เยี่ยเม่ยจ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่ครู่หนึ่ง เห็นสายตาจริงจัง ก็พยักหน้าเอ่ยว่า “ข้าเชื่อคำพูดนี้”
หากมิใช่คำพูดจากใจจริง บุรุษเบื้องหน้าที่เฉยชาต่อความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ยอมรับแส้ของนางเอาไว้ เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้
“แต่ที่สมควรถูกตีก็ต้องตี” เยี่ยเม่ยยังคงมีสีหน้าเย็นชาดังเดิม เรื่องหลอกลวงไม่อาจให้อภัยได้
ในระหว่างที่เอ่ย แส้ของเยี่ยเม่ยสะบัดฟาดลงพื้นเกิดเสียงดัง ทำให้อวี้เหว่ยที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินอย่างชัดเจนโดยมิต้องแอบฟังตัวสั่นงก
จากนั้นเยี่ยเม่ยจ้องใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของผู้ชายตรงหน้า นางเอ่ยปากว่า “มีบางครั้งจำเป็นต้องสั่งสอน ตีจนเจ็บแล้วถึงจะไม่มีครั้งหน้าอีก ท่านว่าอย่างไรเล่า”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง เสียงหัวเราะน่าฟังแฝงด้วยความอ่อนโยน สายตามองเยี่ยเม่ยที่ยังไม่รั้งกลับมา กวาดมองรอยเลือดบนแส้ จากนั้นเขาเอ่ยว่า “ย่อมเป็นเช่นนั้น คำพูดของแม่นางเยี่ยเม่ยล้วนมีเหตุผล”
“อย่างนั้นก็ดี”
เยี่ยเม่ยรับคำเสียงเย็น ถึงนางจะพอใจท่าทีเช่นนี้ของเขา แต่ว่ายามสมควรสั่งสอนก็ต้องสั่งสอน
หลังจากสิ้นเสียงพูด ก็เกิดเสียงแส้ดังลั่นไปทั่วเรือน “เพียะ” “เพียะ” “เพียะ”
อวี้เหว่ยยืนกอดอกอยู่หน้าประตู จินตนาการว่าวันนี้เตี้ยนเซี่ยจะถูกแส้ฟาดเจียนตาย พลันสำนึกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะจิ้งหรีดเขาเลยไม่ได้ไปถ่ายทอดคำสั่ง ชักนำให้เหตุการณ์ไม่อาจย้อนคืนได้เช่นนี้
ในขณะที่เขาคิด เสียงแส้ดังออกมา
อวี้เหว่ยตัวสั่นเล็กน้อย ขมับมีเหงื่อเย็นเยียบไหลซึม สายตามองท้องฟ้า เดิมหลงคิดว่าเขาถูกเตี้ยนเซี่ยบีบให้เหยียบจิ้งหรีดตาย ก็เป็นคนที่น่าสงสารอย่างมากในโลกแล้ว
ยามนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเตี้ยนเซี่ย เขารู้สึกว่าจิ้งหรีดก็ไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งนั้น
จริงด้วย ไม่รู้ว่าเตี้ยนเซี่ยที่ถูกฟาดเพราะเขา จะซ้อมตัวเขาและคนที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
เมื่อคิดถึงตรงนี้หางตาของอวี้เหว่ยก็มีน้ำตาคลอ ในขณะที่เขาอยู่ในห้วงความปวดใจแสนสาหัส
นกหลายตัวในเรือนตกใจเสียงแส้ บินทะยานไปในท้องฟ้า ลาลับจนไม่เห็นแม้แต่เงา
จนกระทั่งเสียงแส้สงบลง ทั้งนก แมลงบิน รวมถึงหนอนบนพื้นทั้งหลายในเรือนก็หนีหายไปจนหมดสิ้น ภายในเรือนหลงเหลือเพียงความเงียบสงบ
ยามนี้อวี้เหว่ยพรูลมหายใจออกมาคำรบหนึ่ง อยากหันไปเปิดประตูดูสักหน่อย เตี้ยนเซี่ยยังมีชีวิตอยู่ไหมแต่เขากลัวว่าการแอบมองจะยั่วโมโหเยี่ยเม่ย แล้วพานจะทำให้นางคิดบัญชีกับเตี้ยนเซี่ย ยิ่งทำให้เหตุการณ์ไม่อาจควบคุมได้ เป็นเหตุให้เตี้ยนเซี่ยถูกทำร้ายอย่างรุนแรง
ดังนั้นเขาได้แต่อดกลั้นอย่างทุกข์ทรมาน
……
ส่วนภายในเรือน เยี่ยเม่ยที่ลงแส้อยู่นานก็เก็บแส้แล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเบื้องหน้าร่างกายไม่เหลือเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สมบูรณ์เลยสักชิ้น ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแส้และรอยเลือด เคราะห์ดีที่ไม่ฟาดใส่ใบหน้า ไม่ทำลายรูปโฉมหล่อเหลาของเขา
ถูกฟาดอยู่นานเช่นนี้ แต่ละแส้ของเยี่ยเม่ยลงมือหนักมาก ร้อยทั้งร้อยลงมืออย่างแม่นยำ ร่างกายเขาไม่เหลือเนื้อที่ไร้บาดแผลเลยสักน้อย เยี่ยเม่ยถึงคลายโทสะลง
ส่วนตลอดกระบวนการเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ส่งเสียงเลยสักแอะ กัดฟันทนรับไว้ จนกระทั่งเยี่ยเม่ยฟาดเสร็จ เขาพลันมองไปที่นาง คลี่ยิ้มออกมา สีหน้าเลื่อนลอยอยู่บ้าง เอ่ยปากช้าๆ ว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนไม่ถูกแส้ฟาดรุนแรงเช่นนี้มานานแล้ว”
เยี่ยเม่ยชะงักไปเล็กน้อย
คำพูดนี้หมายความว่า เขาไม่ถูกลงมืออย่างรุนแรงเช่นนี้มานานแล้ว นั่น…ในความสงสัยนั้น นางเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “หรือว่าเมื่อก่อนท่านเคยถูกคนทำร้ายอย่างนี้ด้วย”
เป็นไปได้หรือ
นิสัยของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน…
ไม่ถูก แต่เดิมนางไม่เคยพิจารณาว่า นิสัยของเขาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา เขาก็พลันหัวเราะออกมา ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายในยามนี้ยิ่งดูทรงเสน่ห์ดังปีศาจ ความเลื่อนลอยบนใบหน้าหายไปในชั่วขณะ มองเยี่ยเม่ยกล่าวว่า “นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือครั้งนี้เยี่ยนยินยอมถูกตี ก็เพื่อช่วยให้หญิงสาวที่เยี่ยนรักระบายโทสะ”
เมื่อเอ่ยจบ เขาหันกลับไปมองที่โต๊ะอีกครั้ง
จากนั้นหันกลับมามองเยี่ยเม่ยอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เอ่ย “บนโต๊ะยังมีของอย่างอื่นอีก หากแม่นางเยี่ยเม่ยไม่พอใจ ก็สามารถใช้ได้จนกระทั่งแม่นางพอใจแล้วค่อยหยุด”
เยี่ยเม่ยส่งสายตามองผ่านเขาไปที่โต๊ะ
เมื่อมองไปนางก็ต้องตกตะลึง บนโต๊ะล้วนเป็นเครื่องลงทัณฑ์ นางสงสัยว่าเอามาจากคุกหรือเปล่า แม้กระทั่งเครื่องถอดเล็บก็ยังวางไว้ตรงนั้นเลย
เยี่ยเม่ยพยักอย่างด้วยความพอใจ มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “ดีมาก ท่านไม่ได้ดูแคลนความโหดเ**้ยมของข้าเลย”
นางชอบสังหารโหด คนที่ชอบสังหารโหด ย่อมมีจิตใจโหดเ**้ยม ชื่นชอบการทรมานร่างคน
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเตรียมข้าวของตั้งมากมาย ก็เรียกได้ว่าเอาใจนางถึงที่สุดแล้ว
ใบหน้าของชายหนุ่มเจือรอยยิ้ม พอใจกับคำชื่นชมของเยี่ยเม่ย เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยพอใจก็ถือเป็นเกียรติของเยี่ยน ทั้งยังเป็นสิ่งเดียวที่เยี่ยนไขว่คว้าในชาตินี้”
คำพูดนี้กล่าวเหมือนกับว่าของทั้งหมดไม่ได้เตรียมมาใช้กับร่างกายเขา ยิ่งคล้ายกับว่าไม่ใช่เขาที่ถูกทำร้าย
ส่วนเยี่ยเม่ยพึงพอใจกับความร่วมมือและคำพูดของเขามาก โดยเฉพาะที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่มีทีท่าถือโทษนาง เยี่ยเม่ยยิ่งทวีพอใจมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นนางวางแส้ในมือลง โยนลงพื้น สายตาให้อภัยกวาดมองเขา เอ่ยปากด้วยเสียงเย็นชาว่า “ยอมรับความผิดอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงท่าทางยอมถูกลงโทษทำให้ข้าพอใจมาก จบเรื่องไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน”
ดังนั้นเครื่องลงทัณฑ์พวกนั้นก็ไม่ต้องใช้แล้ว
เมื่อเยี่ยเม่ยกล่าวจบ แววตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทอประกายยิ้มแย้ม จากความเข้าใจในตัวเยี่ยเม่ย การที่นางยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ ก็เท่ากับว่านางเห็นเขาสำคัญแล้ว
น้ำเสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดังขึ้นทันที “ขอบคุณแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนซาบซึ้งมาก”
เมื่อเอ่ยคำนี้ เขายังคารวะเยี่ยเม่ยด้วย
คราวนี้กลับเปลี่ยนเป็นเยี่ยเม่ยที่กลัดกลุ้ม
นางประเมินเขาด้วยสายตา ถามขึ้นว่า “ท่านไม่คิดว่าข้าโหดร้ายเกินไป อีกทั้งยังไม่อ่อนโยนกับท่านเลยสักนิด กระทั่งไม่โกรธเคืองที่ข้าลงมือหนักขนาดนี้ บอกว่าจะตีก็ตีอย่างนั้นหรือ”
อย่างไรนางก็ลงมือทำร้ายคน ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักน้อย ทั้งไม่ใช่แสร้งทำท่าทางตีเขา ทุกครั้งลงมืออย่างหนักหน่วง นางยังสงสัยว่าหากเขาอ่อนแอไปหน่อย เวลานี้สมควรถูกนางฟาดจนเจียนตายแล้ว
ความจริงเมื่อฟาดเขาเสร็จ หลังจากเยี่ยเม่ยคลายโทสะก็รู้สึกว่าตัวเองลงมือหนักไป
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง กลับหัวเราะอย่างน่าฟัง อธิบาย “เยี่ยนเพียงรู้สึกว่า เยี่ยนโกหกแม่นาง เจ้ายังยินยอมลงมือกับเยี่ยน ให้โอกาสเยี่ยนกลับตัวเป็นคนใหม่ นั่นก็หมายความว่าแม่นางมีเมตตา ทำร้ายเยี่ยนแต่ไม่เอาชีวิต ยิ่งทำให้เห็นถึงจิตใจดีงามของเจ้า ในสายตาเยี่ยนเห็นแต่ด้านดีของแม่นางเยี่ยเม่ย ส่วนด้านร้ายของแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนเห็นว่าไม่มีเลย”