แต่ถึงอย่างนั้น…นางไม่ได้มาคนเดียวมีสตรีวัยกลางคนที่มีผิวสีเขียวตามนางมาติด ๆ
กลิ่นอายพลังของนางดูธรรมดาไม่ต่างจากอสูรบุพผาหรือนางไม้คนอื่นแต่มันมิอาจรอดพ้นเนตรวิญญาณของซือหยูไปได้
“จ้าวเทวะระดับเก้า!”
ซือหยูเบิกตากว้าง
นางไม่ใช่จ้าวเทวะระดับเก้าธรรมดาถึงจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่จากสำนักช่างสวรรค์ก็มิาอจเทียบนางได้
เขามองไปยังหลานสาวคนสุดท้องซือหยูครุ่นคิดอย่างหนัก
ในตอนนั้นเองหลาย ๆ คนสังเกตเห็นหลานสาวคนสุดท้องแล้ว
“ศิษย์พี่จะต้องเป็นนางแน่!”
ยู่เหลียงมองเด็กสาวน่ารัก ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มเล็กๆ
“แน่นอนหลานสาวคนอื่นปิดประตูฝึกตนตลอดปี พวกนางย่อมไม่มาที่นี่ มีแต่คนสุดท้องที่เที่ยวเตร่อยู่ในเมือง”
หลายคนตาเป็นประกายเมื่อยืนยันตัวตนของหลานสาวได้
“ศิษย์พี่ใหญ่เราจะลงมือเลยหรือไม่?”
ชาหยินถามด้วยความคาดหวัง
ศิษย์สำนักช่างสวรรค์คนอื่นก็มิอาจทนความตื่นเต้นได้เช่นกันนี่คือการลักพาตัวหลานสาวของอสูรเนรมิตร! ความคิดนี้ทำให้พวกเขาทั้งขนลุกและตื่นเต้นไปพร้อมกัน
“ยังก่อนมียอดฝีมืออยู่ข้างกายนาง ถ้าหากลงมือตอนนี้ นางจะมีโอกาสหนีไปได้”
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวเขากวัดแกว่งผ้าคลุมในมือ
“หากนางเข้าใกล้กว่านี้ผ้าคลุมขังภูติชิ้นนี้จะช่วยเราเอง แต่พวกเราก็ต้องแอบลอบโจมตีใกล้ ๆ เผื่อว่านางจะหนี แผนเราจะล้มเหลวหากนางหนีไปได้”
ถ้าหากแผนล้มเหลวผลที่ตามมาก็คงจะเกินจินตนาการ แม้จ้าวสวนอสูรเนรมิตรจะยังไม่ปรากฏตัว อสูรบุพผาและนางไม้ในเมืองก็อาจจะจับตัวพวกเขาได้จนพวกเขาไร้โอกาสหนี
“พวกเรามีแค่โอกาสเดียวเราต้องทำให้ดีที่สุด!”
ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวและมองซือหยู
“ศิษย์น้องซือพลังของเจ้าไม่มีใครเทียบได้ นี่คือความหวังเดียวในการเลี่ยงภัยพิบัติบุพผาของเรา โปรดให้พวกข้ายืมมือด้วย”
ซือหยูหยุดคิดและพยักหน้าเบาๆ
“ข้าลงเรือลำเดียวกับพวกเจ้าแล้วแน่นอนว่าข้าจะพยายาม หากต้องการอะไรจงบอกข้ามา”
ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณน้องซือมาก!พวกข้ามีกันยี่สิบคน ตอนที่หลานสาวถูกผ้าคลุมพันธนาการยอดฝีมือที่ติดตามนางมาจะต้องพยายามหยุดพวกเราแน่ ข้ารับมือกับนางได้ชั่วคราว และพวกเจ้าจะต้องใช้โอกาสนั้นจับตัวหลานสาว ตัวนางเองเป็นจ้าวเทวะระดับแปด มันคงจะเป็นเรื่องยาก ศิษย์น้องซือกับยู่เป็นเพียงสองคนที่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับนาง ดังนั้นข้าจะมอบหมายหน้าที่นี้ให้พวกเจ้า ฟังดูเป็นอย่างไรล่ะ?”
ซือหยูกับยู่เหลียงเหลือบมองกันและยอมรับแผน
โอกาสมีเพียงแค่ครั้งเดียวไม่มีใครกล้าประมาท
“ถ้าเช่นนั้นก็เตรียมพร้อม!”
ศิษย์พี่ใหญ่ตาลุกวาวเขาโบกมือ ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็กระจายไปยังทุกทิศทาง
ซือหยูกับยู่เหลียงแอบอยู่ตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ศิษย์พี่ใหญ่กำลังถือผ้าคลุมในมือตามแผน เสียงสวรรค์บรรเลงร้องเรียกหลานสาวคนสุดท้องให้เข้ามาใกล้มากขึ้น “เสียงเพราะจังเลย!”
หลานสาวเข้ามาใกล้ขึ้นใบหน้านางดูพอใจ ดวงตากลมโตของนางกระพริบไปมาอย่างไร้เดียงสา
สตรีวัยกลางคนด้านหลังนางเตือน novel-lucky
“ระวังตัวด้วยพวกนี้เป็นมนุษย์จากจิวโจว”
หลานสาวทำเป็นไม่ได้ยินนางมิอาจละสายตาไปจากผ้าคลุมที่ส่งเสียงอันไพเราะจากสวรรค์นี้ได้ เสียงมันดูมีชีวิตชีวาราวกับระฆัง นางถาม
“ข้าจับมันได้ไหม?”
ศิษย์พี่ใหญ่ยิ้มอย่างใจดี
“แน่นอน”
หลานสาวผู้มีใบหน้าสงสัยยื่นดัชนีไปแตะผ้าคลุมที่ส่งเสียงอันไพเราะ
ทันทีที่นางแตะมันรอยยิ้มชั่วร้ายก็ได้แสดงอยู่บนใบหน้าศิษย์พี่ใหญ่ ผ้าคลุมสั่นไหวอย่างรุนแรงเสียงสวรรค์ได้กลายเป็นบทเพลงโหยหวนของพิรุณคลั่ง
อสูรบุพผาและเหล่านางไม้ที่มารวมตัวกันไม่ดูเป็นมิตรอีกแล้วทั้งหมดเริ่มกรีดร้อง
“อ๊าาาาา!”
หลายคนยกมือขึ้นมาจับหัวร่างกายบิดเบี้ยวไปทั้วตัว เสียงบทเพลงเหล่านี้มีพลังโดยตรงต่อพวกนาง
หลานสาวที่เป็นคนสัมผัสเองก็ตัวสั่นนางยกมือขึ้นกุมหัวด้วยความปวดร้าว
ศิษย์พี่ใหญ่ใช้ผ้าคลุมขังภูติรัดมือและเท้าของหลานสาว
เสียงคลั่งยังคงเกิดขึ้นต่อไปหลานสาวดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน
แต่นางก็เป็นจ้าวเทวะระดับแปดและลูกหลานของจ้าวสวนบุพผาเงาบุพผาดาราเหนือศีรษะของนางเริ่มสั่น หยดเกสรบุพผาร่วงลงมา
ความปวดร้าวบนใบหน้านางหายไปรากงอกออกมาจากเท้าของนางสอดลงสู่ผืนดินเบื้องล่าง นางกำลังจะหนีผ่านใต้ดินไป
“กล้าดียังไง!”
ศิษย์พี่ใหญ่ดีดนิ้วมือซ้ายของเขาเกิดเป็นกรงเล็บคว้าแขนของหลานสาวเอาไว้
ฟึ่บ!
ในตอนนั้นเองกิ่งไม้สีเขียวสว่างก็ได้พุ่งมาที่เขา พลังนั้นทำให้เกิดรอยแยกมิติหลายแห่ง
ศิษย์พี่ใหญ่หน้าซีดกรงเล็บของเขากลายเป็นหมัดเข้าปะทะกับกิ่งไม้ ศิษย์พี่ใหญ่กระเด็นกลับ โลหิตพุ่งออกมาจากกำปั้น
จ้าวเทวะระดับเก้าที่มีร่างอันทรงพลังและพลังชีวิตอันมากมายเหลือเชื่อได้เกิดบาดแผลอันน่ากลัวเมื่อปะทะกับกิ่งไม้
“พวกเจ้ามันชั่วช้า!”
สตรีวัยกลางคนผิวสีเขียวก่นด่าด้วยแววตาน่าสะพรึง
ศิษย์พี่ใหญ่หน้าเศร้าดูจากการปะทะเมื่อครู่ เขาบอกได้เลยว่าศัตรูนั้นเหนือกว่าเขา
“ศิษย์น้องซือศิษย์น้องยู่ ข้าฝากหลานสาวกับพวกเจ้าด้วย ข้าจะต้องสู้กับนั่งแก่นี่!”
ศิษย์พี่ใหญ่ตะโกนและเริ่มการต่อสู้
ยู่เหลียงเบิกตาโพลงเขาตะโกน
“เอาเลย!”
“กายาโลหิต!”
โลหิตเดือดพล่านในกายยู่เหลียงมันส่งเสียงปะทุราวกับน้ำมันเดือด ทั้งร่างของเขาได้กลายเป็นสีแดงของเลือด หากมองปราดเดียวจะเห็นคล้ายว่าเขาเป็นมนุษย์หยกแดง
“ออกมาซะ!”
ยู่เหลียงกรีดร้องเขายกขาขวาและกระทืบพื้นอย่างแรง
ทั้งเมืองสวนบุพผาสั่นพื้นเบื้องล่างสั่นอย่างรุนแรง แผ่นดินในระยะร้อยศอกเบื้องล่างถูกฉีกเป็นสองแผ่น
หลานสาวที่จมร่างอยู่ใต้ดินถูกขุดขึ้นมานางส่งเสียงครางอย่างน่าสงสาร
“ศิษย์น้องซือทำไมเจ้ายังไม่ลงมืออีก?!”
ยู่เหลียงตะโกน
ซือหยูพยักหน้าและกระโจนไปข้างหน้าเขาอยู่ห่างจากหลานสาวสามสิบศอก เขาคว้าไหล่อันบอบบางของนางเอาไว้
เมื่อเห็นว่าซือหยูกำลังจะจับตัวนางคนสำนักช่างสวรรค์ก็เริ่มดีใจขึ้นมา
“ศิษย์น้องซือเอาตัวนางมาเร็ว”
ศิษย์พี่ใหญ่ดีใจมากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้
ยู่เหลียงกับคนอื่นๆ รีบมาที่ข้างกายซือหยูเตรียมจะช่วยเขา
เหล่าอสูรบุพผาและนางไม้โกรธแค้นเป็นอย่างมากทั้งหมดพุ่งมาทาพวกเขาและกรีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหู
แต่คนสำนักช่างสวรรค์ก็ตัวแข็งทื่อเมื่อซือหยูไม่ส่งตัวหลานสาวให้เขากลับโยนวิหคไม้ขึ้นฟ้าและบินหายไปในหมู่เมฆ “ศิษย์น้องซือทำอะไรของเจ้า?”