ตอนที่ 30 โดย ProjectZyphon
คิมซูฮยอนเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง แล้วจึงไปหยุดยืนอยู่ที่ต้นไม้ในป่าใหญ่ เขายันลำตัวอีกฝ่ายให้จนชิดกับต้นไม้ หลังจากนั้นจึงใช้ดาบแทงเข้าไปยังหน้าท้องของไซม่อน
“แค่ก! อึ้ก!”
ร่างกายของเขาอิดโรยลงไปทุกขณะ เลือดไหลทะลักออกมาจากริมฝีปากไม่ขาดสาย แต่คิมซูฮยอนก็ไม่ได้แยแส เขาสะบัดมือสองข้างไปมา พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ยืนยันไปหมดทุกอย่างแล้วแท้ๆ… แล้วต้องทำไงถึงจะดึงออกมาได้ล่ะเนี่ย”
แค่ก แค่ก!
“แล้วนี่จะคุยกันรู้เรื่องไหม รู้งี้น่าจะเรียนภาษาอังกฤษสักหน่อยนะ”
“กะ…แก…!”
ในระหว่างนั้นไซม่อนดึงสติกลับมาได้สำเร็จ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาของเขาแดงเถือก จนไม่สามารถมองหาตาขาวเหมือนมนุษย์ปกติได้…นัยน์ตาเหมือนปิศาจ
คิมซูฮยอนนิ่งเงียบ ไม่พูดจา เขามองดูสายตานั้นแล้วพูดว่า
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น”
“ปล่อยหนังสือนั่นซะ! ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”
“แค่ฉันมองนัยน์ตาปิศาจของนาย ฉันก็กลัวขนลุกขนพองแล้วเนี่ย”
คิมซูฮยอนพูดจบ ก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาทันที โดยมือที่ยื่นออกมานั้น ได้ยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เห็นอีกด้วย
หลังจากนั้น เขาจึงใช้นิ้วโป้งที่ว่าจิ้มเข้าไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของไซม่อนทันทีทันใด
“อ๊าก! อ๊ากกก!”
ดวงตาของไซม่อนถูกบดขยี้อย่างแรง ไซม่อนทำได้แค่ตะโกนออกมาสุดเสียงอีกครั้งเท่านั้น
คิมซูฮยอนถอนนิ้วมือออกมา สายเลือดสีแดงฉานค่อยๆ ไหลรินตามลงมาด้วย บริเวณเบ้าตาที่ถูกบดขยี้นั้น มีทั้งเลือดไหลผสมปนเปมาพร้อมกับน้ำตา ตอนนี้ไซม่อนคอพับไปเสียแล้ว
“ถ้าจะให้นายถูกฆ่าตายไปทั้งอย่างนี้ ฉันคงอึดอัดน่าดู ค่อยๆ ดึงออกทีละส่วน ทีละส่วนดีไหม”
คิมซูฮยอนเอียงคออยู่ชั่วครู่หนึ่ง คราวนี้จับแขนทั้งสองข้างของไซม่อนเอาไว้ ไซม่อนถึงกับตัวสั่นเทา แม้ดวงตาทั้งสองข้างของไซม่อนจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกได้ว่าแขนตัวเองกำลังถูกจับตรึงไว้อยู่ ลางสังหรณ์ของเขากำลังบอกว่าคราวนี้คงจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ
“อ…อย่า! อย่านะเว้ย!”
ไซม่อนรีบส่ายหน้าจ้าละหวั่น แต่คิมซูฮยอนก็ได้ใช้พลังทั้งหมด ในการฉุดกระชากแขนของอีกฝ่ายไปทางซ้ายที ขวาทีอย่างรุนแรง
“อ…อ๊ากก!”
ทันใดนั้นแขนที่ถูกอีกฝ่ายกระชากก็ได้เริ่มปริออกจากร่าง
ทั้งเนื้อในและกระดูกเผยออกมาให้เห็นเต็มสองตา ร่างกายของไซม่อนเริ่มฉีกขาด
“อ๊ากกก”
เสียงกรีดร้องของไซม่อนดังลั่นสนั่นป่าทึบ
ดวงตาที่ถูกบดบี้ แขนที่ฉีกขาด หน้าท้องที่โดนแทง
ความเจ็บปวดนี้ทำให้ไซม่อนไม่สามารถควบคุมสติต่อไปได้อีกแล้ว ใบหน้าที่เคยสุขุม เย็นชาเสมอมา บัดนี้กลับบิดเบี้ยวจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ริมฝีปากที่เอาแต่ยิ้มเยาะเรื่อยมา บัดนี้ก็มีฟองฟอดสีขาวไหลรินออกมาไม่หยุดหย่อน และบัดนี้เขาได้หยุดนิ่ง คงเป็นเพราะที่ผ่านมาเอาแต่กรีดร้องจนแทบจะหมดหายใจ
“อึ้ก…”
ไซม่อนกำลังเสียใจ
เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาด แต่กระนั้นก็ยังคงมั่นอกมั่นใจ เพราะเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดเช่นเดียวกัน
แต่…เขาไม่นึกว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ความอิดโรย ไร้ซึ่งพละกำลัง พร้อมที่จะถูกทำลายได้ทุกเมื่อ
‘ระดับ’ ช่างแตกต่างเสียจริง
ตอนที่เขายอมรับกับสิ่งนั้นได้ ภายในร่างกายของไซม่อนก็พลันเกิดความรู้สึกผสมผสานกันระหว่างสิ่งสองสิ่ง
อย่างไรก็ชนะไม่ได้อยู่แล้ว
กลัว
ขายขี้หน้าชะมัด
ฉันอยากอยู่ต่อ
หมดกำลังใจแล้ว กลัวไปหมด เสียศักดิ์ศรีที่สุด ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร…ได้อย่างไรกัน
ณ วินาทีที่เขาเกิดความคิดเช่นนั้นเอง
“โอ๊ยยย”
ความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนพลันก่อตัวขึ้นบริเวณท้องน้อย
[ยังไงก็…เวลาแห่งการเจรจาคงมาถึงอีกครั้งแล้วล่ะ]
เสียงอันแสนแผ่วเบาดังขึ้นมา จึงทำให้ความคิดของไซม่อนชะงักลง
ไซม่อนจึงถามกลับไป
“วะ…เวลาแห่งการเจรจาหรือ?”
[คิกๆ! ใช่ งั้นขอถามอะไรสักอย่างสิ ไซม่อน ไครมส์]
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า ขอถามอะไรสักอย่างดู ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไซม่อนเงี่ยหูตั้งใจฟังอย่างไม่รู้ตัว
เสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่นี้ ทั้งทุ้ม ทั้งต่ำก็จริง แต่กระนั้นก็ยังหวานจับใจ และแล้วเสียงที่ว่าก็ได้ดังขึ้นมาภายในอีกครั้ง
[อยากได้พลังไหมเล่า]
“พลัง…งั้นเหรอ”
[ก็พลังที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ที่นายกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ไงเล่า!]
ไซม่อนพยักหน้าตอบรับ
* * *
บัดนี้ไซม่อนห้อยศีรษะลงไม่รับรู้สิ่งใดแล้ว ไม่รู้ว่าท่าทีอันสง่าผ่าเผยเมื่อครู่ก่อนๆ หายไปไหนเสียหมด ผมมองดูเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าชั่วครู่ พลังดวงตาที่สามนั้นยังคงเปิดใช้งานมาตั้งแต่ตอนเริ่มสงครามแล้ว
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
ชื่อ (Name) : Simon (ปีที่ 6)
คลาส (Class) : ราชาแห่งเลือด (Secret, Monarch Of Blood, Master)
ถิ่นกำเนิด (Nation) : เนบิวล่า (Nebula)
ชนเผ่า (Clan) : ไทแรนต์ (Tyrant)
นามแท้ · สัญชาติ : กษัตริย์ทรราชผู้บ้าคลั่งเลือด, ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน · สหรัฐอเมริกา
เพศ (Sex) : ชาย (22)
ส่วนสูง · น้ำหนัก : 174.4 ซม. · 62.3 กก.
อุปนิสัย : ชั่ว · ไม่มีระเบียบ (Evil · Chaos)
[พละกำลัง 31] [ความทนทาน 32] [ความคล่องแคล่ว 64] [ความแข็งแกร่ง 43] [พลังเวท 94] [โชค 77]
(คะแนนพลังเหลือ 0 คะแนน)
ได้รับการเนรมิตหนที่หนึ่งจากบีเอลซีบับ (Beelzebub)[1] หรือปิศาจแห่งการทำลายล้าง, ได้รับเมล็ดพันธุ์ของเทพเนอร์กัล[2]
ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน
วัตถุประสงค์ที่ทำให้ผมยอมเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ คือ เพื่อมาลงโทษไซม่อน ผู้เล่นที่กำลังจะเข้ายึดครองทวีปตะวันตกในอนาคต ส่วนเหตุผลน่ะอยู่ในชื่อเสียงอันเลื่องลือของมันแล้วไงล่ะ ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน’ น่ะ
สมัยรอบที่หนึ่งนั้น ไซม่อนได้พ่ายแพ้ในสงครามที่เปิดฉากกับฝ่ายตะวันออกในครั้งที่สอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาต้องระหกระเหินกลับทวีปตะวันตกไป หลังจากนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้เขาได้รับการตื่นรู้จาก ‘เทพเนอร์กัลแห่งสายลับ’ ซึ่งความจริงในจุดนี้ดูเหมือนจะถูกเปิดเผยออกมาช้าไปเสียหน่อย
และเนอร์กัลผู้ตื่นรู้ผู้นั้น ได้ใช้ชีวิตมาอย่างเงียบสงบมาตลอด แต่แล้วก็เขาผู้นี้อีกนี่แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญ คอยก่อเรื่องชุลมุนวุ่นวายไปทั่วทั้งทวีป โดยเริ่มจากทวีปตะวันตกเป็นที่แรก
โดยส่วนตัวผมคิดว่า เขาเป็นเพียงผลิตผลที่เกิดขึ้นมาจากความบังเอิญ เมื่อครั้นที่เบลเฟกอร์ถูกอัญเชิญเข้ามาก็เท่านั้น เรียกว่าเป็นความหายนะที่เกิดขึ้นเพราะความไม่ตั้งใจ และความโลภมากของพลเมืองสมัยโบราณได้ไหมเล่าเนี่ย
ทว่าเนอร์กัลนั้น ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับกรณีของเบลเฟกอร์ได้เลยแม้แต่น้อย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่แล้ว ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน’ อย่างไรล่ะ การที่ทวยเทพถูกอัญเชิญลงมาด้วยความไม่ตั้งใจ กับการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งซาตาน จนมันเติบโตและเข้าครอบครองร่างกายได้สำเร็จในภายหลังนั้น ไม่ว่าจะมองให้เหมือนกันอย่างไร สุดท้ายมันก็ยังมีข้อแตกต่างอยู่วันยังค่ำ
การฆ่ามันให้ตายๆ ไป จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก แต่…
ถ้าผมทำแบบนั้น วินาทีที่เจ้าของร่างกายตายไป ประสิทธิภาพของเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ในเจ้าของร่างก็จะสูญสิ้นไปด้วย จะเห็นได้ว่ามันทำหน้านี่เชื่อมสายสัมพันธ์กันไว้อยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เมล็ดพันธุ์นั่นจะเป็นต้นกำเนิดแห่งทวยเทพแต่อย่างใด เมื่อผ่านขั้นตอนการเพาะเมล็ดพันธุ์มา จนสามารถเข้าครอบครองร่างได้สำเร็จ ตอนนั้นแหละที่ต้นกำเนิดที่แท้จริงของมันจึงจะยอมปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็น
“อือ…อือ…”
เสียงครวญครางดังแว่วเข้ามาในหู ผมจึงเหลือบสายตาไปมอง
ไซม่อนกำลังหายใจครืดคราดๆ เหมือนจะล้มลงให้ได้เสียในตอนนี้ ผมเห็นเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเกิดความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย
“อือออ…”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ไซม่อนก็เงยหน้าขึ้นมา เมื่อผมได้สบตากับเจ้าหมอนั่น จึงสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆ บางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ผมกำลังจะขยี้ตาอยู่แล้วเชียว แต่แล้วก็ได้เห็นนัยน์ตาสีแดงคล้ำที่กำลังปะทุอยู่ในแววตาของเขา
หรือว่า…จะเริ่มแล้วเหรอ
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมา ประจวบเหมาะกับร่างกายของไซม่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างพอดิบพอดี
ผิวขาวๆ ของเขาเริ่มมีรอยด่างสีแดงเข้มแต่งแต้มทั่วทุกจุด เมื่อรอยด่างนั่นบังเกิดขึ้นทั่วทั้งร่าง มันจึงได้ปกคลุมร่างกายของเขาจนมืดสนิท และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ผิวหนังของเขาจึงเริ่มพองตัวขึ้น
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องดังลั่นขึ้นมา เสียงที่ผมได้ยินนั้น ทั้งดุดันและโหดร้าย เหมือนกับไม่ใช่เสียงของไซม่อนเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายที่พองขึ้นนั้น พองตัวมากต่อไปเรื่อยๆ ทุกขณะ เหมือนกับลูกโป่งไม่มีผิด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผิวหนังของเขาเริ่มฉีกขาดออกจากกัน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าสยดสยอง น่าขยะแขยงสิ้นดี หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงไม่กล้ามายืนดูอะไรแบบนี้แน่ๆ
หลังจากนั้นจึงบังเกิดควันสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาจากผิวหนังที่เกิดการฉีกขาด ผมเห็นเช่นนั้นแล้วรู้สึกอึดอัดใจ จึงได้จับเกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น และในตอนนั้นเอง
เปรี๊ยะ!
ตูม!
[1] บีเอลซีบับ พญาแมลงวัน หรือราชาแห่งแมลงวัน เป็นตัวแทนของบาปตะกละ
[2]เนอร์กัลเทพแห่งปรโลกตามความเชื่อเมื่อสมัยเมโสโปเตเมีย