ตอนที่ 725 เงื่อนไขของนาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เจ้าจะทำสิ่งใดอีก ?” อวี้จี๋กล่าว

“เจ้ามารบกวนพวกข้ากลางดึกเช่นนี้ อีกอย่างยังทำให้คนของพวกข้าบาดเจ็บ ทำให้ข้าเปลืองยาไปสองเข็ม แล้วคิดจะจากไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว

จินซ่านซ่านกระโดดออกมาและกล่าวว่า “ใช่! จะไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้ยังไง พวกเจ้าต้องชดเชย ถึงแม้ว่าสำนักศึกษาอวี้หุนของพวกเจ้าจะไม่ได้มีเงินมากมายนัก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ยังไม่รีบเอาหยกวิญญาณที่ติดตัวพวกเจ้าออกมาอีก”

คนงามมู่ชื่นชอบหยกวิญญาณ ยิ่งเยอะก็ยิ่งชอบ ดังนั้นจินซ่านซ่านจึงปล้นแทน

“เจ้า…” อวี้จี๋จ้องเขม็งจินซ่านซ่าน

จินซ่านซ่านกล่าว “หากพวกเจ้าไม่ให้ ก็อย่าหวังว่าจะได้ไปเลย”

ตอนนี้อยู่ในกำมือของพวกเขาแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องยอมจำนน!

อวี้จี๋กล่าว “ให้ก็ให้!”

หลังจากที่รีดไถเงินจากพวกเขาหมดแล้ว อวี้จี๋ก็กล่าวว่า “ตอนนี้ข้าไปได้หรือยัง ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ยังไปไม่ได้!”

“เจ้าอย่าได้รังแกให้มากเกินไปเลย” อวี้จี๋โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “เมื่อครู่เป็นการชดเชยให้กับจินซ่านซ่าน ไม่ใช่ข้าสักหน่อย ข้ายังไม่ได้บอกเงื่อนไขของข้าเลย พวกข้าสองสำนักศึกษา ถึงแม้ว่าจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่ใช่หนึ่งเดียวกัน”

อวี้จี๋สูดลมหายใจเย็นเข้าปอด ตอนนี้ผู้ที่เริ่มลงมือถูกพวกเขาควบคุม หากพวกเขาว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น

“เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้ากำลังหาของล้ำค่าในสนามรบโบราณ พวกเจ้าต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหากระบี่มาให้กับข้า หากระบี่มาให้ข้าหนึ่งร้อยเล่ม หลังจากการแข่งขันรอบที่สองข้าถึงจะมียาแก้พิษให้ แต่หากหามาไม่ได้ ก็ดูอารมณ์ข้าก็แล้วกัน!”

อวี้จี๋กล่าว “กระบี่ กระบี่ร้อยเล่ม!”

“เจ้ายอมรับข้อตกลงหรือไม่ ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“ตกลง!”

“เช่นนั้นก็ค่อยพบกันใหม่นะ!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว

อวี้จี๋พาคนของเขาจากไปด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำอย่างโกรธเกรี้ยว จินซ่านซ่านกล่าว “อวี้จี๋ ค่อย ๆ เดินล่ะ!”

“เดินทางกลางดึกไม่สะดวก หรือว่าจะอยู่ที่นี่ก่อนดีไหมล่ะ ข้าไม่ทอดทิ้งเจ้าหรอกนะ”

สีหน้าของอวี้จี๋เขียวคล้ำแล้ว หากอยู่ต่อให้เห็นพวกเขาดีอกดีใจเช่นนี้ มีหวังเขาทนไม่ได้ต้องฆ่าพวกเขากลางดึกเป็นแน่

จินซ่านซ่านยังคงดีอกดีใจเป็นอย่างมาก “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นึกไม่ถึงเลยว่าสำนักศึกษาอวี้หุนก็มีวันนี้ด้วย ช่างทำให้ข้าสุขใจยิ่งนัก”

คนอื่น ๆ ของสำนักศึกษาจินซินก็ดีอกดีใจมากเช่นกัน ต้องรู้เอาไว้เลยว่าในอดีตสำนักศึกษาจินซินนั้นถูกกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด!

จินซ่านซ่านกล่าวถาม “คนงามมู่ เจ้าจะหากระบี่เพื่อสิ่งใดรึ ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าถามมากไปก็ไร้ประโยชน์ เอาความสามารถพิเศษในการหาของล้ำค่าของเจ้าออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดจะดีกว่า บางที…”

มู่เฉียนซีมองจินซ่านซ่านอย่างพิจารณา บางทีด้วยโชคที่ต้านสวรรค์ของเจ้าหมอนี่ ไม่แน่อาจจะหาเจอก็ได้

คมกระบี่ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดตอบสนอง บางทีตัวกระบี่อาจไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ได้ แต่ยากมากกว่าจะมีโอกาสเข้ามาในสนามรบโบราณนี้ได้ จะยอมแพ้ได้อย่างไรกันเล่า

จินซ่านซ่านยิ้มพลางกล่าว “คนงามมู่เจ้าวางใจได้ ข้าจะทำภารกิจให้สำเร็จอย่างแน่นอน”

วันต่อมา ยังคงตามหาของล้ำค่าอยู่

ในขณะที่จินซ่านซ่านค้นพบที่อยู่ของของล้ำค่าและกำลังหาวิธีจะหยิบมา ทันใดนั้นเองก็มีตะขาบตัวหนึ่งเคลือบคลานออกมาจากของล้ำค่านั้น

จินซ่านซ่านกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ “ตะขาบ ตะขาบ อ๊า!”

“พี่ใหญ่ ข้าช่วย!” ศิษย์น้องคนหนึ่งของเขาโยนลูกไฟออกไปเผาตะขาบตัวนั้น

“หยุด!” ในตอนนี้เองมู่เฉียนซีตะโกนให้เขาหยุด แต่ก็สายไปแล้ว

สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง นางรีบกล่าวขึ้นว่า “รีบหนีเร็วเข้า!”

จินซ่านซ่านนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “หนีเหรอ ยังไม่ได้เอาของล้ำค่าไปเลย เหตุใดพวกเราต้องไปด้วย ?”

ตะขาบก็ได้ถูกเผาไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่กลัวแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าเลือกที่จะเป็นอาหารให้ตะขาบ เจ้าก็ไม่ต้องไปก็ได้นะ!”

“เป็นอาหารตะขาบอย่างนั้นเหรอ ?”

ฟู่ว ฟู่ว! ในตอนนี้เองมีเสียงแปลกประหลาดดังออกมาจากถ้ำหินที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ผลสุดท้ายทั่วทั้งพื้นที่ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกดำ

“อ๊า ช่วยด้วย!” ตอนนี้จินซ่านซ่านกระโดดขึ้นมากอดแข้งกอดข้าศิษย์น้องของเขาไว้ ทั้งเท้าทั้งขาก็พัวพันอยู่บนร่างของศิษย์น้องผู้นั้น

ต้องขอบคุณในร่างกายอันแข็งแกร่งของคนผู้นั้น มิเช่นนั้นการที่จินซ่านซ่านกระโดดกอดแข้งกอดขาทุ่มน้ำหนักไปทั้งตัวเช่นนี้เขาคงจะเสียการทรงตัวล้มลงไปแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “หากยังไม่รีบหนีมันจะไม่ทนแล้วนะ”

“ได้ รีบไปเร็วเข้า!”

“จอมภูตพลังธาตุอัคคีคอยสกัดอยู่ข้างหลัง!”

“ตกลง!”

หลังจากที่ตะขาบลุกลามออกมา จอมภูตพลังธาตุอัคคีคอยสกัดแผดเผาพวกมันอยู่ด้านหลัง แต่ไม่ว่าจะเผาเช่นไรก็เผาไม่หมด

ตะขาบเหล่านี้ไล่ตามพวกเขาอย่างสุดชีวิต ไม่ว่าจะไล่ตามเช่นไรก็ไม่มีท่าทีที่จะปล่อยพวกเขาไป

ฮู่ว ฮู่ว ฮู่ว! จินซ่านซ่านวิ่งหนีจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ปริปากบ่นว่าเหนื่อยแต่อย่างใด เพราะตะขาบเหล่านั้น สำหรับเขาแล้วมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินไปจริง ๆ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พวกมันจะไล่ตามไปถึงเมื่อไหร่กัน ?”

มู่เฉียนซีกล่าว “หากข้าเดาไม่ผิด เป็นเพราะพวกเจ้าฆ่าตะขาบตัวแรกนั่นไปพวกมันเลยได้แห่กันมาเช่นนี้ สนามรบโบราณนี้แปลกมาก ฆ่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปตัวนึงแล้วพวกมันก็จะแห่ตามกันมาฆ่าเจ้า การแพร่พันธุ์หลายร้อยพันปีมานี้ จำนวนของมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เอาซะเลย”

ทันทีที่เข้ามานางก็รู้สึกว่าสนามรบโบราณแห่งนี้เงียบสงบมาก นอกจากนักเรียนของสำนักศึกษาเหล่านี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย

ทว่า อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่ สนามรบโบราณแห่งนี้อยู่ในความสงบสุขมานานมากแล้ว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ได้ถูกรบกวนก็เท่านั้นเอง

เมื่อมนุษย์ได้ปรากฏขึ้นก็จะยิ่งปลุกให้ชีวิตในสมัยโบราณตื่นมากขึ้น และพวกมันก็ยิ่งอันตรายมากยิ่งขึ้น

ฟู่ว ฟู่ว! จำนวนของตะขาบเหล่านั้นก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

จินซ่านซ่านขนลุกซู่ไปทั้งตัว “นี่ยังไม่หมดอีกเหรอ ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป มีหวังพวกเราถูกมันไล่จนเหนื่อยตายแน่!”

ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้สวมถุงมือและหยิบตะขาบขึ้นมาตัวหนึ่ง จินซ่านซ่านตะโกนร้องขึ้น “อ๊า ตะขาบ เอามันไปไกล ๆ ข้า!”

มู่เฉียนซีโยนขวดยาจำนวนหนึ่งให้พวกเขา และกล่าวว่า “รอใช้ยาเหล่านี้ขวางพวกมันเอาไว้ ยื้อเวลาเอาไว้ให้ได้!”

มู่เฉียนซีโยนสิ่งเหล่านี้เอาไว้เสร็จ นางก็วิ่งออกไปไกล ๆ

คนของสำนักศึกษาซวนเสียนั้นแน่นอนว่าไร้ซึ่งข้อสงสัยใด ๆ ในตัวมู่เฉียนซี

ทว่า คนของสำนักศึกษาจินซินนั้นกลับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “พี่ใหญ่ นี่นางจะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้เลยเหรอ นางคงไม่ให้พวกเขาขวางตะขาบพวกนี้ไว้แล้วนางหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวหรอกกระมัง!”

จินซ่านซ่านโกรธขึ้น “หากยังมีใครพูดจาซี้ซั้วอีกล่ะก็ ข้าจะจับพวกเจ้าโยนให้ตะขาบเหล่านั้นกินซะ!”

ถึงแม้ว่าจะรู้จักกับมู่เฉียนซีไม่นาน แต่จินซ่านซ่านก็ยังเชื่อในตัวผู้ที่เขาเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก

“ขวางเอาไว้!”

ปัง!

ยาถูกโยนขึ้นไปในอากาศ เห็นได้ชัดว่ามันยังมีผลต่อตะขาบเหล่านี้อยู่บ้าง

ทว่า ตะขาบเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตโบราณ และผลของยาฆ่าแมลงของมู่เฉียนซีนี้ก็มีขีดจำกัด

“ขวางเอาไว้ ถ่วงเวลาเอาไว้ให้เฉียนซีให้ได้” ซวนอี้กล่าว

และมู่เฉียนซีที่อยู่ด้านหลังในตอนนี้กำลังปรุงยาอยู่ นางเอาสมุนไพรวิญญาณออกมาไม่น้อยวางตรงหน้า และปรุงยาอย่างรวดเร็วที่สุด

ส่วนซวนอี้และพวกก็กำลังร่นตัวถอยหลังมาเรื่อย ๆ เพราะถูกตะขาบเหล่านั้นประชิดเข้าจนไร้หนทางแล้ว ทำได้เพียงแค่ถอย

และตอนนี้พวกเขาก็ได้ถอยมาจนถึงตรงหน้ามู่เฉียนซีแล้ว

คนของสำนักศึกษาจินซินต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “นี่มู่เฉียนซีกำลังปรุงยา!”

“นางบ้าไปแล้ว ในช่วงเวลาที่หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้จะทำสำเร็จเหรอ ?”

“ต่อให้สำเร็จก็ใช่ว่าจะได้ผล พวกเรารีบหนีเถอะ!”