ตอนที่ 239-1 ตบหน้าเพี๊ยะๆๆ

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เมื่อจวนจงอู่โหวออกมือ จวนหย่งหนิงโหวก็ประสบหายนะแล้ว รวมถึงนายหลายคนในจวนหย่งหนิงโหวก็ว้าวุ่นใจแล้ว

 

 

ก่อนอื่นใดแม่นมจวนจงอู่โหวไปไต่ถามถึงหน้าบ้าน แม่นมอาวุโสแต่งกายสมศักดิ์ศรีสองคนนั้นวางมาดด้วยความหยิ่งยโส แววตาเต็มไปด้วยความดูถูก วาจาที่เอ่ยออกมาก็เสียดแทงใจ “ทั่วทั้งเมืองหลวงก็หาแม่สามีบ้านหลังที่สองตบหน้าลูกสะใภ้ไม่ได้ คุณหนูจวนจงอู่โหวของพวกเราก็ไม่ใช่ว่าแต่งไม่ออก ตอนแรกหากรู้ว่าจวนหย่งหนิงโหวไร้กฎระเบียบเช่นนี้ ไม่ว่านายท่านพูดอะไรก็ไม่อาจยินยอมให้กูไหน่ไนห้าแต่งเข้ามาเป็นอันขาด!”

 

 

อีกคนหนึ่งก็กล่าว “น่าสงสาร คุณหนูจวนโหวที่น่ารักอ่อนหวานเพิ่งแต่งเข้ามาได้ไม่กี่เดือนก็ถูกทรมานจนผอมเห็นกระดูก ฮูหยินสามของพวกเราตั้งใจรับใช้พระพุทธองค์ ยังไม่ทราบเรื่องเลย หากทราบแล้ว สวดมนต์หลายประโยคต่อหน้าพระพุทธรูป คนที่ทรมานคุณหนูห้าของพวกเราคงจะต้องถูกฟ้าผ่า”

 

 

เห็นแล้วหรือยัง นี่ก็คือความสามารถของแม่นมที่มีหน้ามีตาในตระกูลใหญ่ตระกูลโต พูดฉีกหน้าคนไม่จำเป็นต้องใช้คำหยาบสักคำ ก็สามารถยั่วโมโหจนเจ้าอกแตกตายได้

 

 

อี้ซื่อถูกยั่วโมโหจนมือไม้สั่น ตั้งใจคิดอยากจะกล่าวโทษลูกสะใภ้ แต่กลับพูดไม่ออก แม้จะบอกว่าเสิ่นซื่อผู้นั้นมีท่าทีไม่เข้าตานาง แต่ก็ไม่ใช่ความผิดใหญ่หลวงจริงๆ เรื่องวุ่นวายเมื่อวันก่อนก็เกี่ยวพันกับชื่อเสียงสตรีของเฟยเฟย ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงเอะอะโวยวาย “นี่น่ะหรือกฎระเบียบจวนจงอู่โหวของพวกเจ้า อยู่ดีๆ ก็วิ่งกลับบ้านฝั่งมารดา เสิ่นซื่อน่ะ ให้นางกลับมา มีหรือสะใภ้ที่ทำตัวเช่นนาง”

 

 

แม่นมฉินเชิดคางขึ้น “กฎระเบียบจวนจงอู่โหวของพวกข้าต่างจากกฎระเบียบจวนหย่งหนิงโหวของท่านจริงๆ พวกข้าที่เป็นแม่นมในจวนโหวไม่เคยตีไม่เคยด่าลูกสะใภ้ ต่อให้จะมีเรื่องไม่เหมาะสมก็พูดเตือนดีๆ กูไหน่ไนในจวนพวกข้าได้รับความไม่เป็นธรรมก็ไม่เคยก้มหน้ารับไม่ปริปากบ่น สตรีที่ไม่ปริปากเหล่านั้นล้วนแต่มีบ้านฝั่งมารดาที่อ่อนแออำนาจ หมดหนทางจึงเก็บไว้ในใจ นายท่านผู้เฒ่าของพวกข้าพูดแล้วว่า กูไหน่ไนในจวนพวกเราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย เพียงแค่ยืดหลังตรงเชิดหน้า เหล่านายท่านในจวนพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างนอก ก็เพื่อให้กูไหน่ไหนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจในบ้านสามีได้มิใช่หรือ”

 

 

คำพูดที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้โจมตีอวี้ซื่อจนเบื้องหน้าดำมืด แทบจะเป็นลม จ้าวเฟยเฟยลูกน้องสาวที่พยุงนางอยู่เป็นกังวลอย่าถึงที่สุด ก้าวขึ้นมาอธิบายกับแม่นมทั้งสองของจวนจงอู่โหวด้วยความอ่อนโยน “คารวะแม่นมทั้งหลาย พี่สะใภ้สบายดีหรือไม่ จวนท่านอาจจะเข้าใจผิดแล้ว ท่านป้าดีต่อพี่สะใภ้ พี่สะใภ้เป็นลูกสะใภ้แท้ๆ ของท่านป้า จวนหย่งหนิงโหวต่อจากนี้ยังต้องส่งมอบให้พี่สะใภ้ ท่านป้ายังชื่นชมว่าพี่สะใภ้กตัญญูอยู่เลย ท่านป้าไหนเลยจะปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม ท่านป้าคิดจะไปรับพี่สะใภ้กลับมานานแล้ว เพียงแต่ร่างกายไม่สบายจึงล่าช้ามิใช่หรือ พี่สะใภ้คงไม่โกรธหรอกกระมัง”

 

 

ท่าทางกระวนกระวายใจทั้งยังเป็นห่วงอย่างยิ่ง แสดงภาพลักษณ์คุณหนูฝั่งมารดาที่เข้าใจหลักเหตุผลออกมาได้อย่างดีเยี่ยมสุดขีด แต่แม่นมสองคนนี้เป็นใครกัน มองแวบแรกก็ดูออกแล้วว่าคุณหนูฝั่งมารดาผู้นี้เป็นคนเช่นไร อี๋เหนียงอนุภรรยาเหล่านั้นในเรือนหลังก็เป็นเช่นนี้กันหมดมิใช่หรือ

 

 

แม่นมผู้นั้นข้างกายสวี่ซื่อกลอกตา “เอ๋ คนผู้นี้คือใครอีก บ่าวจำได้ว่าจวนหย่งหนิงโหวไม่มีนายท่านผู้นี้นี่!” ก็แค่คนหวังพึ่งใบบุญผู้อื่น เสแสร้งอะไรกัน นางเป็นแม่นมที่ติดตามสวี่ซื่อออกเรือน เหมือนกับเจ้านายของนาง โดยเฉพาะนิสัยเกลียดชังญาติผู้น้อง

 

 

ใบหน้าจ้าวเฟยเฟยแดงก่ำในชั่วขณะ ในดวงตาโตๆ เอ่อไปด้วยน้ำตา แต่กลับกัดริมฝีปากอย่างฝืนใจ คล้ายได้รับความอัปยศอย่างยิ่ง ทำให้อวี้ซื่อสงสาร ตะโกนด้วยความโกรธ “นี่คือลูกน้องสาวของตัวข้าฮูหยิน ย่อมต้องเป็นนายในจวนแห่งนี้ ใช่คนที่บ่าวเช่นพวกเจ้ารังแกได้หรือ”

 

 

แม่นมผู้นั้นไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ยังยืดหลังตรง “หย่งหนิงโหวฮูหยินพูดเช่นนี้บ่าวมิกล้ารับ บ่าวพูดจารังแกลูกน้องสาวผู้สูงศักดิ์สักประโยคแล้วหรือยัง โทษนี้มิอาจยัดเยียดได้ตามอำเอภใจนะเจ้าค่ะ!” นายบ้าอะไร ไม่ใช่อยากปีนขึ้นเตียงท่านซื่อจื่อผู้นั้นหรือไร แม้จะยกตนเป็นอี๋เหนียงก็เป็นนายแค่กึ่งเดียวเท่านั้น เหอะ เป็นคุณหนูฝั่งมารดาดีๆ ไม่เป็น จะไปเป็นบ่าวให้ได้ เปิดโลกจริงๆ แม่นางผู้นี้สมองกลับแล้วหรือ

 

 

ต้องรู้ว่า ขอเพียงแค่จ้าวเฟยเฟยผู้นี้เป็นอนุภรรยาของเว่ยซื่อจื่อ เช่นนั้นก็ไม่อาจใช้ข้ออ้างว่าเป็นญาติมาตัดสินลงโทษได้ ถึงตอนนั้น หึๆ ก็น่าสนุกแล้ว

 

 

สายตาที่โหดเ**้ยมของแม่นมมั่วกวาดผ่านร่างของจ้าวเฟยเฟย กล่าวต่อ “นี่ก็คือคุณหนูฝั่งมารดาผู้นั้นในจวนท่านใช่หรือไม่ ได้ยินชื่อเสียงมานานจริงๆ! ชายหญิงเจ็ดปีมิอาจร่วมโต๊ะอาหาร คุณหนูฝั่งมารดาก็อายุสิบสามปีแล้ว อยู่ในห้องกับชายอื่นอย่างไม่เลี่ยงให้ต้องสงสัยเช่นนี้ เป็นกฎข้อใดกัน จวนจงอู่โหวของพวกข้าไม่มีกฎข้อนี้ ไม่แปลกใจที่กูไหน่ไนของพวกข้าจะโมโหจนกลับบ้านฝั่งมารดา”

 

 

สายตาที่เหยียดหยาม วาจาที่ตำหนิติโทษ แม้จ้าวเฟยเฟยจะฉลาดอยู่เล็กน้อย แต่อย่างไรเสียอายุก็ยังน้อย ไหนเลยจะทนรับความไม่เป็นธรรมนี้ได้ รู้สึกเพียงอึดอัดใจอย่างถึงที่สุด กุมหน้าวิ่งร้องไห้ออกไปแล้ว

 

 

คราวนี้อวี้ซื่อโมโหอกระเบิดแล้วจริงๆ ชี้แม่นมสองคนก่นด่าด้วยความโกรธ “พวกเจ้าสองคนสมควรตาย วิ่งมาวางมาดวางอำนาจถึงจวนหย่งหนิงโหวของพวกข้า ใครก็ได้ ลากออกไปให้ข้าที ลากออกไป” ยั่วโมโหนางแทบตายจริงๆ จวนหย่งหนิงโหวตกต่ำเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ถึงกับต้องให้บ่าวสองคนมาชี้มือชี้ไม้ นี่ทำให้อวี้ซื่อที่มั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุดรับไม่ได้แล้ว แม้แต่ผลที่จะตามมาก็ไม่สนแล้ว สั่งคนให้ลากพวกนางออกไปทันที

 

 

“ช้าก่อน!” แม่นมมั่วหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยันหนึ่งครา “ไม่ต้องให้หย่งหนิงโหวฮูหยินลงมือ สถานที่เช่นจวนหย่งหนิงโหวของท่านบ่าวยังรังเกียจที่จะเหยียบย่ำ เรื่องกูไหน่ไนห้าของพวกข้าท่านจงตัดสินใจ หากไม่ชอบจวนจงอู่โหวของพวกข้าก็พูดมาตรงๆ พวกข้าไม่ใช่คนชอบรบเร้า นายท่านผู้เฒ่าโหวของพวกข้าบอกแล้วว่าหากจวนท่านรังเกียจกูไหน่ไนห้าของพวกข้าจริงๆ เช่นนั้นก็หย่าเสียเถอะ หลานสาวของเขาไม่ใช่จะแต่งไม่ออก”

 

 

“หย่าหรือ อย่าแม้แต่จะคิด!” เสียงของอวี้ซื่อสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว บันดาลโทสะ “เสิ่นซื่อยังคิดจะหย่า นางไม่ภัคดีอกตัญญูไร้คุณธรรมเช่นนี้ยังคิดจะหย่า ไม่ต้องแม้แต่จะคิด หนังสือขับ หนังสือขับเท่านั้น”

 

 

สีหน้าแม่นมฉินไม่เปลี่ยน วางกิริยาทะนงตน “ได้สิ ไม่ต้องสนว่าจะเป็นหนังสือหย่าหรือหนังสือขับ ขอเพียงแค่จวนหย่งหนิงโหวกล้ามอบ จวนจงอู่โหวของพวกข้าก็กล้ารับ รบกวนอวี้ฮูหยินรีบหน่อย!”

 

 

แม่นมสองคนเชิดหน้าออกไปแล้ว อวี้ซื่อโมโหจนเป็นลมไปพักๆ “กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว ข้าทำกรรมไว้ในชาติไหน ถึงได้แต่งสตรีที่สร้างความวุ่นวายให้ตระกูลเช่นนี้ ซื่อจื่อเล่า ซื่อจื่อกลับมาแล้วหรือยัง รีบไปบอกให้เขาเขียนหนังสือขับ วัดเล็กๆ ของเรามิอาจเก็บพระพุทธรูปองค์ใหญ่เช่นนางไว้ได้หรอก”

 

 

“ฮูหยินโปรดระงับโทสะ ฮูหยินโปรดสงบอารมณ์” สาวใช้กับแม่นมที่มีความสามารถข้างกายอวี้ซื่อรีบกล่าวโน้มน้าว พวกนางไหนเลยจะกล้าไปตามท่านซื่อจื่อ เห็นชัดๆ ว่าฮูหยินเอ่ยวาจาด้วยความโกรธ ซื่อจื่อฮูหยินขับง่ายเพียงนั้นเชียวหรือ บ้านฝั่งมารดาของซื่อจื่อฮูหยินเป็นถึงจวนจงอู่โหว ใหญ่โตกว่าจวนหย่งหนิงโหวที่ตกอับเช่นนี้ของพวกนางมาก ดังนั้นหลังของซื่อจื่อฮูหยินจึงยืดตรงเพียงนั้นได้ แม้ฮูหยินจะเป็นแม่สามี แต่แล้วอย่างไร ขับหรือไม่ขับซื่อจื่อฮูหยินอย่าว่าแต่ฮูหยินตัดสินใจไม่ได้ ต่อให้เป็นท่านซื่อจื่อก็ตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน เรื่องนี้ยังต้องให้ท่านโหวเป็นผู้ตัดสินใจ

 

 

“ฮูหยินท่านรีบระงับโทสะเถิดเจ้าค่ะ คนหยาบคายเหล่านี้ในจวนจงอู่โหวจะมีบ่าวที่รู้จักมารยาทได้อย่างไร ท่านคิดเล็กคิดน้อยกับพวกนางไม่ใช่เป็นการลดตัวเองลงเปล่าๆ หรือ มา ฮูหยินดื่มชาคลายอารมณ์เสียหน่อย” แม่นมคนสนิทยกถ้วยชาส่งไปที่มืออวี้ซื่อ

 

 

ตอนนี้อวี้ซื่อไหนเลยจะมีอารมณ์ดื่มชา มือสะบัดปัดถ้วยชาตกลงบนพื้น น้ำชาและเศษกระเบื้องแตกกระจายทั่วสารทิศ อวี้ซื่อเองก็ไม่สนใจ ยังคงกล่าวด้วยความเดือดดาล “นี่ไหนเลยจะเป็นลูกสะใภ้ เห็นชัดๆ ว่าเป็นบรรพบุรุษต่างหาก! ข้าเป็นแม่สามี ยังต้องพลิกหน้าสะใภ้มาดู ชีวิตช่วงนี้อับจนหนทางจริงๆ”

 

 

หญิงชั่ว ในเมื่อมีความสามารถกลับบ้านฝั่งมารดาได้ เช่นนั้นก็อยู่ไปตลอดเถิด หวังว่านางจะไปขอโทษ ไปรับหรือ อย่าได้คิด!

 

 

แม่นมคนสนิทที่สั่งสาวใช้เก็บกวาดเศษบนพื้นเสียงเบาพูดในใจ ตั้งแต่อดีตแม่สามีลูกสะใภ้เป็นศัตรูแต่กำเนิด แม่สามีไม่ทรมานลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้ก็วางอำนาจไม่เห็นแม่สามีอยู่ในสายตา

 

 

ฮูหยินกับซื่อจื่อฮูหยินแม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้กูเหมือนจะเป็นอย่างหลัง แต่ที่วุ่นวายมาจนถึงวันนี้ก็เป็นฮูหยินที่ทำขึ้นมาเอง นึกถึงตอนแรกที่ซื่อจื่อฮูหยินแต่งเข้ามาก็เคารพกตัญญูต่อฮูหยินอย่างถึงที่สุด แต่ฮูหยินกลับเห็นซื่อจื่อฮูหยินไม่เข้าตา นานวันเข้า ก็ขัดหัวใจของซื่อจื่อฮูหยินให้เย็นชามิใช่หรือ

 

 

อันที่จริงบ่าวเหล่านี้เช่นพวกนางมองเห็นชัดเจน ฮูหยินเพียงแค่รังเกียจที่สินเดิมของซื่อจื่อฮูหยินที่น้อยเกินไปมิใช่หรือ

 

 

“ฮูหยินเอ่ยวาจาโทสะออกมาได้อย่างไร ท่านซื่อจื่อกับซื่อจื่อฮูหยินกตัญญูต่อท่านอย่างถึงที่สุด” แม้จะรู้ว่าแม่สามีลูกสะใภ้ไม่ถูกกัน แต่คนเป็นบ่าวกลับไม่โน้มน้าวไม่ได้

 

 

“อวี้เอ๋อร์ของข้าย่อมกตัญญูอย่างถึงที่สุด ส่วนเสิ่นซื่อ เหอะ นางไม่ยั่วโมโหข้าตายก็ไม่เลวแล้ว” อวี้ซื่อตบที่วางแขนเก้าอี้ นึกถึงลูกน้องสาวที่วิ่งร้องไห้ออกไป “ไปดูสิว่าเฟยเฟยเป็นอย่างไรแล้ว เด็กที่น่าสงสารถูกข้าพาให้โชคร้ายโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”