ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ Facebook Fanpage กดเลย
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
**บทที่****243:**อาวุธ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านั้นเป็นสมบัติวิญญาณ ระดับของมันนั้นเกินขั้นเก้าด้วยซ้ำ ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ใครบ้างจะไม่ต้องการมัน? แต่น่าเสียดายที่สมบัติวิญญาณนั้นมีความรู้สึก และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้า การทดสอบของพวกนางนั้นโหดเหี้ยมอย่างมาก มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอผู้ฝึกตนทั่วไปอยู่ถ้าหากต้องการจะทดสอบมัน ดังนั้นมันจึงถูกวางไว้ในสำนักพันปีศาจยาวนานหลายปีโดยไร้เจ้านาย
อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือซ่งจงได้รับการยอมรับจากสมบัติวิญญาณชิ้นนี้อย่างง่ายดาย! ถ้าหากตาเฒ่าเฟิงได้รู้เทคนิคที่ซ่งจงเอาชนะภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าได้ และดำเนินการเช่นเดียวกับเขา จากนั้นเขาก็จะได้เป็นเจ้านายของมัน! พลังที่แข็งแกร่งเหล่านั้นเขาจะได้รับมัน เขาอาจจะสามารถต่อสู้ด้วยพลังระดับทัดเทียมเฟินเสินได้อย่างง่ายดาย!
ภายใต้สถานการณ์ล่อลวงเช่นนี้ ตาเฒ่าเฟิงถูกความโลภครอบงำโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเมื่อเขาเคลื่อนไหว เขาไม่กล้าที่จะใช้กำลังทั้งหมดที่มี เพราะถ้าหากเขาตั้งใจที่จะสังหารซ่งจง แน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดขวางตนเองในการครอบครองสมบัติวิญญาณชิ้นนี้!
เมื่อเป็นเช่นนี้ตาเฒ่าเฟิงอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ทางกลับกันซ่งจงสามารถระมัดระวังตนเองและโจมตีโต้กลับได้อย่างสุดกำลัง สิ่งนี้ทำให้ลดความห่างชั้นของทั้งสองคนได้อย่างดี แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นกลลวงของซ่งจงเท่านั้น!
อสูรกายดังเช่นตาเฒ่าเฟิงที่มีอายุมายาวนานกว่าสองถึงสามร้อยปี ความจริงแล้วเขาควรจะมองเห็นอุบายเล็กน้อยที่เจ้าอ้วนได้วางไว้ แต่ปัญหาในตอนนี้คือเขาตกเป็นเหยื่อความโลภจากภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าเสียแล้ว แม้รู้ว่าเป็นกับดัก แต่ก็ยอมที่จะกระโดดลงไปอย่างเต็มใจ!
หลังจากที่ได้คิดตามเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ตาเฒ่าเฟิงได้แต่พูดออกมาอย่างขมขื่น “ไขมันบัดซบ เจ้าฉลาดมาก! ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ ถ้าหากเจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้มันทำให้เจ้าสามารถต่อสู้กับข้าได้อย่างเท่าเทียม เจ้าก็ไม่ได้คิดผิดแต่อย่างใด! แต่ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนระดับปฐมภูมิอย่างเจ้าจะจัดการได้โดยง่าย!”
ในขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เขาสะบัดแขนพร้อมปรากฏธงสีดำขึ้นมาด้านหน้าทันที มันโบกสะบัดไปมาอย่างสง่างามและมีอสรพิษสองตัวอยู่ด้านบน จากนั้นอสรพิษได้เปลี่ยนเป็นมังกรสองตัวที่มีลำตัวยาวกว่าสิบฟุต พร้อมกับบินวนรอบร่างกายของตาเฒ่าเฟิง
เมื่อเห็นความสามารถของตาเฒ่าเฟิง ซ่งจงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจ พร้อมคิดกับตนเอง ‘ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินนั้นไม่ธรรมดา เจ้าปีศาจตนนี้ได้ถูกเฆี่ยนตีโดยข้าเป็นต้นเหตุในก่อนหน้านี้ สมบัติวิเศษส่วนตัวของเขา ถ้าหากมันไม่ถูกทำลาย ก็จะต้องถูกยึดไว้อย่างแน่นอน ปกติแล้วถ้าหากไร้ซึ่งสมบัติ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องลดลงอย่างมาก แต่ดูเขาในตอนนี้แล้วเหมือนว่าเขาจะมีสมบัติวิเศษชิ้นใหม่!”
เมื่อเห็นว่าซ่งจงตกใจกับสมบัติวิเศษของเขามากเพียงใด ตาเฒ่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันออกมา “อะไรกัน? เจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้านั้นไร้สมบัติที่แข็งแกร่งอยู่ในมือหรอกนะ?”
“เรื่องนี้มันน่าตกใจเกินไป!” ซ่งจงไม่รู้จะกล่าวอะไรนอกจากพยักหน้า “มันอยู่ในขั้นที่แปดใช่หรือไม่? ข้าจำได้ว่าเจ้าถูกริบของทุกอย่างเมื่อตอนที่กลายเป็นเชลยของสำนักเสวียนเทียน!”
“เหอะ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมา เขาได้คำรามออกมาอย่างหงุดหงิด “เจ้าอ้วนที่โง่เขลา เหตุใดเจ้าจึงชอบมายุ่งกับแผลเก่าของข้านัก? ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้รับความอับอายมันไม่ใช่เพราะเจ้างั้นหรือ? โชคดีที่สำนักของข้าไม่ได้ตำหนิอะไรและยังมอบวิญญาณอสรพิษขั้นหกชิ้นนี้ให้กับข้า เพื่อช่วยให้ข้าสามารถสร้างธงพายุอสรพิษได้! เด็กน้อย มาดูกันว่าธงพายุอสรพิษของข้าหรือภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้าของเจ้า ใครจะเหนือกว่ากัน!”
ขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงโบกแขนอีกครั้ง อสรพิษทั้งสองตัวแหวกว่ายในอากาศอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งไปหาซ่งจงที่อยู่ห่างออกไปพันฟุต
เมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่งจงไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เขาสะบัดมือหนึ่งครั้งหญิงงามทั้งเก้าก็เริ่มทำงานโดยทันทีเพื่อเตรียมพร้อมที่จะปะทะกับพายุอสรพิษ จากนั้นการต่อสู้ที่ดุเดือดเหนือพื้นดินก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
การโจมตีแรกคือผู้ฝึกตนดาบทั้งห้าเริ่มเปิดฉากการโจมตีก่อน นับตั้งแต่ทั้งหมดได้พบกับซ่งจง ทั้งห้าอยู่ในระดับจินตันขั้นกลางเป็นระดับการฝึกฝนปัจจุบันของพวกนาง อีกทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งธาตุทั้งห้าที่อยู่ในมือของพวกนาง จึงทำให้ทั้งหมดใช้งานมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การเคลื่อนไหวของพวกนางนั้นสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังปล่อยปราณดาบออกไปอย่างดุเดือดเพื่อที่จะทำลายพายุอสรพิษที่กำลังเข้ามา
พายุอสรพิษนั้นเป็นอสูรกายขั้นหกซึ่งแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน แน่นอนว่าไม่อาจทำลายมันได้โดยง่าย มันหลบปราณดาบทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนดาบทั้งห้าอย่างรุนแรง
ทั้งสองฝ่ายต่างชุลมุนในตอนนี้ ปราณดาบของแม่มดเทวะนั้นคมมาก แต่พายุอสรพิษก็ไม่ได้มีร่างกายและยังว่องไวอย่างมาก พวกมันเคลื่อนที่อย่างว่องไวในอากาศ จนแทบจะมองไม่เห็นเลยว่ามันอยู่ตรงไหน ผู้ฝึกตนดาบทั้งห้าจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย และแน่นอนว่าพายุอสรพิษก็ไม่สามารถทำอะไรผู้ฝึกตนดาบทั้งห้าได้เช่นกัน
ฉากอีกด้านหนึ่งนั้นแตกต่างออกไป นักบวชทั้งสี่นั้นกำลังสร้างค่ายกลเพื่อจัดการกับพายุอสรพิษ เมื่อแสงสีทองได้ปรากฏออกมาจากค่ายกล พวกนางทำให้พายุอสรพิษล่าถอยกลับไป แต่อย่างไรก็ตามพายุอสรพิษนั้นเร็วเกินไป นักบวชทั้งสี่สามารถหยุดมันได้แต่ไม่สามารถจับกุมมันได้ นับได้ว่าทั้งหมดมาถึงทางตันโดยสมบูรณ์
ตาเฒ่าเฟิงมองดูฉากเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าพวกมันจะเข้ากันได้ดี!”
“ข้าคิดว่าภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านั้นเหนือชั้นกว่า!” ซ่งจงตอบกลับอย่างสงบ
“ฮ่าฮ่า ไม่ใช่เรื่องแปลก ภาพวาดแห่งหญิงงามทั้งเก้านั้นมีพลังมากเกินไป ไม่แปลกหรอกถ้าหากพายุอสรพิษจะพ่ายแพ้!” ตาเฒ่าเฟิงยิ้มออกมา “อย่างไรก็ตาม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้มันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! เด็กน้อย ถึงเวลาที่เราจะสนุกกันได้หรือยัง?”
เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น ตาเฒ่าเฟิงยกมือขึ้นมาวางบนอากาศเกิดเป็นตราประทับ จากนั้นท้องฟ้าและก้อนเมฆได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก้อนเมฆรอบ ๆ ได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นอาวุธ บ้างก็ดาบ บ้างก็ใบมีด ขวาน ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากเมฆสีขาวความยาวหนึ่งร้อยฟุต
ในตอนนี้ตาเฒ่าเฟิงเปิดเผยความสามารถของตนเองออกมาแล้ว เขานั้นเป็นผู้ฝึกตนด้านคาถาและสามารถใช้เวทมนตร์ลมได้ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญที่จะควบคุมเมฆและหมอกเปลี่ยนให้มันเป็นอาวุธ เคล็ดวิชาเช่นนี้นั้นซับซ้อนอย่างมาก ในขณะที่เขาซ่อนเครื่องมือสังหารไว้ในเมฆนั้นทำให้ศัตรูสามารถป้องกันได้ยากยิ่งเพราะกว่าพวกเขาจะรู้ตัวนั้น ภัยก็ได้มาถึงซะแล้ว นับได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาที่น่าสะพรึงยิ่ง
เนื่องจากสมบัติวิเศษของเขานั้นถูกทำลายลงไปเมื่อครั้งถูกจับเป็นเชลยในสำนักเสวียนเทียน เขาไม่สามารถกู้คืนมันได้ในเวลาเพียงเท่านี้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะใช้เวทมนตร์จัดการกับซ่งจงแทน
ซ่งจงนั้นไม่รู้ว่าตาเฒ่าเฟิงมีไพ่ตาย ในขณะที่เขาเห็นตาเฒ่าเฟิงใช้เวทมนตร์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาย่อมอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออก “มันคืออะไรกัน?”
“ฮี่ฮี่ เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสายิ่งนัก คาถาที่ซับซ้อนเหล่านี้เรียกว่าค่ายกลอาวุธเมฆา!” ตาเฒ่าเฟิงหัวเราะ “ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสอาวุธที่แข็งแกร่งเหล่านี้! เชือด!!”
ตามที่ตาเฒ่าเฟิงพูด เพียงเขาดีดนิ้วใบมีดทั้งหลายพุ่งเข้าหาซ่งจงทันที
แม้ว่าพวกมันจะทำมาจากก้อนเมฆ แต่มันเต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินอยู่ภายใน พลังของมันจึงเรียกได้ว่าเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ซ่งจงไม่ประมาท เขาเรียกระฆังทองแดงออกมาทันที
ช่วงเวลาที่ระฆังทองแดงปรากฏขึ้น เกิดเสียงดังสนั่น ใบมีดเหล่านั้นแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและฟุ้งหายไปราวกับหมอก อย่างไรก็ตามมันสร้างรอยแผลไว้บนเปลือกชั้นนอกของระฆังราวสี่ฟุต
เมื่อซ่งจงเห็นเช่นนั้น ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที เพราะนั่นคือลมทองแดง! นอกจากนั้นมันเป็นลมทองแดงที่ได้เสริมความแข็งแกร่งลงไปแล้วด้วยความสามารถของแม่มดเทวะ แม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับสมบัติวิเศษ แต่มันก็เทียบได้กับอุปกรณ์วิเศษขั้นห้า ใบมีดของตาเฒ่าเฟิงแข็งแกร่งมากเกินไป เช่นนี้จะไม่ให้ซ่งจงแปลกใจได้อย่างไร? สวรรค์ มันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าผู้ฝึกตนระดับจินตันใช้ดาบโจมตีเขาเสียอีก!
ตาเฒ่าเฟิงก็ประหลาดใจกับซ่งจงเช่นกัน เขาตกใจกับระฆังของซ่งจงที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยทองแดงซึ่งเป็นเพียงวัสดุเกรดต่ำ อย่างไรก็ตามมันสามารถป้องกันใบมีดของเขาได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่ามันจะมีร่องรอยของบาดแผล ทั้งการถูกเผาไหม้ ทั้งฟ้าผ่า และอื่นๆอีกมากมาย สภาพของมันเต็มไปด้วยหลุมซึ่งดูน่าสังเวชอย่างมาก
ด้วยความที่มันเป็นเพียงวัสดุเกรดต่ำและยังมีร่องรอยมากมาย มองอย่างไรมันก็เป็นเพียงเห็บหมัดเท่านั้น แต่ความจริงแล้วดูเหมือนขยะชิ้นนี้จะป้องกันการโจมตีของเขาได้ ดังนั้นตาเฒ่าเฟิงจึงไม่อาจอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้! ขยะชั้นต่ำเช่นนี้น่ะหรือที่สามารถป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินได้?
‘อย่าบอกนะว่าข้าแก่จนเกินไป? หรือว่าข้ายังพยายามไม่มากพอ?’ ตาเฒ่าเฟิงได้แต่คิดในใจกับตนเอง เขาพุ่งไปที่ระฆังทองแดงของซ่งจงพร้อมกับดาบ และไม่ลืมที่จะเย้ยหยันซ่งจง “ข้าไม่เชื่อว่าขยะชิ้นนี้จะสามารถป้องกันการโจมตีของชายชราผู้นี้ได้!”
เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาตอบกลับอย่างสนุกสนาน “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี!”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน เกิดแผลขึ้นบนระฆังทองแดงอีกหนึ่งรอยเพราะว่ามันรับการโจมตีของตาเฒ่าเฟิงไว้ได้อีกครั้ง!
เมื่อตาเฒ่าเฟิงเห็นเช่นนั้น เขาขมวดคิ้วและกล่าวอย่างงุนงง “บัดซบ ข้าไม่สามารถเชื่อได้ วันนี้ข้าจะต้องทำลายมันให้ได้!”
“ฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม! ลองพยายามดู! ข้าจะยอมเรียกเจ้าว่าวีรบุรุษถ้าหากทำได้ แต่ถ้าไม่เจ้าก็เป็นแค่หมาน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น!” ซ่งจงโต้กลับพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้บัดซบ ชายชราคนนี้จะแสดงให้เจ้าเห็นเอง!” ตาเฒ่าเฟิงโกรธจัดโดยสมบูรณ์ มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อควบคุมค่ายกลอาวุธเมฆาทั้งหมด เหล่าอาวุธมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ในอากาศตอนนี้กำลังพุ่งมาที่ระฆังทองแดงของซ่งจงอย่างรวดเร็ว