลวงปลอมที่เอียงไปทางการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถใช้มนตราอย่าง ‘พลังพระเจ้าประทาน’ ได้

“พลังศักดิ์สิทธิ์…” สีหน้าฮาโรลด์และออกัสตุสต่างฉายชัดถึงความสนใจ ที่ผ่านมาพวกเขาเป็นกังวลอย่างยิ่งที่พระเจ้าแห่งไอน้ำมิเคยมอบพลังศักดิ์สิทธิ์รูปแบบใดก็ตามให้พวกเขาเลย

แฮมหัวเราะร่าแล้วส่งเทวรูปกับตำราพิธีการให้ออกัสตุส “ภายภาคหน้า เราจักเป็นพวกเดียวกัน!”

หลังจากส่งแฮมออกไปแล้ว ฮาโรลด์ก็กลับมา เขามองไปทางออกัสตุสที่ยังคงอึ้งงันและถามว่า “ท่านผู้เฒ่าเชื่อที่เขาพูดหรือไม่ขอรับ”

“ข้าไม่เชื่อ” ออกัสตุสมีท่าทางเคร่งเครียด “เราคือคนแคระที่ออกมาจากมิติภูเขารัตติกาลได้โดยพระคุณของพระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ เราคือกลุ่มคนที่พระองค์รัก แม้ว่าพระองค์จะมีคำพยากรณ์จะมอบให้ แต่มันก็ควรส่งผ่านคนแคระกลุ่มอื่น พระองค์ย่อมบอกกับเราโดยตรง!”

ประเด็นนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตำแหน่งผู้เฒ่าประจำเผ่ากำลังถูกสั่นคลอน เขามองว่าตนเองคือผู้แทนพระเจ้าแห่งไอน้ำบนโลกนี้มาตลอด แต่เขากลับมิได้รับคำพยากรณ์ใดๆ และต้องรอให้คนแคระจากที่อื่นมาบอกเขา!

ด้วยเหตุนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ เขาก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นถึงความเป็นไปได้ที่ว่าพระเจ้าแห่งช่างฝีมือคือร่างจุติของพระเจ้าแห่งไอน้ำ เว้นแต่ว่าพระองค์จะบอกกับเขาโดยตรง!

จนกว่าจะถึงตอนนั้น เขาจะไม่มีวันหวั่นไหว และอุทิศตนเช่นนี้ต่อไป หากแค่คำพูดและพลังศักดิ์สิทธิ์ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่าเทพเจ้าองค์นั้นคือพระเจ้าแห่งไอน้ำผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าเทียมเท็จทั้งหมดก็คงจะเป็นแสงดาวประกายพรึกแล้ว!

ฮาโรลด์เองก็คิดเช่นนั้น แต่เขามีความคิดที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวน้อยกว่า “แล้วพลังศักดิ์สิทธิ์ล่ะขอรับ…”

หากว่าพระเจ้าแห่งไอน้ำไม่เคยมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเขา เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเขาบางส่วนย่อมถูกอีกฝ่ายดึงดูดไปแน่ เพราะแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกหลงใหลในพลังศักดิ์สิทธิ์เลย

“พลังศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ พลังศักดิ์สิทธิ์ทั่วๆ ไปเทียบได้กับเวทเปลวไฟนิรันดร์กับนครแอตแลนติสหรือไม่ พวกมันเทียบกับปืนระเบิดที่เราผลิตออกมาได้หรือไม่เล่า” แม้ว่าออกัสตุสจะถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดใจเช่นกัน แต่เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด “คำพยากรณ์ของพระองค์บอกให้เราสร้างนครแอตแลนติสบนโลกนี้ การพัฒนานครเรนทาโตก็เป็นเหมือนกับภาพที่เราเห็นอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนดูมิวท์นั้น เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นั่นยังด้อยพัฒนาและแตกต่างกับนครแอตแลนติสที่วาดหวังไว้เลย!”

“เมื่อใดที่เราสามารถสร้างอาวุธที่มีพลังเหมือนอย่างเวทเปลวไฟนิรันดร์ได้ เรายังควรจะให้ความสนใจพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกหรือไม่”

ฮาโรลด์พยักหน้าหงึกหงัก “ชีวิตในนครเรนทาโตคือชีวิตที่ข้าใฝ่ฝันมาตลอดขอรับ ข้ารู้สึกว่าทุกความพยายามของข้าทำให้ข้าเข้าใกล้นครแอตแลนติสมากขึ้นเรื่อยๆ!”

‘แต่มันจะยิ่งดีขึ้นไปอีกหากว่าเรามีพลังศักดิ์สิทธิ์!’ เขาคิดในใจ

“ท่านผู้เฒ่า เราควรทำอย่างไรดีขอรับ” เขามองไปยังทางที่แฮมเพิ่งจากไปเมื่อครู่

ออกัสตุสส่ายหน้า “มันไม่ใช่ปัญหาเลยที่เราจะรอคำพยากรณ์แทนที่จะยอมรับในสิ่งที่แฮมบอก แต่เราไม่อาจซี้ซั้วจัดการกับเขาได้ ถ้าเกิดว่านี่คือบททดสอบของพระผู้เป็นเจ้าเล่า เราต้องหาทางขัดขวางมิให้เขาพบปะกับคนอื่นๆ…”

“แต่จะมีวิธีใดให้เราทำได้บ้างล่ะขอรับ” ฮาโรลด์ถามด้วยความหดหู่

ภายในหอคอยเวทมนตร์อัลลิน

หลังจากเปิดประตูลับสู่แกนพลังงานของนครลอยฟ้า ลูเซียนและเฟอร์นันโดก็เดินเข้าไป พร้อมจะสังเกตการณ์การทำงานของเครื่องปฏิกรณ์และมองหาข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นได้

“…การนำจิตสำนึกเข้ามาในขอบเขตโลกจุลภาคเป็นเรื่องไร้สาระ ผลกระทบจากผู้สังเกตการณ์ดูจะเป็นปฏิกิริยาของกระบวนการการสังเกตมากกว่า มันหาได้เป็นไปตามความชอบของแต่ละคนเหมือนอย่างที่เจ้าว่าไว้” ขณะเดินผ่านอุโมงค์อันเงียบงัน เฟอร์นันโดก็พูดถึงคำอธิบายอันแปลกประหลาดของลูเซียนในเรื่องอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วอีกครั้ง “ข้อสันนิษฐานที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากคณิตศาสตร์นั้นเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล”

เขาเชื่อเช่นนั้น แต่เขากลับไม่อาจหาคำอธิบายที่ดีกว่านี้ได้ในตอนนี้ เนื่องจากสูตรคำนวณที่มีข้อจำกัด มิเช่นนั้นเขาคงจะคำรามใส่ลูกศิษย์ไปนานแล้ว

ลูเซียนแย้มยิ้ม “แต่ไม่ว่าคำอธิบายจะเป็นเช่นไร ก็ย่อมต้องมีพื้นที่ที่สงวนไว้ให้กับเวทมนตร์ขอรับ ข้าเชื่อว่าความลับแห่งเวทมนตร์จะต้องอยู่ในขอบเขตของโลกจุลภาคอย่างแน่นอนขอรับ”

เฟอร์นันโดเห็นด้วยกับคำพูดนี้มากกว่า หากมิอาจค้นพบแหล่งพลังงานของเวทมนตร์ได้ในโลกจุลภาคแสนแปลกประหลาดอย่างที่สุด ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะค้นพบจากที่อื่น “การตีความว่าพลังจิตและพลังศรัทธาคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดพิเศษนั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่ปัญหาก็คือ เหตุใดจึงต้องรวบรวมเทวภาพ และเหตุใดจึงใช้เวทมนตร์ได้ ในขณะที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดพิเศษต้องถูกรวบรวมเสียก่อน”

บทสนทนาระหว่างทั้งสองมิได้รุนแรงเหมือนคราก่อน

หลังจากเปิดประตูอีกบานหนึ่งที่มีลวดลายเวทมนตร์แสนซับซ้อน ลูเซียนก็ได้เห็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นที่อยู่ภายในนั้น มันแตกต่างจากโลกเดิมนัก เพราะเวทมนตร์ทำให้เครื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีหลายๆ ส่วน พลังงานนิเคลียร์นั้นยังถูกแปลงสภาพโดยตรงจากกระแสไฟฟ้าและพลังงานรูปแบบอื่นๆ อีกด้วย ขนาดของมันมิได้ใหญ่โตมโหฬาร ดูมีความประณีตและลึกลับยิ่งกว่า

พลังงานที่เป็นประกายวิบวับหลั่งไหลเป็นสายไปยังส่วนต่างๆ ของนครลอยฟ้าผ่านทางช่องทางที่แตกต่างกันไป คอยรักษากระบวนการการทำงานของมันไว้เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำรอง ในห้องนั้นกินพื้นที่กว้างหลายสิบตารางเมตร แสงไฟกระพริบวูบวาบยิ่งเสริมบรรยากาศชวนลี้ลับซับซ้อนให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง

ใจกลางห้องมีวงแหวนเวทสีขาวดำ ซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นที่มีความซับซ้อนยิ่ง

“มันดูปกติดีนะขอรับ” ลูเซียนเข้าไปใกล้พลางมองไปรอบๆ

แต่ทันใดนั้นเอง แสงไฟสีแดงทั้งหมดที่เรียงเป็นแถวอยู่บนผนังก็ส่องสว่างขึ้น ก่อนที่พายุรุนแรงจะแผ่พุ่งมาจากกลางเครื่องปฏิกรณ์

“อันตราย! วงแหวนเวทหลุดจากการควบคุม! เปิดการคุ้มกันระดับสูงสุด!”

เสียงของพรอสเปลล์ดังก้อง

ลวดลายสัญลักษณ์เวทมนตร์อันซับซ้อนพลันเปล่งแสง จากนั้นปราการคุ้มกันของหอคอยอัลลินก็ปรากฏขึ้นกางกั้นจุดที่ตั้งเครื่องปฏิกรณ์!

เพราะการใช้เวทเคลื่อนที่ระยะสั้นเป็นสิ่งต้องห้ามในหอคอยนี้ ลูเซียนจึงทำได้เพียงร่ายเวท ‘คทาอวกาศ’ ในชั่วพริบตานั้น

ระลอกคลื่นแห่งแสงเปล่งประกายเจิดจ้า ก่อนที่อวกาศจากมิติต่างๆ จะมารวมตัวกันที่ลูเซียน ทำให้เขาเหมือนอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง

ตูม!

เกิดระเบิดรุนแรงขึ้นตรงกลางเครื่องปฏิกรณ์ แสงเจิดจ้าและอุณหภูมิร้อนสูงสุดขีดหลอมละลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า จากนั้น พายุพลังที่แสนเกรี้ยวกราดก็ถาโถมเข้าใส่ปราการแห่งกาล-อวกาศ ก่อนจะค่อยๆ หายไปกับมิติอื่น

หลังจากแรงระเบิดหมดลง ลูเซียนลืมตาขึ้นก็พบว่ามีเพียงปราการคุ้มกันไม่กี่ชั้นเท่านั้นที่พังลง เขาหาได้รับผลกระทบร้ายแรงอันใดไม่

“ผิดพลาดที่ใดกัน” เฟอร์นันโดมองไปที่ร่องรอยที่เกิดจากการหลอมละลายด้วยความมึนงงอย่างเห็นได้ชัด ขณะนึกถึงแบบของเครื่องปฏิกรณ์

เมื่อครู่นี้ลูเซียนรู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย แต่หลังจากได้ประสบพบเจอกับการระเบิดของเครื่องปฏิกรณ์ด้วยตนเอง เขาก็พลันเข้าใจว่าที่นี่หาใช่โลกเดิมไม่ และการระเบิดของเครื่องปฏิกรณ์อาจไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลยก็เป็นได้

เฟอร์นันโดเดินออกไปจากปราการคุ้มกันหลังจากร่ายเวทคุ้มกันกายให้กับตนเอง เขาเริ่มตรวจสอบเศษซากที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวังอยู่ท่ามกลางรังสีรุนแรง

“ที่นี่เต็มไปด้วยคำสาป เราต้องขจัดมันเสียก่อน” เขากล่าวด้วยท่าทางสบายๆ

“ขอรับ เรามากำจัดมันด้วยเปลวไฟนิรันดร์กันเถิดขอรับ” ลูเซียนเองก็ตอบด้วยท่าทางสบายๆ แต่แล้วเขาก็เห็นว่าอาจารย์หันมาถลึงตาใส่ตน

แฮมพักอยู่ในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาเดินกลับไปกลับมาด้วยความปีติยินดี ‘พระเจ้าแห่งไอน้ำ’ องค์นั้นมิได้มอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้กับเหล่าผู้ศรัทธาเลย ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาสามารถทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างง่ายดาย! ถึงแม้ผู้เฒ่าประจำเผ่าจะมีแผนการอื่น แต่ก็ใช่ไม่เรื่องยากอะไรที่เขาจะแย่งชิงอำนาจของอีกฝ่ายมา!

ก๊อกๆๆ ใครบางคนเคาะประตูห้อง

“ผู้ใดกัน” แฮมถามด้วยความหวาดระแวง และยังตรวจสอบคนแปลกหน้าผู้นี้ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่บทที่เขารู้จักอีกด้วย

“ท่านลูกค้า เปิดประตูด้วยเถิด ปลาย่างน้ำผึ้งที่ท่านสั่งทำเสร็จแล้วขอรับ”

…………………………………………..